รู้ทัน 7 ภัยร้ายที่ปะปนอยู่ในอากาศ ทุกวันนี้เราหายใจเอาอะไรเข้าไปบ้าง?

992
1920-nanoe-x by panasonic

Mission to the Moon x Panasonic

ทุกวันนี้เราหายใจเอาอะไรเข้าไปในร่างกายบ้าง?

เมื่อเราตื่นเช้ามามองอากาศนอกบ้าน ท้องฟ้าก็ดูสดใส อากาศก็ดูเย็นสบาย ลมโกรกหน่อยๆ กำลังดี.. หลายคนอาจกำลังคิดในใจอยู่ว่า “วันนี้อากาศบริสุทธิ์จังเลย” แต่หารู้หรือไม่ อากาศที่เราคิดว่าบริสุทธิ์อาจไม่บริสุทธิ์อย่างที่คิด

Advertisements

ถึงแม้ว่าบางคนอาจจะบอกว่าไม่เป็นไร อากาศข้างนอกไม่ดี เราก็อยู่แต่ในบ้าน ในออฟฟิศแล้วกัน แต่หารู้ไม่ว่าอากาศเหล่านี้สามารถหลุดลอดเข้ามาผ่านช่องว่างตามที่ต่างๆ ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นประตู หรือหน้าต่างก็ตาม ทำให้อย่างไรๆ เราก็ไม่อาจหลีกหนีภัยจากอากาศได้เลย และนี่ยังไม่รวมไปถึงปัญหาที่มากับทางอากาศจากสิ่งที่เกิดขึ้นภายในบ้าน หรือสิ่งที่เรานำเอามาไว้ภายในบ้าน

ทำให้เราต้องกลับมาถามคำถามกับตัวเองกันใหม่ว่า ทุกวันนี้อากาศที่เราหายใจเข้าไปในทุกๆ วันนั้นดีแล้วจริงหรือ? เพราะว่าถ้าหากเราสูดดมอากาศที่ปนเปื้อนไปเป็นระยะเวลานานๆ ก็อาจก่อให้เกิดผลเสียในระยะยาวกับระบบทางเดินหายใจและร่างกายของเราได้

ปัญหาทางอากาศนี้มีอะไรบ้าง? เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ 7 ปัญหาเหล่านี้กัน

1. ปัญหาจากกลิ่น

ปัญหาจากกลิ่นคาดว่าเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวเราทุกคนมากที่สุด แน่นอนว่ากลิ่นบางกลิ่นที่เราสูดดมเข้าไปอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่มากขนาดนั้น อย่างกลิ่นอาหาร หรือกลิ่นน้ำหอม แต่บางทีก็มีกลิ่นไม่พึ่งประสงค์บางอย่างที่ค่อนข้างรบกวนจิตใจเรา โดยเฉพาะกลิ่นเหม็นต่างๆ ไม่ว่าจะกลิ่นขยะ กลิ่นอับ หรือที่ร้ายแรงที่สุดคือกลิ่นบุหรี่ ที่ถ้าสูดดมเข้าไปมากๆ แล้วจะส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว และโดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กเล็กๆ ก็คงไม่อยากที่จะให้ลูกหลานของเราเอาสิ่งเหล่านี้เข้าไปในร่างกายสักเท่าไหร่

2. ไวรัสและแบคทีเรีย

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภัยจากอากาศที่เราต่างกังวลอย่างมากในยุคนี้คือ ภัยของไวรัสและแบคทีเรียนี่แหละ จากการระบาดของโรคโควิด-19 ที่จากตอนแรกแพร่กระจายผ่านทาง Droplet ฝอยละอองขนาดใหญ่ จนตอนนี้สามารถที่จะแพร่กระจายผ่านทาง Airborne หรือทางอากาศได้แล้ว ทำให้หลายๆ คนตระหนักถึงสิ่งที่มองไม่เห็นในอากาศมากยิ่งขึ้น และนี่ยังไม่รวมถึงเชื้อไวรัสอื่นๆ อย่างเช่น ไวรัสโคโรน่าในแมว ไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ุ H1N1 ไข้หวัดใหญ่ และไข้หวัดนก ที่สามารถติดผ่านการอยู่ในพื้นที่เดียวกันอีกด้วย

3. เชื้อรา

เชื้อราเป็นสิ่งที่เราหลายคนกลับมองข้าม แต่สามารถสร้างผลเสียให้กับร่างกายเราอย่างที่เราคิดไม่ถึง เพราะว่าถ้าเมื่อไหร่เรามีเชื้อราในบ้าน ไม่ว่าจะเชื้อราที่อยู่ในห้องน้ำ เชื้อราที่อยู่ในดิน หรือเชื้อราที่อยู่ในฝุ่น เชื้อราเหล่านี้จะสร้างสปอร์ขึ้นมา และสามารถแพร่กระจายผ่านอากาศ ซึ่งเมื่อสูดดมเข้าไปเป็นระยะเวลานาน อาจก่อให้เกิดอาการต่างๆ อย่างจาม น้ำมูกไหล หรืออาการภูมิแพ้ได้

4. สารก่อภูมิแพ้

รู้หรือไม่ว่ารอบตัวของเรามีสารก่อภูมิแพ้เต็มไปหมด ความเสี่ยงจากสารพวกนี้จึงเกิดได้ทุกเหมือน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีความอ่อนไหวต่อสารบางชนิดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นไร แมลง ที่อยู่ตามที่นอน หรือสัตว์ เช่น เซลล์ผิวหนัง ขน หรือน้ำลายของสัตว์เลี้ยง ที่เมื่อเข้าไปในร่างกายของเราจะไปกระตุ้นให้เกิดอาการภูมิแพ้ต่างๆ ตามมา

5. ละอองเกสร

มีคนบางประเภทที่มักจะมีความ Sensitive ต่อละอองเกสรชนิดต่างๆ ที่มาจากดอกไม้ หรือหญ้า ซึ่ง ณ ปัจจุบันดอกไม้ พืชพันธุ์ต่างๆ เราไม่ได้ปลูกนอกบ้านอย่างเดียวเท่านั้น แต่มีการนำมาปลูกในบ้านเพิ่มขึ้นอย่างมาก ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่ต้องระวังอย่างมากสำหรับคนที่แพ้เกสรประเภทนี้เป็นพิเศษ

6. สารอันตราย

หลายคนอาจจะสงสัยว่าสารอันตรายคืออะไร? แต่สารอันตราย ณ ที่นี้ ไม่ใช่อะไรไกลตัวเราเลย นั่นคือ “PM 2.5” นั่นเอง PM 2.5 คงเป็นสิ่งที่เรามักจะได้ยินในช่วงหลายปีให้หลังมานี้ ที่เราเห็นควันขาวหนาทุกเช้านั่นไม่หมอกแต่อย่างใด แต่เป็นฝุ่นขนาดเล็กมากๆ นั่นเองซึ่งเกิดจากการเผาไหม้ต่างๆ เช่น ควันเสียจากรถ ควันเสียจากโรงงาน หรือการก่อสร้าง เป็นต้น โดยผลกระทบของ PM 2.5 ที่ร้ายแรงที่สุดคือมีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งปอดเลยทีเดียว

7. อากาศที่ไม่เป็นผลดีต่อผิว

รู้หรือไม่ว่าอากาศรอบตัวของเรามีผลต่อผิวและเส้นผมของเราเช่นกัน อากาศบางอากาศขาดความชุ่มชื่นทำให้ผิวของเรานั้นแห้งกร้าน และยังทำให้ผิวของเรานั้นเสื่อมสภาพลง สำหรับเส้นผมของเราก็เช่นเดียวกัน ที่อาจทำให้ผมของเรานั้นขาดความชุ่มชื้น แห้ง และขาดความเงางาม ซึ่งสำหรับคนที่มีปัญหานี้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่ออยู่ในสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจก็ยิ่งส่งผลกระทบต่อผิวและผมมากยิ่งขึ้นไปอีก

Advertisements

ในปัญหา 7 ข้อนี้ เชื่อว่าเป็นสิ่งที่เราเผชิญแทบจะทุกวัน ไม่ว่าจะฝุ่น เชื้อรา PM 2.5 และไวรัสต่างๆ ที่เราไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้ และถ้าหากใครมีผู้สูงอายุ หรือเด็กเล็กในบ้าน ก็ยิ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวลเข้าไปใหญ่ว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะสูดดมอะไรเข้าไปบ้าง ดังนั้นการมีสภาพคุณภาพอากาศที่ดี จะช่วยลดความเสี่ยงจากปัญหาเหล่านี้อย่างมาก.. แต่แล้วจะทำอย่างไรล่ะ?

การเลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่เหมาะสมจึงเป็นคำตอบให้กับใครหลายๆ คน ซึ่งไม่ใช่เครื่องใช้ไฟฟ้าเกี่ยวกับอากาศชนิดใดก็ได้ แต่ต้องเป็นชนิดที่มีการผสมผสานกับเทคโนโลยี “nanoe™ X” ที่สามารถแก้ไขปัญหาทั้ง 7 อย่างนี้ได้!

เทคโนโลยี nanoe™ X คืออะไร?

nanoe™ X เป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนามากว่า 20 ปีจาก Panasonic โดยเป็นเทคโนโลยีที่จะรวบรวมความชื้นที่มองไม่เห็นในอากาศและปล่อยกระแสไฟฟ้าแรงสูงเข้าใส่เพื่อสร้างอนุภาคน้ำระดับละอองขนาดนาโนที่มี “อนุมูลไฮดรอกซิล” ที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดกลิ่นและยับยั้งไวรัสและแบคทีเรียได้

ทำให้ในปัญหาทางอากาศที่เราได้กล่าวมาข้างต้นทั้ง 7 อย่าง ไม่ว่าจะเป็นกลิ่น ไวรัส เชื้อรา สารก่อภูมิแพ้ ละอองเกสร หรือปัญหาอากาศต่อผิว เทคโนโลยี nanoe™ X สามารถที่จะรับมือได้หมด และสร้างอากาศในพื้นที่รอบข้างให้มีความบริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น

โดยสำหรับเรื่องเชื้อไวรัสต่างๆ ที่หลายๆ คนเป็นกังวลอยู่ใน ณ ปัจจุบันนี้ nanoe™ X สามารถที่จะยับยั้งไวรัส ไม่ว่าจะเป็นไวรัสโคโรน่าในแมว ไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ุ H1N1 ไข้หวัดใหญ่ และไข้หวัดนก รวมถึงไวรัสโคโรน่าได้ 4 สายพันธุ์ ตั้งแต่อัลฟ่า เบต้า เดลต้า ไปจนถึงแกมม่า โดยอนุมูลจะเข้าไปเปลี่ยนโครงสร้างทางโมเลกุลของโปรตีนของไวรัสเหล่านี้ ทำให้สุดท้ายแล้วการทำงานของไวรัสจะถูกยับยั้งลง โดยสำหรับไข้หวัดใหญ่ H1N1 จากการศึกษาพบว่า nanoe™ X จะสามารถยับยั้งไวรัสที่เกาะแน่นี้ได้ถึง 99% ภายใน 2 ชั่วโมงเลยทีเดียว

และในส่วนของการยับยั้งสารอันตราย จากการศึกษาพบว่า nanoe™ X สามารถที่จะยับยั้งสารพิษพาราฟินได้ถึง 99% หลังจากที่เปิดใช้งาน 16 ชั่วโมง และยิ่งในยุคที่ปัญหาสารพิษเหล่านี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข หรือแก้ไขได้ยาก ดังนั้นการนำเทคโนโลยีที่สามารถกำจัดมลพิษเหล่านี้ และลดความเสี่ยงให้กับตัวเราจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่เราสามารถพอทำได้ เพื่อให้ร่างกายของเราได้รับอากาศที่บริสุทธิ์เข้าไปในร่างกาย เพราะอย่างที่เรารู้กันว่าเป็นเรื่องยากที่เราจะคอนโทรลไม่ให้อากาศประเภทไหนเข้าบ้านของเราบ้าง ไม่ว่าจะปิดบ้านมิดชิดแค่ไหน อากาศจากภายนอกก็ยังไหลเวียนเข้ามาในบ้านได้

และยิ่งในปัจจุบันทาง Panasonic ได้เปิดตัว nanoe™ X รุ่น Mark 2 ออกมา ซึ่งถูกพัฒนาเพิ่มขึ้นในหลายๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นจำนวนประจุที่ถูกปล่อยออกมาเพิ่มมากขึ้น และระยะเวลาที่ใช้ในการยับยั้งเชื้อไวรัสก็น้อยลง ทำให้ประสิทธิภาพในการสร้างอากาศบริสุทธิ์ภายในบ้าน หรือภายในสถานที่ที่เราอยู่นั้นดียิ่งขึ้น

เพราะแน่นอนว่า “อากาศ” เป็นสิ่งที่เราใช้ 24 ชั่วโมงในทุกๆ วัน การที่เราอยู่ในสภาพอากาศที่คุณภาพไม่ดี อาจส่งผลเสียอย่างร้ายแรงให้กับร่างกายได้ เราจึงต้องหันมาให้ความสำคัญกับสิ่งที่เราใช้มากกว่าข้าว มากกว่าน้ำที่เรารับประทานเข้าไปอย่าง “อากาศ” เพราะสุขภาพที่ดีก็ต้องเริ่มจากอากาศที่ดีด้วยเช่นกัน

สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยี nanoe™ X จาก Panasonic เพิ่มเติมได้ที่: https://bit.ly/3FSpeIp

#nanoeX
#PanasonicnanoeX
#Panasonic
#อากาศศาสตร์101

Advertisements

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่