รู้สึกเหมือนเดินอยู่กับที่ ทำไมไม่ก้าวหน้าเหมือนอย่างคนอื่นบ้าง?
การที่เรารู้สึกเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เราทุกคนคงมีช่วงเวลาที่เรารู้สึกว่าติดอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน ในขณะที่คนอื่นเดินนำเราไปแล้ว จริงๆ ช่วงเวลาที่เราจะรู้สึกเช่นนี้มักจะเป็นเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่ถ้าใครจมกับความรู้สึกแบบนี้มานานแล้ว ลองปรับความคิดและการกระทำของคุณตาม 6 วิธีนี้กันเลย
6 วิธีคิดในวันที่ชีวิตหมดความมั่นใจ
1. หยุดคาดหวังมากกว่าลงมือทำ
หลายๆ ครั้งที่เราคาดหวังว่าจะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับเรา แต่เราไม่เคยออกจากกรอบที่เราตั้งไว้ ทำแต่สิ่งเดิมๆ ที่ทำเป็นประจำทุกวัน แต่ความเป็นจริงแล้วความคาดหวังจะไม่เกิดขึ้นจริง หากเราไม่ลองลงมือทำ ลองเปลี่ยนสิ่งที่ตัวเองทำเป็นประจำ มาเป็นการกระทำที่จะช่วยให้เราก้าวไปถึงเป้าหมายที่เราต้องการ การลงมือทำอย่างน้อยมันก็น่าจะสร้างผลลัพธ์ที่แตกต่างไป อาจจะทำให้เราได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ได้ไอเดียดีๆ กลับมา ดีกว่าเราไม่ทำอะไรและหยุดอยู่แต่กับสิ่งเดิมๆ ซ้ำๆ เหมือนที่เคยเป็น
2. สร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง
บางครั้งการที่เราไม่ลงมือทำ หรือก้าวออกไปไขว่คว้าสิ่งที่เราต้องการ ก็เป็นเพราะเรา ‘ขาดความมั่นใจในความสามารถและความเชื่อมั่นในตัวเราเอง’ ดังนั้นคนที่รู้สึกว่าตัวเองย่ำอยู่กับที่ อาจจะต้องเริ่มจากการแก้ไขความมั่นใจของตัวเองเสียก่อน ต้องยอมรับว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเกิดมาพร้อมกับความมั่นใจ แต่ความมั่นใจเป็นสิ่งที่เราสามารถสร้างขึ้นมาได้ การสร้างความมั่นใจของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันออกไป อาจจะเริ่มลองทำในสิ่งที่เรากลัวหรือเราไม่กล้าที่จะทำ หยุดเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น มีความเมตตากับตนเอง (Self-Compassion) หรือแม้แต่การให้กำลังใจตัวเองในทุกๆ วันก็สามารถที่จะช่วยเสริมความมั่นใจให้กับตัวเราเอง
3. ลองหาตัวช่วยในการพัฒนาตัวเอง
“เรายังไม่ดีพอ” “ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป” “รู้สึกเหมือนหลงทาง” หากเราเริ่มที่จะรู้สึกเช่นนี้ ลองหาตัวช่วยอื่นที่จะช่วยให้เราพัฒนาตัวเองและปรับมุมมอง หรือแม้แต่ช่วยให้เราสามารถก้าวออกจากความคิดแย่ๆ เหล่านั้น ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ อ่านบทความ ดูยูทูป หรือฟังพอดแคสต์ ลองเลือกคอนเทนต์ที่เหมาะกับสิ่งที่เราต้องการ ที่จะช่วยเป็นแรงผลักดันให้เราปรับและพัฒนา ซึ่งในปัจจุบันต้องขอบคุณเทคโนโลยีที่ทำให้เราเข้าถึงสิ่งพวกนี้ได้อย่างง่ายดาย
4. โฟกัสที่ความก้าวหน้า อย่าโฟกัสที่เป้าหมายอย่างเดียว
บางทีเราอาจจะโฟกัสที่ปลายทางมากเกินไป ตั้งคำถามกับตัวเองว่าทำไมเราถึงยังไม่ถึงเป้าหมายสักที จนมองไม่เห็นว่าระหว่างทางเราได้ทำอะไรไปบ้างแล้ว เราก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว เพราะความสำเร็จเริ่มจากการก้าวขึ้นบันไดทีละขั้น จงดูว่าระหว่างทางนั้นเราได้ขึ้นไปได้สูงแค่ไหนแล้ว และคุณอาจจะพบว่าจริงๆ แล้วตัวคุณนั้นไม่ได้เดินย่ำอยู่กับที่
5. โฟกัสในสิ่งที่ตัวเองมี ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองไม่มี
“ทำไมเราถึงยังไม่มีแบบนั้น ไม่มีแบบนี้?” เมื่อเรามัวแต่โฟกัสว่าเราขาดอะไรไปบ้าง เราอาจจะมองข้ามโอกาสรอบตัวเราที่จะพาเราก้าวไปข้างหน้า ลองเริ่มจากการปรับมุมมอง สังเกตว่าในตอนนี้เรามีอะไรอยู่ในมือและมันจะให้ประโยชน์เราด้านใด เราจะพัฒนาและฝึกฝนมันได้อย่างไร จงเริ่มจากสิ่งที่เรามีและทำในสิ่งที่เราทำได้ เมื่อเราคิดเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ต่อไปเราก็จะมองสิ่งรอบตัวเป็นโอกาสและเริ่มที่จะคิดบวกอย่างเป็นธรรมชาติ
6. ขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง
เมื่อเรารู้สึกหลงทางหรือไม่รู้จะไปต่อทางไหน ลองทำทุกทางที่เคยทำแล้วแต่ก็ยังไม่ดีขึ้น บางทีการขอความช่วยเหลือจากคนที่เราไว้ใจก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ลองเล่าให้เขาฟังว่าคุณรู้สึกอย่างไรหรือติดขัดตรงไหน เปิดประตูให้ความคิดและความรู้สึกเหล่านี้ได้ไหลออกไปบ้าง เพราะบางทีคนเราก็ไม่ได้ต้องการคนที่เข้าใจเราทั้งหมด แค่ต้องการคนที่รับฟังและพยายามที่จะทำความเข้าใจเราเท่านั้น
แปลและเรียบเรียง:
อ้างอิง: