Extrovert ก็ควรอยู่คนเดียวบ้าง…มาชาร์จแบตฯ ชีวิตด้วย “Alone Time” กับการใช้เวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น

1887
Alone Time

นับตั้งแต่มีการศึกษาเรื่องลักษณะบุคลิกภาพของมนุษย์ ในหนังสือ Psychological Types โดยนักจิตวิเคราะห์ ‘Carl Jung’ คำว่า Extrovert และ Introvert ก็กลายมาเป็นคำอธิบายประเภทของผู้คน รวมถึงคำที่กำเนิดใหม่อย่าง Ambivert ด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้เกี่ยวเนื่องไปถึงรูปแบบการใช้ชีวิตและทัศนคติที่แตกต่างกันของมนุษย์ 

เราอาจเข้าใจว่า ชาว Introvert คือคนที่ชอบอยู่คนเดียว ในขณะที่ชาว Extrovert จะชอบให้มีผู้คนรายล้อม แต่ความเป็นจริงแล้วหากจะพูดให้ชัดขึ้น อาจต้องกล่าวถึงในแง่ของสไตล์การ ‘ชาร์จแบตฯ ชีวิต’ ของผู้คน นั่นคือ คนประเภท Introvert เมื่อหมดแรงหมดพลัง มักจะชอบพักผ่อนด้วยการอยู่คนเดียวเงียบๆ ส่วนชาว Extrovert จะชาร์จแบตฯ ด้วยการพูดคุยหรืออยู่ร่วมกับคนอื่นๆ ให้คนรอบข้างช่วยเติมพลังให้ ในขณะที่ Ambivert คือบุคลิกที่ก้ำกึ่งอยู่ระหว่าง Introvert และ Extrovert คือบางทีก็อยากเข้าสังคม สังสรรค์กับเพื่อน แต่บางทีก็อยากพักอยู่คนเดียว

Advertisements

เมื่อเป็นเช่นนี้ ดูเหมือนว่าการอยู่คนเดียวจะเป็นยาขมสำหรับชาว Extrovert แต่รู้หรือไม่ว่า จริงๆ แล้วการอยู่คนเดียวในบางเวลา (Alone Time) กลับส่งผลดีต่อสุขภาพของชาว Extrovert เช่นกัน! เพราะการอยู่กับคนมากๆ นั้นทำให้ชาว Extrovert มีชีวิต ‘ยุ่ง’ อยู่ตลอด ทำให้บางครั้งการ ‘ชาร์จแบตฯ กับเพื่อน’ ก็ส่งผลให้แบตฯ ไม่เต็ม ไปจนถึงการมีอาการที่น่ากังวล เช่น

  • ใจร้อน โมโหง่าย อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ
  • เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย
  • หงุดหงิดกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
  • สมาธิสั้น ไม่สามารถจดจ่อกับอะไรได้นานๆ
  • ขาดความมั่นใจในตัวเอง หดหู่ ท้อแท้
  • ทำงานพลาดมากขึ้น
  • นอนไม่หลับ หรือหลับๆ ตื่นๆ
  • วิตกกังกล เครียด กดดันตัวเองอยู่เสมอ

ถ้าหากสังเกตตัวเองแล้ว ชาว Extrovert พบว่าตนเองกำลังเจอปัญหาเหล่านี้ นี่อาจถึงเวลา ‘ย้ายที่ชาร์จแบตฯ’ จากการอยู่กับคนอื่น มาเป็นการลองอยู่กับตัวเองคนเดียวด้วยการสร้างช่วงเวลา “Alone Time” กันแล้ว!

เข้าใจ “Alone Time” อยู่คนเดียวแต่ไม่ได้โดดเดี่ยวเสมอไป

ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจกันก่อนกว่า “การอยู่คนเดียว” ในที่นี้ไม่ใช่ความรู้สึกโดดเดี่ยวหรือเหงาแต่อย่างใด แต่มันคือ การวางสิ่งรอบข้างและหันมาใส่ใจ ให้ความสำคัญ และให้เวลากับตัวเองมากขึ้น ผ่านการทำกิจกรรมหรืองานอดิเรกที่ตนเองสนใจ หรือจะไม่ทำอะไรเลย นอนนิ่งๆ เฉยๆ ก็ไม่ผิด

เหตุผลที่ชาว Extrovert ควรอยู่คนเดียวบ้าง เป็นเพราะว่าการชาร์จพลังตัวเองด้วยการอยู่กับคนอื่นมากๆ นั้นก็ต้องอาศัยการถ่ายเทพลังของเราออกไปให้กับคนอื่นๆ เช่นกัน ลองสังเกตตัวเองว่า ในยามที่เราพูดคุยอย่างเมามัน หัวเราะปรบมือ ทำกิจกรรมสุดเหวี่ยงเพื่อเติมเต็มจิตใจที่เหนื่อยล้า หรือกระทั่งการนั่งเฉยๆ อยู่กับกลุ่มเพื่อน แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ร่างกายของชาว Extrovert ก็ต้องใช้พลังเพื่อทำกิจกรรมต่างๆ รวมถึงการโฟกัสกับคนรอบข้างตลอดเวลาด้วย

ไม่แปลกเลยที่พลังงานชีวิตเราจะไม่เต็ม…

Alone Time จึงเป็นแนวคิดง่ายๆ ไม่มีหลักการหรือกฎอะไรตายตัว เพียงแค่การคลายพันธนาการของเราที่ผูกติดกับคนอื่นไว้ แล้วกลับมาใช้ชีวิตคนเดียวเท่านั้น ลดการใช้เวลากับเทคโนโลยี และหยุดตามหาเป้าหมายลงสักชั่วครู่ เพื่อให้ตัวเองได้พักจริงๆ สักครั้ง 

Advertisements

แล้ว Extrovert จะฝืนตัวเองไปไหมถ้าต้องอยู่คนเดียว?

ช่วงล็อกดาวน์อาจทำให้ชาว Extrovert รู้สึกขยาดกับการต้องอยู่คนเดียวไม่น้อย แต่การถูกบังคับให้ต้องอยู่คนเดียวนั้นต่างกับการเลือกจะอยู่คนเดียวอย่างแน่นอน เพราะเราสามารถกำหนดเวลา และเลือกกิจกรรมที่จะทำได้เอง เช่น การอ่านหนังสือ การทำอาหาร การออกไปเดินเล่น หรือวิ่งออกกำลังกายคนเดียว ในช่วงเวลาที่สะดวก

เมื่อเราตั้งเวลา Alone Time แล้ว ในช่วงแรกๆ อาจรู้สึกฝืนตัวเองหน่อย บางคนอาจรู้สึกเงียบเหงา เมื่อปราศจากเสียงของคนอื่นๆ รอบกาย แต่นั่นไม่ถึงกับทำให้คุณเหี่ยวเฉาแน่นอน ในทางกลับกัน มันอาจเป็นความท้าทายใหม่ ในการลองทำอะไรที่เราไม่เคยทำ ซึ่งอาจจะทำให้ได้เห็นมุมมองหลายๆ อย่างมากขึ้นก็ได้

สิ่งที่ชาว Extrovert ได้จากการใช้เวลา “อยู่กับตัวเอง” มากขึ้น

1. ทำให้มีเวลาและมีอิสระได้ทำงานอดิเรกที่ชอบและสนใจ ค้นพบสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในที่แม้แต่ตัวเราเองก็ไม่เคยรู้มาก่อน
2. สร้างโอกาสในการได้ทำสิ่งใหม่ๆ พัฒนาทักษะและความรู้ต่างๆ ก้าวออกมาจากกรอบที่ทั้งตัวเราและคนอื่นสร้างไว้
3. เพิ่มพลังบวก ทัศนคติที่ดี และสร้างความมั่นใจให้ตัวเองมากขึ้น
4. เป็นเราในแบบที่เราเป็น ไม่ต้องคอยกังวลว่าเราจะเป็นอย่างไรในสายตาคนอื่น หรือต้องทำสิ่งที่สังคมคาดหวัง
5. การปล่อยตัว ปล่อยใจ ได้ทำอะไรที่ชอบช่วยเติมพลังสร้างสรรค์ให้กับตัวเอง ทำให้มีสมาธิมากขึ้น

ถ้าหากวันนี้พลังชีวิตของชาว Extrovert ไม่เต็มหลอดแม้จะได้อยู่กับเพื่อนสนิท ได้ดูหนังเรื่องโปรดด้วยกัน ได้หัวเราะกับมุกตลกตลอดหลายชั่วโมงแล้ว ลองปรับเปลี่ยนมุมมองและเพิ่มเวลา Alone Time ให้กับตัวเองมากขึ้น ทิ้งตัวสบายๆ ในที่ที่ไม่มีใครจ้องมอง ปรับระยะโฟกัสจากไกลเป็นใกล้ และส่องเข้าไปภายในตัวเอง คุณอาจพบความสุขและความสงบ จนแบตฯ ที่ชาร์จเท่าไรก็ค้างที่ 98% กลับมาเต็ม 100% อีกครั้งก็เป็นได้


แปลและเรียบเรียงจาก:
https://bit.ly/3Alfd3P
https://bit.ly/3ltWMpk
https://bit.ly/3DwdSZW
https://bit.ly/3AwdfxI

#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#inspiration

ติดตามความเคลื่อนไหวและเนื้อหาน่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ https://missiontothemoon.co/

Advertisements