NEWSTrendsภูมิแพ้อากาศไม่ใช่เรื่องเล่น วิจัยเผย "โควิดทำภูมิคุ้มกันตก" และคนเป็นภูมิแพ้อาการแย่ลง

ภูมิแพ้อากาศไม่ใช่เรื่องเล่น วิจัยเผย “โควิดทำภูมิคุ้มกันตก” และคนเป็นภูมิแพ้อาการแย่ลง

ในขณะที่คนไทยจำนวนไม่น้อยกำลังดื่มด่ำกับอากาศเย็นที่นานๆ ทีจะได้สัมผัสสักครั้ง ชาวภูมิแพ้กลับต้องเศร้าใจเป็นพิเศษ เพราะช่วงเวลาที่ลำบากมากที่สุดอันดับต้นๆ ของชีวิตได้เริ่มขึ้นแล้ว

เมื่อประเทศไทยเข้าสู่ช่วงปลายฝนต้นหนาว อากาศจะเปลี่ยนแปลงบ่อยจนหลายคนป่วยได้ง่ายๆ โดยเฉพาะกับกลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำและไวต่อสิ่งกระตุ้นมากๆ อย่างเช่น ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ที่แค่สัมผัสกับสิ่งกระตุ้นเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ร่างกายแสดงอาการแพ้ออกมาได้ เช่น ผื่นแพ้ตามผิวหนัง ทำให้รู้สึกคันและทำให้ผิวแห้งลอก

หรืออาการแพ้อากาศที่เกิดขึ้นกับระบบทางเดินหายใจ ทำให้หายใจลำบาก มีน้ำมูกไหล ไอ จาม และโพรงจมูกมีอาการบวมจนหายใจไม่ออก ปวดหัว รวมถึงนอนไม่หลับได้ บางรายอาจเป็นหนักมากจนส่งผลต่อการใช้ชีวิตเลยทีเดียว!

แม้ว่าชาวภูมิแพ้จะเคยชินกับความลำบากเหล่านี้ในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ หรือช่วงหน้าหนาว แต่สิ่งอยู่นอกเหนือการรับรู้ของผู้คนก็คือ ในปีนี้อาการเหล่านี้รุนแรงมากขึ้น และทิ้งผลตกค้างยาวนานกว่าปีไหนๆ

อาการภูมิแพ้อากาศเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น ไรฝุ่น อากาศที่แห้งและเย็น รวมถึงเชื้อไวรัสบางชนิดที่ทำให้ระบบทางเดินหายใจติดเชื้อได้ เช่น เชื้อไวรัสในไข้หวัดใหญ่ เชื้อไวรัสระบบทางเดินหายใจ (RSV) รวมถึงเชื้อไวรัสโควิด โดยอาการภูมิแพ้จะมีช่วงสงบอยู่ แต่เมื่อร่างกายสัมผัสหรือได้รับสิ่งกระตุ้นเข้าไปก็จะทำให้เกิดอาการภูมิแพ้กำเริบได้

โดยปกติแล้วอาการภูมิแพ้ทางเดินหายใจจะค่อยๆ ทุเลาเมื่อร่างกายสัมผัสกับสิ่งกระตุ้นน้อยลง ชาวภูมิแพ้หลายคนจึงชอบทำความสะอาดหรือปัดกวาดเช็ดถูพื้นที่รอบตัวให้ปราศจากไรฝุ่นตลอดๆ พยายามหลีกเลี่ยงพื้นที่แออัดในช่วงระบาดของไวรัสต่างๆ แต่สิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ก็คือสภาพอากาศนั่นเอง

สำหรับคนไทยที่อยู่ในประเทศเมืองร้อนและร้อนตลอดทั้งปีจึงมักมีอาการภูมิแพ้กำเริบหนักขึ้นในช่วงปลายฝนต้นหนาว เนื่องจากความชื้นในอากาศลดลงและอุณหภูมิที่เย็นลงทำให้เกิดปัญหาในการปรับตัวของเยื่อบุโพรงจมูก และกระตุ้นให้เกิดการอักเสบขึ้นได้ อาการของโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจมีหลากหลาย แล้วแต่ผู้ป่วยแต่ละราย เช่น น้ำมูกไหล มีอาการคัดจมูก โพรงจมูกบวมแดง มีอาการคันจมูก จามหรือไอบ่อยๆ

แต่เหมือนว่าช่วงเวลาอันยากลำบากของชาวภูมิแพ้จะยิ่งเพิ่มความลำบากมากขึ้นอีก หลายคนอาจสังเกตได้ว่าอาการเหล่านี้เริ่มเกิดง่ายขึ้น มีอาการรุนแรงขึ้นและนานมากขึ้น จนได้แต่สงสัยว่าวังวนของโรคภูมิแพ้จะสิ้นสุดลงเมื่อใด

ปรากฏการณ์หนี้ภูมิคุ้มกัน หรือ Immunity Debt เป็นปรากฏการณ์ใหม่ทางการแพทย์ที่เกิดหลังช่วงโควิด โดยแพทย์ได้ให้คำอธิบายเอาไว้ว่า “เป็นสภาวะที่ร่างกายไม่ได้สัมผัสกับเชื้ออื่นๆ ตามธรรมชาติหรือไม่ได้รับวัคซีนอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทำให้มีภูมิคุ้มกันลดลง”

ตามปกติแล้ว ร่างกายของเราจะได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ซึ่งกระตุ้นให้มีภูมิคุ้นกันเชื้อไวรัสตัวอื่นๆ ที่ทำลายระบบทางเดินหายใจอย่างต่อเนื่องตลอดมา คนป่วยวัยผู้ใหญ่ที่เป็นไข้หวัดใหญ่หรือติดเชื้อ RSV จึงมีอาการที่ไม่รุนแรงมากและสามารถฟื้นฟูร่างกายได้

แต่ในช่วงโควิดที่ผ่านมา เราได้รับวัคซีนโควิดเป็นหลัก เมื่อรวมกับการล็อกดาวน์และวิถีชีวิตที่ลดระยะห่าง มีแอลกอฮอล์ติดตัวตลอดเวลาและปราศจากเชื้อมากขึ้น ทำให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราลดประสิทธิภาพลงและตอบสนองต่อเชื้อไวรัสที่เข้ามาได้ช้ามากขึ้น

นอกจากนี้การเข้าถึงวัคซีนก็ส่งผลต่อความรุนแรงของอาการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจด้วยเช่นกัน ในบทความจากเว็บไซต์ CNBC ระบุว่าในฤดูกาลนี้ จำนวนของผู้ใหญ่ที่ได้รับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่อยู่ที่ 42% ส่วนเด็กที่เข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่อยู่ที่ 43% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่น้อยลงเมื่อเทียบกับฤดูกาลก่อน ซึ่งมีอัตราสูงอยู่ที่ 47% ในกลุ่มผู้ใหญ่และ 57% ในกลุ่มเด็ก

เนื่องจากในช่วงหลังโควิดที่ผ่านมานี้ ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง และการเข้าถึงวัคซีนไข้หวัดใหญ่มีจำนวนน้อยลง ก็ยิ่งทำให้อาการภูมิแพ้หรืออาการอักเสบในระบบทางเดินหายใจรุนแรงมากขึ้นตามไปด้วย

Advertisements
Advertisements

ปกติแล้วเชื้อไวรัสต่างๆ จะมีช่วงระบาดสูงสุดแตกต่างกันไป เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ที่มักระบาดในช่วงปลายฤดูฝน โรคมือเท้าปากที่มักระบาดในช่วงอากาศเย็นและชื้นอย่างฤดูฝน การฉีดวัคซีนป้องกันโรคตามฤดูกาลจึงช่วยลดความเสี่ยงติดเชื้อ และช่วยลดความรุนแรงของอาการลงได้มากทีเดียว

แต่เมื่อเชื้อไวรัสโควิดถือกำเนิดกลับกลายเป็นว่าเชื้อไวรัสหลายตัวระบาดขึ้นพร้อมๆ กัน ร่างกายของเราก็เหมือนกับต้องเผชิญศึกหนักจากหลายทาง ยิ่งไปกว่านั้นช่วงปลายปีอย่างนี้ก็ต้องเจอทั้งกับโควิด ไข้หวัดใหญ่ รวมถึงเชื้อไวรัสทางเดินหายใจ (RSV) ที่ระบาดหนักในอากาศที่เย็นและแห้งอย่างนี้ด้วย

เมื่อรวมกับการที่ภูมิคุ้มกันของเราลดลงไปแล้ว และต้องเผชิญกับเชื้อไวรัสมากมายก็ทำให้เรามีโอกาสที่จะป่วยจากการติดเชื้อไวรัสมากกว่าหนึ่งตัวสูงขึ้นไปอีก

ทั้งเชื้อไวรัสจากไข้หวัดใหญ่ โควิดและเชื้อ RSV กระตุ้นให้มีอาการหวัด และต่อให้เชื้อหมดไปแล้วก็ยังคงทิ้งผลตกค้าง อย่างอาการไอเรื้อรัง และอาการอักเสบในระบบทางเดินหายใจให้ผู้ป่วยต้องทรมานไปอีกหลายเดือน และถ้าอ้างอิงจากผลสำรวจของสำนักงานสถิติของสหรัฐฯ จะพบว่าในบางรายอาจประสบกับ Long Covid หรืออาการอักเสบตกค้างในระบบทางเดินหายใจนานเป็นปีเลยทีเดียว

ดังนั้นนอกจากว่าเราจะติดเชื้อ 2 ตัวพร้อมกันในเวลาใกล้เคียงกันได้แล้ว อาการอักเสบยังเกิดขึ้นได้หลายครั้ง แม้จะติดเชื้อไวรัสเพียงตัวเดียวก็ได้ นั่นทำให้บางครั้งเราก็รู้สึกว่าอาการภูมิแพ้อากาศ หายใจลำบาก มีน้ำมูกหรือไอจามเรื้อรังนั้นเป็นๆ หายๆ เดี๋ยวก็สงบ เดี๋ยวก็กำเริบ รู้สึกฟื้นตัวได้ไม่กี่วันก็เป็นซ้ำวนลูปอยู่แบบนี้จนสร้างความรำคาญและความทรมานให้ชาวภูมิแพ้มากกว่าช่วงก่อนโควิดเสียอีก

คนภูมิแพ้ที่เผชิญกับอาการอักเสบในระบบทางเดินหายใจมาอยู่แล้วทุกปีจะรู้ดีว่าการกินยาหรือมียาดม ยาหม่องและพิมเสนติดตัวไว้ตลอดนั้นเป็นเพียงวิธีเยียวยาที่ปลายเหตุและไม่มีอะไรจะรักษาอาการภูมิแพ้ให้หายขาดได้เท่ากับการรักษาความสะอาดและอยู่ในที่ที่อากาศบริสุทธิ์ หรือกำจัดตัวกระตุ้นอาการอักเสบต่างๆ ทิ้งไป

แต่สุดท้ายแล้วเราก็ไม่สามารถควบคุมปัจจัยทุกอย่างได้ครบถ้วน โดยเฉพาะการอักเสบที่เกิดจากไวรัสหลายๆ ตัว ฝุ่นละอองที่เล็กมากๆ หรือการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ โดยอาการอักเสบดังกล่าว หากปล่อยทิ้งไว้ให้รุนแรงมากขึ้นหรือเป็นหนักขึ้นเรื่อยๆ ก็อาจจะทำให้เสี่ยงต่อโรคปอดได้ในภายหลัง

ดังนั้นการสังเกตสัญญาณความผิดปกติต่างๆ จากร่างกายของเราเองจึงเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆ ในยุคนี้ เพราะมีแค่เราเท่านั้นที่จะรู้จักร่างกายของเราเองได้ดีกว่าใครๆ

อ้างอิง
– Have your cold or flu symptoms lingered this winter? Doctors explain why. : Aria Bendix, CNBC – https://nbcnews.to/3toi8vo

#trend
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

Advertisements

LASTEST ARTICLES

LASTEST PODCAST

Mission To The Moon
Mission To The Moon
พื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อแบ่งบันเรื่องราวเกี่ยวกับการทำธุรกิจ การตลาด แรงบันดาลใจ และข้อคิดในการใช้ชีวิต

POPULAR ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานและเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบล็อคการใช้งานคุกกี้ได้จากเบราว์เซอร์ที่ใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการใช้งานเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และวัดผลการทำงาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า