WORLD NEWS

สำนักข่าว BBC รายงานว่า โปรตุเกสได้สั่งห้ามเจ้านายส่งข้อความและอีเมลอื่นๆ ถึงพนักงานนอกเวลาทำงาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายใหม่ที่เรียกว่า “สิทธิในการพักผ่อน” (Right to Rest) โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลง เพื่อปรับปรุงสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน (Work-Life Balance) และเพื่อรองรับการขยายตัวการทำงานทางไกลแบบ Work From Home ในประเทศ โดยบริษัทที่มีพนักงานมากกว่า 10 คนอาจถูกปรับหากติดต่อพนักงานนอกเวลาทำการตามสัญญาของบริษัท

ถึงแม้ว่าเราควรจะแยกการทำงานและการใช้ชีวิตออกจากกัน แต่ข้อเสนอที่น่าสนใจจาก Time ก็บอกว่าเราไม่ควรมองทั้งสองอย่างเป็นขั้วตรงข้ามระหว่าง ‘สิ่งที่รัก’ (Love) และ ‘สิ่งที่เกลียด’  (Loathe) ทั้งนี้ไม่เพียงแต่ให้เรารู้สึกดีขึ้น แต่เพื่อให้เราไม่อคติกับงาน และไม่ลืมสิ่งความตั้งใจเดิมของเราไปในที่สุด 

จากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่เป็นผลพวงจากภาวะน้ำทะเลหนุนสูง ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากได้รับความเดือดร้อนในการใช้ชีวิต ทั้งนี้เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาพื้นที่ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล กลายเป็นพื้นที่เฝ้าระวังจากสถานการณ์น้ำท่วมจากพายุโซนร้อนเตี้ยนหมู่ ที่ส่งผลให้บริเวณตอนเหนือของประเทศมีปริมาณน้ำฝนมากผิดปกติ จนกลายเป็นความเสี่ยงที่มวลน้ำปริมาณมหาศาลที่อาจเอ่อล้นลำน้ำสาขาต่างๆ และเข้าท่วมพื้นที่กรุงเทพมหานครในที่สุด หากไม่สามารถระบายและควบคุมปริมาณน้ำได้อย่างเหมาะสม

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดใน Instagram ไม่ใช่การโปรโมตขายของโดยเหล่า Influencer แต่เป็น Beauty Standard ที่เกิดขึ้นภายในแพลตฟอร์มต่างหาก เนื่องจากมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้สวยหล่อตามแบบมาตรฐานที่สังคมกำหนดเอาไว้ และรู้สึกว่าตัวเองหลุดออกจากกรอบความงามเหล่านั้น จนเกิดเป็นความเครียดและความกดดันที่สุดท้ายก็ทำให้เสียสุขภาพจิตไปไม่น้อย

‘การงาน’ ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งที่สำคัญในชีวิตเรา เพราะหากหน้าที่การงานดีย่อมนำมาซึ่งฐานะที่ดีทั้งในแง่ของฐานะการเงินและรวมไปถึงตำแหน่งทางสังคม ฉะนั้นจึงไม่แปลกเลยที่คนเราจะยิ่งขวนขวายการทำงานและโหยหาความสำเร็จมากมาย อย่างไรก็ตาม การพยายามไล่ล่าความสำเร็จย่อมนำมาซึ่งความเหนื่อยล้า ความเครียด แม้กระทั่งอาการหมดไฟในการทำงาน มารู้จัก ‘สัปดาห์แห่งการดูแลตนเอง’

การทำงานจากที่บ้านดูเหมือนจะกลายเป็นการทำงานกระแสหลักในปัจจุบันไปแล้วจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างไรก็ตาม คำถามที่ตามมาจากเหล่าพนักงานที่ต้องทำงานจากที่บ้านก็คือ หัวหน้างานของเราจะสามารถเห็นศักยภาพการทำงานของเราได้อย่างไรในเมื่อเราไม่ได้เข้าออฟฟิศ? และจะมีการประเมินเพื่อเลื่อนขั้นในการทำงานอย่างไร?

หลังจากการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ในที่สุดหลังจากที่รัฐบาลได้ประกาศเปิดประเทศอย่างเป็นทางการในวันนี้ (1 พ.ย. 21) พนักงานออฟฟิศหลายรายเริ่มที่จะกลับไปทำงานที่ออฟฟิศกันแล้ว อย่างไรก็ตามพนักงงานออฟฟิศหลายรายอาจจะพบว่า เมื่อกลับมาทำงานที่ออฟฟิศอาจจะไม่มีโต๊ะทำงานประจำอีกต่อไป

หลายๆคนอาจจะคุ้นเคยกับกระแส The Great Resignation ที่ผู้คนจำนวนมหาศาลจะแห่ลาออกจากงานเพื่อไปหางานใหม่ครั้งใหญ่ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ส่งผลทำให้รูปแบบชีวิตการทำงานเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงกระแส The Great Resignation ยังเป็นเพียงหนึ่งในปรากฏการณ์ของสถานการณ์การจ้างงานในปัจจุบันที่เรียกว่า The Great Reshuffling ที่นอกจากอัตราการลาออกมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงนี้ แต่อัตราการเปลี่ยนงานก็ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นตามด้วยเช่นกันจากการเปิดเผยข้อมูลของ Ryan Roslansky CEO ของ LinkedIn

ผลสำรวจโดยบริษัท Ignite80 ซึ่งเป็นบริษัทด้านการพัฒนาและเรียนรู้ ระบุว่าทีมที่ทำผลงานได้ดีและมีประสิทธิภาพสูงในที่ทำงาน ส่วนใหญ่แล้วมักจะเป็นทีมที่ขี้เล่น หรือใช้อีโมจิหรือสติกเกอร์ที่มีความขบขันในการติดต่อสื่อสารบนโลกดิจิทัล อีกทั้งยังจะเป็นทีมที่มักจะพูดคุยในเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงาน โดยพวกเขามักจะมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันภายในทีมแบบเพื่อนสนิทมากกว่าเพื่อนร่วมงาน