ถ้าคุณเคยเดินทางไปท่องเที่ยว หรือพักผ่อนหย่อนใจที่เมืองเล็กๆ ตามมุมต่างๆ ทั่วโลกเมื่อนานมาแล้ว เพียงแค่เดินผ่านและได้กลิ่นหอมฟุ้งอันอบอุ่นจากร้านเบเกอรีข้างทางก็ทำให้เรานึกย้อนกลับไปในช่วงเวลาสบายๆ ที่เคยใช้ในเมืองเล็กๆ อันเงียบสงบและอบอุ่นในฝรั่งเศสเมื่อหลายปีก่อน
หรืออาจเป็นกลิ่นหอมของร้านสปา ที่ทำให้เรานึกถึงรีสอร์ตริมทะเลในทริปทะเลเมื่อนานมาแล้ว บางคนอาจจะนึกถึงทุ่งดอกไม้กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา เมื่อได้กลิ่นกลิ่นหมู่มวลดอกไม้จากน้ำหอม หรือน้ำยาปรับผ้านุ่มจากเสื้อผ้าที่ตากอยู่บนราว
สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้บ่อยกับคนที่สนใจและไวต่อ ‘กลิ่น’ เป็นพิเศษ เช่น คนที่ชื่นชอบในการประพรมเครื่องหอม น้ำหอม หรือชื่นชอบเครื่องประทินผิวที่มีกลิ่นหอม เช่น ครีมทาตัว หรือโลชันน้ำหอม คนที่ชื่นชอบการตกแต่งห้อง และสร้างบรรยากาศพื้นที่รอบตัวให้มีกลิ่นหอมอยู่เสมอ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอมปรับอากาศ เช่น สเปรย์ปรับอากาศห้อง ก้านหอมปรับอากาศ หรือเทียนหอม
โดยกลิ่นหอมพวกนี้ไม่เพียงแต่ถูกใช้ประโยชน์เพื่อกระตุ้นให้นึกถึงความทรงจำในอดีตเท่านั้น แต่ยังสร้างบรรยากาศและกระตุ้นความรู้สึกบางอย่างของผู้คนขึ้นมาได้ด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมกลิ่นบางกลิ่นถึงสร้างความประทับใจให้ผู้คนได้อย่างมากมหาศาล
มาดูกันว่าเรื่องราวเบื้องหลังของ ‘กลิ่นหอม’ นั้นทรงพลังต่อสมองและการรับรู้ของเราอย่างไร?
กลิ่นหอม 4 ตระกูลหลัก และเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร
ว่ากันว่ากลิ่นหอมที่ติดตัวเราสะท้อนเอกลักษณ์ ตัวตน และช่วยขับความโดดเด่นของคนที่ใช้กลิ่นนั้นออกมาได้อย่างชัดเจน ผู้คนจึงเลือกน้ำหอมที่ตัวเองชื่นชอบ เพื่อสะท้อนลักษณะนิสัยของพวกเขา หรือบางคนก็เลือกน้ำหอมที่เหมาะกับสถานการณ์ในแต่ละวันด้วย
เช่น การฉีดน้ำหอมกลิ่นหวานจากดอกไม้ เพื่อเน้นภาพลักษณ์ที่เป็นมิตรและอ่อนหวาน การใช้ผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นกายที่ผสานกลิ่นฟรุตตี้จากผลไม้ เพื่อเติมความกระปรี้กระเปร่า และความสนุกสนานให้กับวันนั้นทั้งวัน เป็นต้น ทั้งนี้ในอุตสาหกรรมเครื่องหอมและน้ำหอมได้สร้างสรรค์กลิ่นหอมมากมายมานับไม่ถ้วนก็จริง แต่ในบรรดากลิ่นหอมที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมาอย่างประณีตนั้นมีกลิ่นที่ผู้คนคุ้นเคยมากที่สุดอยู่ 4 ตระกูลใหญ่ๆ ได้แก่
[ ] กลิ่นหอมสดชื่น (Fresh)
กลิ่นตระกูล Fresh จะทำให้คนนึกถึงธรรมชาติที่เขียวขจี หรือธรรมชาติที่ให้ความรู้สึกสะอาด เช่น ทะเล ป่าเขา ฯลฯ เป็นกลิ่นที่ชวนให้รู้สึกเหมือนกำลังวิ่งเล่นอยู่ในสวนยามเช้า รวมถึงกลิ่นของผลไม้ตระกูลเปรี้ยวอย่างซิตรัสก็ทำให้คนรู้สึกถึงพลัง และความสดชื่นได้เช่นกัน นอกจากจะมอบพลังแล้ว กลิ่นตระกูล Fresh ยังเสริมให้คนที่ใช้น้ำหอมกลิ่นนี้เป็นคนที่น่าคบหา เข้าถึงง่าย และเป็นกันเองได้ด้วย
[ ] กลิ่นหอมจากเครื่องเทศ (Oriental)
กลิ่นหอมตระกูลนี้ไม่ได้มาจากเครื่องเทศเครื่องปรุง แต่เป็นเครื่องเทศจากพืชพันธุ์ที่มีเอกลักษณ์ เช่น วานิลลา ลูกกระวาน อบเชย ฯลฯ โดยส่วนใหญ่แล้วความหอมตระกูลนี้มักจะผสมกลิ่นตระกูล Floral เข้าไปเล็กน้อย ซึ่งจะให้ความรู้สึกหลากหลาย ทั้งความหอมหวานปนกับกลิ่นที่อบอุ่น ให้ความรู้สึกหรูหรา มีระดับ แต่ก็ยังแฝงความอบอุ่นอ่อนโยนด้วย
[ ] กลิ่นหอมจากดอกไม้นานาพรรณ (Floral)
กลิ่นหอมตระกูลนี้มาจากการผสมผสานระหว่างดอกไม้และธรรมชาติ ทำให้เป็นความหวานแบบสดชื่น ซึ่งเป็นกลิ่นที่ได้รับความนิยมอย่างมากทีเดียว เพราะนอกจากจะขับความอ่อนหวานให้กับบุคลิกภาพได้แล้ว ความหอมจากดอกไม้ยังช่วยลดความเครียด และกระตุ้นให้สมองผ่อนคลาย รวมถึงเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ได้ด้วย
[ ] กลิ่นหอมจากไม้ (Woody)
กลิ่นหอมตระกูลไม้เรียกได้ว่าเป็นกลิ่นที่มั่นคงและให้ความรู้สึกสงบอบอุ่นได้มากที่สุด เมื่อเทียบกับกลิ่นตระกูลอื่นที่กล่าวไปข้างต้น เนื่องจากเป็นกลิ่นที่ได้จากพืชพันธุ์ไม้ เช่น ไม้ซีดาร์ เป็นกลิ่นที่คล้ายกับควันไฟที่ให้ความหอมลึกและอบอุ่น หรือกลิ่นที่สกัดจาก Vetiver หญ้าแฝกที่มีกลิ่นหอม ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนเดินอยู่ในป่าลึกเขียวขจีได้เช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น กลิ่นตระกูล Woody ยังได้ชื่อว่าเป็นกลิ่นที่มีความเป็นชาย (Masculinity) สูงกว่าตระกูลอื่นๆ จึงมักใช้กับสถานการณ์ที่ต้องแสดงภาพลักษณ์ที่นิ่ง สุขุม และหรูหราได้ด้วย
กลิ่นแบบไหนกระตุ้นเราได้บ้าง?
มีงานวิจัยมากมายจากทั่วทุกมุมโลกยืนยันว่านอกจากกลิ่นจะสามารถกระตุ้น และเรียกความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับเราให้เด่นชัดขึ้นมาได้แล้ว กลิ่นหอมแต่ละประเภทยังมีผลกระทบเชิงบวกกับอารมณ์และความรู้สึกของผู้คน จึงทำให้หลายคนเลือกใช้กลิ่นสร้าง ‘บรรยากาศ’ ในสถานการณ์ต่างๆ ด้วยเช่นกัน
นักวิจัยจากนิวซีแลนด์กล่าวว่า ‘กลิ่น’ ที่เหมาะสมจะช่วยกระตุ้นความอยากซื้อของผู้บริโภคได้อย่างมีนัยสำคัญ จากการสำรวจพฤติกรรมการจับจ่ายซื้อของของคน 2 กลุ่ม โดยกลุ่มแรกใช้กลิ่นของสมุนไพร ในขณะที่อีกกลุ่มใช้เป็นกลิ่นของขนมอบ
ผลการทดลองพบว่ากลิ่นหอมเย็นและสดชื่นจากสมุนไพร หรือกลิ่นความสดชื่นจากธรรมชาติจะกระตุ้นให้ลูกค้าซื้ออาหารเพื่อสุขภาพ เช่น สลัด ผักผลไม้มากกว่ากลุ่มที่ได้กลิ่นขนมอบ และมีแนวโน้มว่าจะเหมาซื้ออาหารในปริมาณมากกว่าลูกค้าอีกกลุ่มด้วย โดยมีเพียง 5% ของผู้บริโภคเท่านั้นที่สังเกตได้ถึงกลิ่นรอบตัวของพวกเขา
นอกจากนี้กลิ่นยังเชื่อมโยงกับการรับประสาทสัมผัสรูปแบบอื่นของผู้คนได้อีกด้วย ดังที่รัสเซลล์ โจนส์ (Russell Jones) ได้กล่าวถึงในหนังสือเรื่อง The Power of Your Senses ของเขาว่า มนุษย์มีประสาทสัมผัสที่ประสานความคิดกับความรู้สึกเข้าด้วยกัน เช่น กลิ่นเปรี้ยวของซิตรัส หรือมะนาวทำให้คนรู้สึกถึงรูปทรงที่แหลมคม การเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว และเฉดสีที่สดใสได้ด้วย
ด้วยเหตุนี้ น้ำหอมและผลิตภัณฑ์ปรับอากาศห้องจึงกลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ที่ผู้คนใช้สร้างบรรยากาศให้กับห้องทำงาน ห้องนอน ห้องอ่านหนังสือ หรือร้านค้าต่างๆ รวมทั้งยังถูกนำมาใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ด้วย
รวมลิสต์ ‘กลิ่นหอม’ บำรุงสมอง และกระตุ้นความคิด
จากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์และการทดลองจากสถาบันต่างๆ จำนวนมาก เราได้รวบรวมกลิ่นหอมจากทั้ง 4 ตระกูลที่มีผลเชิงบวกต่อความคิด อารมณ์ ความทรงจำ และยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองในงานรูปแบบต่างๆ เอาไว้ดังนี้
[ ] เปปเปอร์มินต์ เป็นกลิ่นที่ได้ชื่อว่าช่วยกระตุ้นสมาธิและการโฟกัสได้ดี หากรู้สึกว่าตอนนี้สมองของเรากำลังฟุ้งซ่านและมีอารมณ์ไม่คงที่ กลิ่นหอมเย็นของเปปเปอร์มินต์จะช่วยลดความกระสับกระส่ายและทำให้เราสงบลงได้
[ ] โรสแมรี ก็เป็นอีกกลิ่นที่มีประโยชน์ต่อการสร้างสมาธิและเพิ่มพลังโฟกัสให้กับสมองเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นกลิ่นหอมจากโรสแมรียังช่วยพัฒนาความจำ ซึ่งทำให้เราสามารถจดจำสิ่งต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำยิ่งขึ้นด้วย
นอกจากนี้กรดคาร์โนซิก (Carnosic Acid) ในโรสแมรียังมีสรรพคุณต่อต้านอนุมูลอิสระในสมอง ซึ่งดีต่อผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) เพราะช่วยป้องกันความเสียหาย และทำให้สมองฟื้นตัวได้ดีกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม การรักษายังต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วย
[ ] อบเชย (Cinnamon) เป็นกลิ่นตระกูลเครื่องเทศที่ช่วยเพิ่มพลังต่อสู้กับความเหนื่อยล้าได้ดี โดยเฉพาะคนทำงานที่รู้สึกเฉื่อยชาและหมดแรงไปกับช่วงบ่ายของวัน การได้กลิ่นอบเชยสดใหม่จะช่วยเติมพลัง และเพิ่มความกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาได้
[ ] กลิ่นผลไม้ตระกูลเปรี้ยว (Citrus) เช่น ส้ม เลมอน หรือเกรปฟรุตช่วยลดความวิตกกังวล และต่อสู้กับความเหนื่อยล้าได้ดี โดยใครที่รู้สึกว่าตัวเองไม่เหมาะกับกลิ่นตระกูลเครื่องเทศอย่างอบเชยสด ก็สามารถเติมพลังระหว่างวันด้วยกลิ่นสดชื่นจากผลไม้ตระกูลเปรี้ยวเหล่านี้แทนได้
[ ] ดอกคาโมไมล์ เป็นกลิ่นที่หลายคนรู้สรรพคุณในเรื่อง ‘ความผ่อนคลาย’ ของมันเป็นอย่างดี นอกจากจะช่วยลดความเครียด และทำให้นอนหลับได้ดีแล้ว กลิ่นของดอกคาโมไมล์ยังกระตุ้นให้สมองประมวลผล และเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ ได้ดีมากขึ้น ซึ่งมีผลดีต่อความทรงจำระยะยาวของเราอีกด้วย
[ ] เสจ (Sage) เป็นสมุนไพรที่ให้กลิ่นหอมเย็นแบบความหอมตระกูล Woody ซึ่งมอบความสงบและผ่อนคลายให้กับผู้คน ช่วยเพิ่มความสามารถในการจดจำให้กับสมองได้
[ ] โหระพา (Basil) เป็นกลิ่นของสมุนไพรเช่นเดียวกับเสจ โดยหลายคนอาจรู้สึกว่าเป็นพืชที่มีกลิ่นฉุนแรง แต่กลิ่นของโหระพามีสรรพคุณช่วยลดความเครียด และพัฒนาความจำให้กับสมองได้ด้วย
แม้สรรพคุณของความหอมจะคล้ายกันก็จริง ทว่าแต่ละคนมีความชื่นชอบไม่เหมือนกัน เช่น ในกลุ่มคนที่ต้องการกลิ่นผ่อนคลายและอยากนอนหลับดี ก็มีทั้งคนที่ชอบคาโมไมล์ และคนที่ชอบลาเวนเดอร์แตกต่างกันออกไป
ดังนั้นใครที่กำลังมองหากลิ่นหอมๆ มาเปลี่ยนบรรยากาศให้ห้องและบ้านของคุณให้แปลกใหม่และรู้สึกดีกว่าเดิม ก็ลองเลือกจากบรรดากลิ่นหอมทั้ง 4 ตระกูลดูได้ ยิ่งไปกว่านั้นบางแบรนด์ก็ยังผสมผสานวัตถุดิบต่างๆ จากแต่ละตระกูลเข้าด้วยกัน ทำให้กลิ่นมีความหลากหลายและลงตัวมากยิ่งขึ้นด้วย และหวังว่าคุณจะได้เจอ ‘กลิ่นหอม’ ที่ตรงใจได้ในเร็ววัน
อ้างอิง
– The Power of Your Senses: Why Coffee Tastes Better in a Red Cup and Other Life-Changing Science : Russell Jones – https://amzn.to/3y0N3zR
– How to Smell Your Way to a Smarter Brain : Pat Wyman, HowToLearn – https://bit.ly/4aYilWz
#psychology
#selflove
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast