ตอนนี้ประเทศไทยเข้าสู่ฤดูร้อนอย่างเป็นทางการแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีคนไทยส่วนใหญ่ไม่ชอบอากาศร้อน แต่ก็มีคนที่ตั้งหน้าตั้งตารอคอยหน้าร้อนของประเทศไทยจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นก็ยังมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากมายที่ชื่นชอบเดือนแห่งเทศกาลและความสุขของประเทศไทยอย่างเดือนนี้
นอกจากเทศกาลสงกรานต์จะมีชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่วโลกแล้ว แต่ละวันยังมีความสำคัญต่อวัฒนธรรมไทยอีกด้วย อย่างวันที่ 13 เมษายนเป็น ‘ผู้สูงอายุ’ วันที่ 14 เมษายนก็เป็น ‘วันครอบครัว’ และวันที่ 15 เมษายนก็ถูกจัดให้เป็น ‘วันเถลิงศก’ หรือวันขึ้นปีใหม่ตามคติโบราณของไทย เดือนเมษายนจึงนับว่าเป็นเทศกาลเดินทางเพื่อกลับไปรวมตัวกับสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัว และเป็นช่วงแห่งการเริ่มต้นใหม่ของคนไทยก็ว่าได้
จริงอยู่ว่าชื่อเสียงของเทศกาลสงกรานต์ และนโยบายในการผลักดันเรื่อง Soft Power ผ่านวัฒนธรรมไทย ทำให้รัฐบาลประกาศหยุดวันสงกรานต์ตั้งแต่วันที่ 13-17 เมษายน และจัดงาน “Maha Songkran World Water Festival 2024 เย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ 2567” ยาวถึง 21 วัน
แต่จากรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยาประกาศว่าในปีนี้ ประเทศไทยจะเข้าสู่หน้าร้อนตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์จนถึงปลายเดือนพฤษภาคม และจะร้อนมากกว่าปกติ 1-2 องศาเซลเซียส นั่นทำให้ในปี 2567 เป็นปีที่ประเทศไทยร้อนที่สุดจนทำลายสถิติในรอบ 73 ปี นับตั้งแต่พ.ศ. 2494
มาดูกันว่าในฤดูร้อนของเมืองร้อนแบบนี้ เราจะจัดการตัวเองไม่ให้หงุดหงิด และอารมณ์เสียง่ายเพราะอากาศร้อนได้อย่างไร?
อากาศร้อนทำลายสุขภาพจิตของคนมากขึ้นและง่ายขึ้น
เราอาจจะเคยรู้สึกว่าการเดินหาที่จอดรถท่ามกลางอากาศร้อนๆ หรือการเดินตลาดคนเดินตอนเย็นนานๆ นั้นน่าโมโหกว่าเดิม อาจจะเคยเห็นพนักงานในที่จอดรถโมโหใส่ลูกค้าผู้มาใช้บริการ หรือเราอาจจะรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ แต่ที่จริงแล้วสาเหตุของเรื่องราวทั้งหมดอาจจะเป็นเพราะ ‘อากาศร้อน’ ก็ได้
เนื่องด้วยปัญหาสภาพภูมิอากาศในตอนนี้ทำให้ผู้คนทั่วทั้งโลกกำลังเผชิญหน้ากับคลื่นความร้อนที่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงต่อเนื่อง และนอกจากความอึดอัด ความเหนอะหนะไม่สบายตัวแล้ว อากาศที่ร้อนจัดยังส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของเราอีกด้วย
นิค โอบราโดวิช (Nick Obradovich) นักวิทยาศาสตร์สังคมเชิงคำนวณ จากสถาบันมักซ์พลังค์และคณะได้ทำการศึกษาสภาวะทางจิตในปี 2018 และกล่าวว่า อุณหภูมิที่ร้อนจัดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกำลังทำลายสุขภาพจิต และเพิ่มความเสี่ยงด้านสุขภาพให้กับผู้คน
การศึกษายังพบความเชื่อมโยงระหว่างอุณหภูมิที่สูงขึ้นกับปัญหาสุขภาพจิตหลายประการ เช่น ความเหนื่อยล้าทางจิตใจ ความก้าวร้าว และอัตราการฆ่าตัวตายที่สูงขึ้น โอบราโดวิชกล่าวว่าความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นกับผู้คนที่อาศัยอยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนสม่ำเสมออีกด้วย
ดังนั้น ต่อให้เราจะออกไปเล่นสงกรานต์กับเพื่อนๆ เฉลิมฉลองร่วมกับครอบครัว หรือมีกิจกรรมนอกบ้านที่สนุกสุดเหวี่ยงมากแค่ไหนก็ตาม สุดท้ายเมื่อเรากลับมาที่บ้าน ก็อาจจะหนีไม่พ้นความรำคาญ ความหงุดหงิด และอารมณ์เสียที่เกิดจากอากาศร้อนจัดได้อยู่ดี
จัดบ้านอย่างไรให้ชนะ ‘คลื่นความร้อน’ ตัวร้าย?
ถึงแม้ว่าเราจะมีสงกรานต์ยาวนานถึง 21 วัน แต่นั่นก็ยังไม่ครอบคลุมฤดูร้อนทั้งหมดของปีนี้ อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงวันหยุดยาวก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่ได้วางแผนที่จะไปเล่นน้ำ หรือเดินทางกลับบ้านเกิด มาดูกันว่าถ้าผ่านพ้นเทศกาลเล่นน้ำไปแล้วเราจะหนีร้อนด้วยการจัดบ้านได้อย่างไร?
[ ] เอาพรมหนาๆ ออกจากห้อง
เชื่อว่าหลายคนคงชอบใช้พรมที่หนา หรือพรมที่ดูนุ่มฟูตกแต่งให้ห้องดูอบอุ่นและน่าอยู่มากขึ้น แต่ในฤดูร้อนแบบนี้พรมที่มีความหนา และมีขนเยอะจะทำให้เรารู้สึกร้อนยิ่งขึ้น ในขณะที่การเดินบนพื้นห้องซึ่งทำจากไม้ หรือกระเบื้องโดยตรงจะทำให้เท้าของเรารู้สึกเย็นมากกว่าได้
[ ] เลือกผ้าม่านสีขาว หรือเพิ่มสีโทนเย็นให้กับบ้าน
เนื่องจากสีขาวเป็นสีที่สามารถสะท้อนแสง และรังสีความร้อนได้ การใช้ผ้าม่าน หรือม่านกันแดดสีขาวก็จะช่วยให้บ้านดูโปร่ง โล่งขึ้นมาได้ และการเพิ่มสัดส่วนของสีโทนเย็นภายในบ้าน ก็จะยิ่งทำให้บ้านดูเย็นมากขึ้น
[ ] ใช้ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนที่ระบายอากาศได้ดี
ยิ่งเรานอนทั้งที่เหงื่อออก ก็จะยิ่งทำให้รู้สึกเปียกชื้น ไม่สบายตัว และนอนหลับไม่สนิทได้ ดังนั้น การใช้ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนที่ระบายอากาศได้ดี จะช่วยให้เวลาพักผ่อนตอนกลางคืนของเราสบายตัวมากขึ้น
[ ] เปิดประตูและหน้าต่างให้ลมระบายด้วยเทคนิค Cross Ventilation
สำหรับใครที่ไม่มีแอร์ หรือใครที่ต้องการประหยัดแอร์แต่อยากหนีไอร้อนด้วย การระบายอากาศแบบ Cross Ventilation จะช่วยทำให้พื้นที่ของเราไม่ร้อนอบจนเกินไป ช่วยให้มีลมไหลเวียน และถ่ายเทอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยเปิดหน้าต่าง หรือช่องระบายอากาศที่ผนังอย่างน้อยสองด้าน ให้ด้านหนึ่งเป็นทางรับลมเข้า และอีกด้านหนึ่งเปิดให้ลมพัดออกจากตัวบ้าน เพื่อให้ลมพัดผ่านทะลุหากัน และลมก็จะนำความร้อนและความชื้นออกไปสู่ด้านนอกได้
[ ] เพิ่มต้นไม้และสีเขียว
การมีต้นไม้จะให้ความรู้สึกโปร่งสบาย ให้ความสดชื่นและอากาศที่บริสุทธิ์ นอกจากนี้ต้นไม้ยังช่วยกระจายแสงแดดที่ส่องเข้ามา และลดอุณหภูมิในตัวบ้านได้ด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นการแต่งบ้านด้วยต้นไม้ก็ควรเลือกพันธุ์ไม้ที่เหมาะสมกับแสงแดด น้ำ และอุณหภูมิด้วย
แม้วิธีที่ว่ามานั้นจะไม่ได้ทำให้บ้านของเราเย็นฉ่ำเหมือนเปิดแอร์ แต่ก็ช่วยลดไอร้อนจากคลื่นความร้อน ลดอุณหภูมิ และระบายอากาศให้รู้สึกปลอดโปร่งให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาได้บ้าง
นอกจากนั้นแล้ว การจัดบ้านและการเพิ่มต้นไม้ในบ้านยังช่วยลดความเครียดให้กับเราได้ดี ยิ่งไปกว่านั้นเรายังใช้การจัดและตกแต่งบ้านมาช่วยกระชับความสัมพันธ์ในเทศกาลแห่งความสุขของครอบครัวได้ด้วย
อ้างอิง
– How Heat Waves Take a Toll on Mental Health : Hannah Seo, The New York Times – https://nyti.ms/3J5ABkj
– 10 Micro Decorating Tips to Make Your Home Cooler This Summer : Katie Holdefehr, Real Simple – https://bit.ly/4cNQsBJ
– ปี 2567 ร้อนสุดขั้วทุบสถิติ อุณหภูมิแตะ 45 องศาฯ : Thairath – https://bit.ly/4cMlycS
#songkran
#inspiration
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast