คลายข้อสงสัย ทำไม Netflix ถึงอยากลงทุนด้านเกมมิ่ง

620
Netflix

พูดถึง ‘หนัง’ หรือ ‘ซีรีส์’ ในยุคปัจจุบันนี้เราก็มักจะนึกถึง Netflix สตรีมมิ่งเจ้าดังที่ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของวงการมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา Netflix ได้นำเสนอซีรีส์คุณภาพมาให้ผู้ชมมากมาย ตั้งแต่ Stranger Things ที่โด่งดังในหลายปีก่อนจนมาถึง Squid Game ซีรีส์ร้อนแรงที่สุดแห่งปี

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางซีรีส์และหนังที่ประสบความสำเร็จมากมาย ก็มีเรื่องที่ ‘ไม่รอด’ เหมือนกัน

คุณภาพที่หลายคนมองว่าเอาแน่เอานอนไม่ได้ ประกอบกับตลาดสตรีมมิ่งที่การแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ เจ้าใหญ่เจ้าอื่นๆ อย่าง HBO, Apple TV และ Disney+ ต่างพากันส่งหนังและซีรีส์คุณภาพมาประชัน ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2021 Netflix เสียลูกค้าในสหรัฐฯ และแคนาดาไปกว่า 400,000 คน

Advertisements

แน่นอน แฟนๆ ต่างคาดหวังให้ Netflix หันมาต่อสู้กลับด้วยคอนเทนต์คุณภาพ แต่แผนรับมือของ Netflix ที่ออกมานั้นกลับทำเอาหลายคน ‘งง’ ไปตามๆ กัน เมื่อบริษัทประกาศจะมาเอาดีด้าน “ตลาดเกม” ด้วย!

Netflix และความสนใจในตลาดเกม

หากใครที่ติดตามข่าวสารอาจเห็นมาสักพักใหญ่ๆ แล้วเรื่องการเริ่มเข้ามาตีตลาดเกมของ Netflix แต่ในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2021 ที่ผ่านมา ทางบริษัทได้มีการประกาศเปิดตัวเกมโทรศัพท์บนแอปฯ Netflix ที่เล่นได้พร้อมกันแล้วทั่วโลกวันนี้ ทั้งในระบบ iOS และ Andriod

“เราตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งกับก้าวแรกของเราใน Netflix Games เริ่มตั้งแต่วันนี้ สมาชิก Netflix ทุกท่านสามารถเล่นเกมมือถือเหล่านี้ได้จากทุกที่บนโลก Stranger Things: 1984,  Stranger Things 3: The Game, Shooting Hoops, Card Blast, และ Teeter Up” Mike Verdu หัวหน้าทีมพัฒนาเกมของ Netflix (ซึ่งอดีตเคยเป็นผู้บริหารค่ายเกมยักษ์ใหญ่อย่าง EA มาก่อน) ได้ออกมาประกาศบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ “เราอยู่เพียงแค่ช่วงเริ่มต้นของการสร้างสรรค์ประสบการณ์การเล่นเกมยอดเยี่ยม และเรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะพาทุกคนเดินทางไปบนเส้นทางนี้พร้อมๆ กับเรา” 

หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงหันมาทำตลาดเกม แทนที่จะผลิตซีรีส์ดีๆ แข่งกับ HBO หรือ Disney+ แต่สำหรับแฟนที่ติดตาม Netflix อย่างใกล้ชิดนั้นจะไม่แปลกใจเท่าไรนัก เพราะ Netflix นั้นมองเกมเป็น “คู่แข่งหลัก” ในการแย่ง “เวลา” ของผู้ใช้งานอยู่แล้ว อะไรที่แย่งเวลาจากหน้าจอของ Netflix ไปถือเป็นคู่แข่งทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่การนอน!

“เรามองว่าเกมเป็นคอนเทนต์อีกประเภทสำหรับเรา ไม่ต่างจากหนัง แอนิเมชัน หรือรายการโทรทัศน์อื่นๆ เลย”

วิดีโอเกมเป็นตลาดที่มีการเติบโตมาอย่างต่อเนื่องทั่วโลก และเติบโตอย่างมากในช่วงการระบาดโควิด-19 เพราะการอยู่แต่บ้านทำให้กิจกรรมในชีวิตของคนเราจำกัดลง การเล่นเกมเลยเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของใครหลายๆ คน พอมาคิดดูดีๆ จึงพบว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่ Netflix จะอยากเข้ามามีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมเกม

หากนับเกมเป็นคู่แข่งด้วย การเสียลูกค้าจำนวนไม่ถึงครึ่งล้านให้สตรีมเมอร์เจ้าอื่น จึงกลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย Netflix ออกมายอมรับเลยว่าพวกเขาเสียลูกค้าให้เกมอย่าง “Fortnite” มากกว่าให้ HBO เสียอีก ตั้งแต่เปิดตัวในปี 2017 Fortnite ก็ประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี รายงานจาก Statista พบว่าในกลางปี 2020 มีผู้เล่นเกมมากกว่า 350 ล้านคนและทำรายได้กว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปในปีนั้น 

Advertisements

ดังนั้นจะเห็นว่าไม่ใช่แค่ “เวลา” ที่ถูกแย่งไป อุตสาหกรรมเกมยังเป็นสื่อบันเทิงดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในแง่ของรายได้อีกด้วย ตามรายงานของ Statista’s Digital Market Outlook พบว่าในปีที่ผ่านมา ตลาดเกมดิจิทัลทำรายได้ไปกว่า 134,000 ล้านเหรียญสหรัฐจากทั่วโลก ซึ่งถือว่าสูงกว่าตลาดสตรีมมิ่งภาพยนตร์หรือเพลงอยู่มาก

เมื่อเกมไม่ใช่ของ “เด็ก” อีกต่อไป

พอพูดถึงเกมเรามักจะคิดถึงเด็กไปด้วยโดยอัตโนมัติ (โดยเฉพาะเด็กผู้ชาย) ภาพจำของ “เด็ก” และ “การเล่นเกม” ที่ฝังหัวเรามาตั้งแต่วัยเยาว์ทำให้เราลืมไปว่า เด็กๆ รอบตัวหรือเพื่อนวัยมัธยมเหล่านั้น พวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้วและหลายๆ คนไม่ได้หยุดเล่นเกมเสียด้วย!

รายงานสถิติจากเว็บไซต์ Statista พบว่าช่วงอายุของคนที่เล่นเกมนั้นต่างจากความเชื่อเดิมๆ ที่เราเชื่อกันอยู่มาก จากการสำรวจผู้เล่นเกมทั้งหมดกว่า 4,000 คนในสหรัฐฯ ผลพบว่ากว่า 38% ของผู้เล่นอยู่ในช่วงอายุ 18-34 ปี ส่วนช่วงอายุที่รองลงมา (26%) คือระหว่าง 35-54 ปี ในขณะเดียวกัน เด็กและเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 18 ปีมีอยู่ 21% เท่านั้น ส่วนอีก 9% และ 6% ที่เหลือคือผู้สูงอายุ 55-64 ปี และ 65 ปีขึ้นไปตามลำดับ

จะเห็นได้ว่าผู้เล่นจำนวนมากอยู่ในช่วงวัยทำงานขึ้นไปและคนเหล่านี้มีกำลังทรัพย์ในการสนับสนุนอุตสาหกรรม ในสหรัฐอเมริกาเพียงอย่างเดียวมีผู้เล่นวิดีโอเกมมากกว่า 214 ล้านคน และในปี 2020 พวกเขาใช้จ่ายกับเกมไปมากกว่า 5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเกมเอง อุปกรณ์เล่นเกม หรือไอเทมต่างๆ ในตัวเกม

ด้วยตัวเลขที่สูงและโอกาสทำเงินที่น่าสนใจนี้เอง อุตสาหกรรมเกมจึงอยู่ในความสนใจของใครหลายๆ คน รวมถึง Netflix อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังถือเป็นจุดเริ่มต้นเท่านั้น ในอนาคตของเกมจากค่าย Netflix จะประสบความสำเร็จเหมือนที่เคย Disrupt วงการภาพยนตร์หรือเปล่า ยังต้องติดตามกันต่อไป

อ้างอิง
https://bit.ly/30ihgtc
https://bit.ly/3FeGibY

#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#society

ติดตามความเคลื่อนไหวและเนื้อหาน่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ https://missiontothemoon.co/

Advertisements

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่