NEWSTrendsสะเทือนวงการ AI! เมื่อ OpenAI เปลี่ยนบอร์ดบริหารยกเซต และไม่เหลือสมาชิกผู้หญิงอยู่เลย

สะเทือนวงการ AI! เมื่อ OpenAI เปลี่ยนบอร์ดบริหารยกเซต และไม่เหลือสมาชิกผู้หญิงอยู่เลย

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เกิดข่าวใหญ่ที่ทำให้คนทำงานและผู้ติดตามข่าวสายเทคโนโลยีถึงกับงุนงง เนื่องจากผู้นำด้าน AI อันดับต้นๆ ของโลกอย่าง OpenAI ได้ประกาศไล่ CEO ออกแบบสายฟ้าแลบ โดยไม่ทันได้ตั้งตัว ทั้งที่แซม อัลต์แมน (Sam Altman) เพิ่งประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของ ChatGPT ไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนนี้เอง

แม้ว่าแซม อัลต์แมนจะเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งที่อยู่กับ OpenAI มาตั้งแต่แรก และทุ่มเทความพยายามพัฒนา ChatGPT จนสร้างประตูสู่โลกใหม่ให้กับวงการเทคโนโลยีก็ตาม แต่เมื่อเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา บอร์ดผู้บริหารและผู้ถือหุ้นของ OpenAI ก็ได้ประกาศปลดเกร็ก บร็อกแมน (Greg Brockman) อีกหนึ่งผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI ออกจากตำแหน่งประธานบอร์ดบริหารของ OpenAI หลังจากนั้นก็ปลดแซม อัลต์แมนออกจากตำแหน่ง CEO ของ OpenAI ไปตามกันด้วย

เหตุการณ์นี้กลายเป็นข่าวที่ทำให้วงการเทคโนโลยีทั่วทั้งโลกถึงกับช็อก และต้องวางมือจากงานเพื่อติดตามว่าสถานการณ์ภายในบริษัท OpenAI จะเป็นอย่างไรต่อ เมื่อพวกเขาตัดผู้ทรงอิทธิพลและผู้ก่อตั้งบริษัทออกไปถึงสองคน

หลังจากนั้น บอร์ดผู้บริหารก็สามารถหา CEO ชั่วคราวคนใหม่มาแทน Sam Altman ได้ แต่ดำรงตำแหน่งได้เพียงวันเดียว บอร์ดผู้บริหารก็ปลด CEO ชั่วคราวออกไป แล้วทาบทาม CEO คนใหม่เข้ามารับช่วงต่อ แต่ CEO คนใหม่ก็ปฏิเสธที่จะเข้ารับตำแหน่ง จนสุดท้าย OpenAI ก็ได้ว่าจ้างแซม อัลต์แมน กลับมาดำรงตำแหน่ง CEO ของ OpenAI เหมือนเดิม แต่บอร์ดผู้บริหารและผู้ถือหุ้นของ OpenAI กลับถูกเปลี่ยนยกเซต แล้วบรรยากาศคุกรุ่นภายในบริษัทก็กลับมาเป็นปกติดังเดิม

เมื่อเรื่องราวดำเนินมาถึงจุดนี้ ผู้คนที่ติดตามข่าวสารเทคโนโลยีก็ได้แต่ตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นในบอร์ดบริหารของ OpenAI อะไรคือสาเหตุที่พวกเขาลงมติที่จะไล่แซม อัลต์แมนซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งและผู้เป็นกำลังสำคัญของบริษัทออกอย่างไร้ที่มาที่ไปเช่นนี้? แล้วจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อบอร์ดบริหารของ OpenAI ไม่เหลือสมาชิกผู้หญิงอยู่เลย?

การพัฒนาที่รุดหน้าเกินไปของ AI กลายเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของโลก

ในแง่ของโครงสร้างองค์กรขนาดใหญ่อื่นๆ บอร์ดผู้บริหารและผู้ถือหุ้นมีอำนาจสิทธิ์ขาดเหนือกว่า CEO ก็จริง แต่ในกรณีของบริษัท OpenAI แซม อัลต์แมนมีบทบาทเป็นถึงผู้ก่อตั้งบริษัท ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และ AI อย่าง ChatGPT อีกทั้งยังเป็นผู้ขับเคลื่อนที่ทรงอิทธิพลมากเป็นอันดับต้นๆ ในโลกเทคโนโลยี การปลดคนสำคัญออกโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าอย่างนี้ ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่ส่งผลกระทบทั่วทั้งวงการนี้อย่างแน่นอน

แต่เหตุผลของการประกาศสงครามโดยการปลด CEO คนสำคัญของบริษัทครั้งนี้ถูกระบุอย่างเป็นทางการเพียงแค่ว่า บอร์ดผู้ถือหุ้นไม่ไว้วางใจให้ Sam Altman บริหาร OpenAI อีกต่อไป แล้วอะไรทำให้บอร์ดบริหารของ OpenAI รู้สึกเช่นนั้นกับผู้ก่อตั้งขึ้นมา?

ในตอนแรกบอร์ดผู้บริหารและผู้ถือหุ้นมีสมาชิกทั้งหมด 5 คน โดยมีเกร็ก บร็อกแมน หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท OpenAI เป็นประธานคณะกรรมการของบอร์ด และสมาชิกอีก 4 คนที่เหลือ ได้แก่

[ ] อิลยา ซัตสกีเวอร์ (Ilya Sutskever) หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ OpenAI
[ ] อดัม ดิแองเจโล (Adam D’Angelo)
[ ] เฮเลน โทเนอร์ (Helen Toner)
[ ] ทาชา แมคคอลีย์ (Tasha McCauley)

โดยมติที่จะปลดแซม อัลต์แมนออกจากตำแหน่ง CEO นั้นเป็นความคิดของสมาชิกทั้ง 4 คน และไม่ได้ผ่านการพิจารณาของเกร็ก บร็อกแมนที่เป็นประธานเลย ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะเรียกว่าเป็นการปฏิวัติอำนาจบริหารของบริษัทเลยก็ได้

แม้ว่า OpenAI ไม่ได้ออกมาชี้แจงสาเหตุของการยึดอำนาจจากแซม อัลต์แมนและเกร็ก บร็อกแมน แต่ก็มีการคาดเดาตามสถานการณ์แวดล้อมได้ว่าเกิดความเห็นไม่ลงรอยกันระหว่างสมาชิกในบอร์ดบริหารกับแซม อัลต์แมน โดยเฉพาะเฮเลน โทเนอร์ ซึ่งเป็นกระบอกเสียงและให้ความสำคัญกับอันตรายของ AI ที่จะกระทบกับความมั่นคงของมนุษยชาติ เธอกังวลว่าการพัฒนาที่ ‘เร็วเกินไป’ ของ AI ไม่เป็นผลดี และคัดค้านการเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ของแซม อัลต์แมนอยู่บ่อยครั้ง

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สมาชิกทั้ง 4 คนได้ประกาศไล่แซม อัลต์แมนออกก็ทำให้เกิดความโกลาหลตามมา เพราะเกร็ก บร็อกแมนก็ประกาศขอลาออกจากทุกตำแหน่งของ OpenAI ตามไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นทั้งพนักงานผู้อาวุโสและพนักงานคนอื่นๆ ของ OpenAI ก็ลาออกไป จนไม่สามารถดำเนินงานต่างๆ ได้

นอกจากนี้การตัดสินใจผ่านมติของคนเพียง 4 คนและประกาศอย่างกะทันหันทำให้ผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ต่างก็ไม่พอใจ จนสุดท้ายบอร์ดบริหารที่เหลือสมาชิกเพียง 4 คนก็ยอมกลืนน้ำลายตัวเอง แล้วว่าจ้างแซม อัลต์แมนให้กลับมาดำรงตำแหน่ง CEO ของ OpenAI ดังเดิม

Advertisements

โฉมหน้าของบอร์ดบริหารใหม่กลายเป็นประเด็นที่โลกเทคโนโลยีต้องจับตามอง

แม้จะได้รับข้อเสนอให้กลับมาดำรงตำแหน่งเดิมหลังจากถูกไล่ออกไปได้เพียง 2 วัน แต่แซม อัลต์แมนก็ยังยื่นข้อเสนอเพิ่ม โดยมีเงื่อนไขว่าเขาจะกลับไปทำงานก็ต่อเมื่อบอร์ดบริหารเดิมลาออก ซึ่งถือว่าเป็นการล้างกระดานและกลับมาคุมเกมได้ทั้งหมด

นั่นทำให้อิลยา ซัตสกีเวอร์ เฮเลน โทเนอร์ และทาชา แมคคอลีย์ต้องถอยออกจากเกมนี้อย่างเสียไม่ได้ ในขณะที่อดัม ดิแองเจโล เป็นสมาชิกเพียงคนเดียวที่ยังดำรงตำแหน่งอยู่ในบอร์ดบริหารของ OpenAI หลังจากนั้นในวันพุธก็ได้มีการประกาศโฉมหน้าใหม่ของบอร์ดบริหาร OpenAI โดยมีสมาชิกเพียง 3 คนดังนี้

[ ] เบร็ต เทย์เลอร์ (Bret Taylor) อดีต CEO ร่วมของ Salesforce รับตำแหน่งประธานคณะกรรมการ
[ ] แลร์รี ซัมเมอร์ส (Larry Summers) อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของสหรัฐอเมริกา
[ ] อดัม ดิแองเจโล (Adam D’Angelo)

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีนัยสำคัญอยู่ 2 ประเด็นที่น่าสนใจด้วยกัน ประการแรกคืออำนาจการบริหารทั้งหมดของบริษัทมีสิทธิ์ขาดขึ้นอยู่กับสมาชิกเพียง 3 คนเท่านั้น แม้ความสามารถของเบร็ต เทย์เลอร์จะไม่เป็นที่น่ากังขา เพราะได้ชื่อว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลในวงการเทคโนโลยีมากอีกคนหนึ่งไม่แพ้สมาชิกในบอร์ดผู้ถือหุ้นเก่า เนื่องจากเคยเป็น CEO ให้กับ Salesforce และเคยร่วมพัฒนา Google Map ระบบนำทางที่มีผู้ใช้งานมากถึง 67% จากจำนวนผู้ใช้สมาร์ตโฟนทั่วโลก

แต่การรวบอำนาจบริหารไว้ในมือของคนกลุ่มเล็กๆ เพียงกลุ่มเดียวก็อาจทำให้ทิศทางการบริหาร การให้คำแนะนำหรือข้อคิดเห็นเกิดอคติและไม่มีข้อมูลที่หลากหลายได้ โดยเมื่อเทียบกับบอร์ดผู้ถือหุ้นเก่าแล้ว ยังมีสมาชิกหลายคนที่เล็งเห็นผลกระทบของ AI และคอยเสนอให้แซม อัลต์แมนชะลอการพัฒนาผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ๆ ก่อนที่จะเปิดตัวสู่สาธารณชน โดยเฉพาะคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องความมั่นคงของมนุษยชาติอย่างเฮเลน โทเนอร์

ประการที่สองก็คือประเด็นเรื่องความหลากหลายทางเพศในตลาดแรงงานสายเทคโนโลยี โดยมีบทความเว็บไซต์ Techopedia กล่าวถึงข้อมูลสถิติเกี่ยวกับอัตราส่วนคนทำงานในสายเทคโนโลยีในปี 2023 ที่น่าสนใจดังนี้

[ ] อัตราส่วนของผู้หญิงที่ทำงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีอยู่ที่ 32% ซึ่งลดลงจากปี 1984 ที่เคยสูงถึง 35%

[ ] ตามรายงาน Global Leadership Forecast ปี 2023 ของ DDI สำรวจข้อมูลจากฝ่ายบุคคล (HR) 1,827 คน และผู้นำธุรกิจ 13,695 คนจากบริษัทกว่า 1,500 แห่งทั่วโลก พบว่าสัดส่วนผู้หญิงในบทบาทผู้นำด้านเทคโนโลยีลดลงเหลือ 28%

[ ] จากข้อมูลของ McKinsey & Company พบว่า 50% ของพนักงานผู้หญิงในตลาดเทคโนโลยีลาออกจากบริษัทตั้งแต่อายุ 35 ปี ทั้งจากเหตุผลส่วนตัวและความไม่เท่าเทียมทางเพศที่รู้สึกได้จาก Bro Culture ในงานสายนี้ เนื่องจากตลาดแรงงานเกี่ยวกับเทคโนโลยีจะให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง พนักงานใหม่ที่มีโอกาสได้งานทำและได้ก้าวหน้าทางอาชีพจึงเป็นผู้ชายมากกว่า

การปลดเฮเลน โทเนอร์และทาชา แมคคอลีย์ออกจากบอร์ดผู้บริหารและผู้ถือหุ้น อีกทั้งบอร์ดใหม่ของ OpenAI ยังไม่มีสมาชิกผู้หญิงเหลืออยู่เลยในครั้งนี้จึงทำให้สังคมตั้งคำถามว่าต่อไปตลาดงานในวงการเทคโนโลยีจะยังให้โอกาสและเหลือที่ยืนให้กับผู้หญิงอยู่หรือไม่

แม้ว่าการเปลี่ยนผ่านในครั้งนี้จะไม่ใช่ข้อสรุปอย่างถาวร และในภายหน้าก็คงมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรอยู่เรื่อยๆ เพื่อพัฒนา OpenAI ให้เป็นผู้นำของโลกแห่งอนาคตต่อไป แต่อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ถือว่าสะเทือนวงการเทคโนโลยีไม่น้อย

ส่วนประเด็นน่าจับตาที่ยกมาในวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับ OpenAI และวงการเทคโนโลยีอย่างไรในวันข้างหน้าก็คงต้องรอดูกันต่อไป

อ้างอิง
– There Are Now Zero Women on OpenAI’s Board : Victor Tangermann, Futurism – https://bit.ly/3GOQxGR
– Here’s a timeline of the OpenAI saga with CEO Sam Altman : Matt Binder, Mashable SEA – https://bit.ly/3RtrgrH
– Google Maps Statistics: Slide Deck : ZipDo – https://bit.ly/3TbIISX
– 60+ Women in Tech Statistics You Need to Know in 2023 – Closing the Gaps : Emily Dean, Techopedia – https://bit.ly/3Gvlf7u

#trend
#technology
#openai
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

Advertisements
Advertisements

LASTEST ARTICLES

LASTEST PODCAST

Mission To The Moon
Mission To The Moon
พื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อแบ่งบันเรื่องราวเกี่ยวกับการทำธุรกิจ การตลาด แรงบันดาลใจ และข้อคิดในการใช้ชีวิต

POPULAR ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานและเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบล็อคการใช้งานคุกกี้ได้จากเบราว์เซอร์ที่ใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการใช้งานเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และวัดผลการทำงาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า