NEWSTrendsอยากย้ายงานแล้ว! จะเตรียมตัวอย่างไรให้เปลี่ยนงานได้อย่างสง่างาม?

อยากย้ายงานแล้ว! จะเตรียมตัวอย่างไรให้เปลี่ยนงานได้อย่างสง่างาม?

ช่วงเทศกาลปีใหม่และวันหยุดยาวผ่านไป ช่วงเวลาแห่งการกลับมาทำงานตามปกติก็เข้ามา แต่ก็คงมีมนุษย์เงินเดือนจำนวนไม่น้อยที่กำลังมองหางานใหม่กันอยู่

ตลาดงานกลับมาคึกคักกันอีกครั้ง เพราะจากการศึกษาของ LinkedIn พบว่าเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์เป็นเดือนที่คึกคักที่สุดสำหรับการจ้างงานในสหรัฐอเมริกา โดยมีประกาศรับสมัครงานเพิ่มขึ้น 15-20% เมื่อเทียบกับเดือนอื่นๆ จึงสามารถเรียกได้ว่าช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์หรือช่วงต้นปีนั้นเป็นโอกาสทองของคนที่กำลังมองหาการย้ายงาน และบริษัทหลายที่ก็เริ่มมีความพร้อมในการประกาศหาพนักงานใหม่อีกครั้ง ซึ่งมีคำศัพท์ที่ใช้เรียกช่วงเวลานี้ว่าเป็น “New Year’s Rush” หรือช่วงเวลาแห่งความเร่งรีบในการโยกย้ายงานนั่นเอง

แต่แน่นอนว่าในช่วงเวลาที่เร่งรีบ ทุกคนดูกระตือรือร้นในการย้ายงานแบบนี้ ก็คงมีมนุษย์เงินเดือนอีกไม่น้อยที่กำลังสับสนว่าช่วงเวลานี้เราควรย้ายงานจริงๆ แล้วหรือไม่ และควรทบทวนตัวเองอย่างไรเพื่อให้มั่นใจว่า “เวลานี้แหละ! คือเวลาที่เราจะได้โบยบิน”

การย้ายงานเป็นกระบวนการที่ต้องเตรียมตัวและใช้ทรัพยากรทั้งด้านร่างกายและเวลาที่มาก ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกถ้าหากเรากำลังเผชิญปัญหาบางอย่างในงานปัจจุบัน แต่ถ้าหากเรากำลังต้องการย้ายงาน เราอาจจะต้องมาทบทวนตัวเองในขั้นตอนแรกก่อนว่าเรามีปัญหาอะไร และปัญหานั้นควรจบลงที่การพูดคุยแก้ไขหรือการโบกมือลาจากกัน

แล้วปัญหาแบบไหนล่ะที่บ่งบอกว่าเวลานี้แหละ เราควรพิจารณาเปลี่ยนงานได้แล้ว?

[ ] รู้สึกว่าตัวเองไม่สอดคล้องกับค่านิยมและวัฒนธรรมของบริษัทได้
ถ้าเรามักจะรู้สึกไม่อิน ไม่สามารถเข้ากับวัฒนธรรมของบริษัท ไม่เห็นด้วยกับกิจกรรมหลายอย่างของบริษัท ไม่สามารถคุยกับเพื่อนร่วมงานได้เลย นี่ก็เป็นหนึ่งสาเหตุที่เราไม่ควรบังคับตัวเองให้อยู่ต่อและควรพิจารณาย้ายไปยังที่ทำงานใหม่ที่เราสามารถเข้ากับวัฒนธรรมของบริษัทนั้นๆ ได้

[ ] มีความขัดแย้งกับหัวหน้างานและไม่สามารถจัดการกับความขัดแย้งนั้นได้
ทุกคนสามารถมีปัญหากับหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานได้ แต่ถ้าปัญหานั้นไม่ถูกคลี่คลายหรือยังคงแย่ลงอย่างต่อเนื่อง นั่นเท่ากับว่าความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ (Toxic Relationship) ได้ก่อตัวขึ้นในที่ทำงานของเราแล้ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถเกิดเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความก้าวหน้าในการงานของเราด้วย

[ ] ไม่สามารถพัฒนาตัวเองให้มีความรู้หรือทักษะใหม่ๆ ในสายงานได้
การทำงานคือการพัฒนาตัวเอง หากเราไม่สามารถก้าวหน้าหรือเติบโตในสายงานได้ นั่นแปลว่าเรากำลังอยู่กับที่และส่งผลต่อการทำงานในระยะยาว ดังนั้นถ้าเรารู้สึกว่างานที่ทำมีความจำเจ ไม่สามารถพัฒนาทักษะใหม่ๆ หรือได้รับความรู้ใหม่จากการทำงานเลย ก็ควรที่จะพิจารณาย้ายงาน

[ ] คุ้นเคยกับกระบวนการทำงานมากเกินไปหลังจากทำงานมาหลายปี
ข้อนี้เป็นได้ทั้งข้อดีและข้อเสีย เพราะเมื่อเราคุ้นเคยกับเพื่อนร่วมงาน หัวหน้า รวมถึงระบบต่างๆ ในที่ทำงานมากจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นระบบการประเมินผลงานหรือได้รับสิทธิพิเศษบางอย่างในที่ทำงาน ก็ส่งผลให้เราไม่สามารถพัฒนาตัวเองและเบื่องานในที่สุด

[ ] ไม่ได้รับการปรับขึ้นเงินเดือนเป็นเวลามากกว่าสองปี
โดยปกติแล้วหากทางบริษัทได้รับผลกำไรในช่วงปีที่ผ่านมา บริษัทก็ควรปรับขึ้นเงินเดือนให้กับพนักงานที่ทำงานมานานเกิน 1 ปีขึ้นไป ตามผลงานของพนักงานคนนั้น รวมถึงการปรับขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งหากบริษัทไม่ขึ้นเงินเดือนให้กับเราเป็นเวลามากกว่าสองปี ก็ถึงเวลาที่ต้องพิจารณาย้ายงานเพื่อความก้าวหน้า

Advertisements

หากเราพิจารณาตัวเองแล้วพบว่า “เราอยากย้ายงานแล้วจริงๆ” ขั้นตอนต่อไปก็ต้องเป็นการร่อนอีเมลสมัครงานไปยังที่ที่เราต้องการย้าย และเข้าสู่กระบวนการการคัดเลือกพนักงานที่แตกต่างกันไปในแต่ละที่ ซึ่งถ้าหากเราได้งานใหม่แล้ว ขั้นตอนต่อไปก็เป็นการเตรียมตัวเองก่อนออกจากงานที่เก่า เพื่อให้สามารถเริ่มงานที่ใหม่ได้อย่างมืออาชีพ

เมื่อได้งานใหม่แล้ว สิ่งแรกที่ควรเตรียมตัวคือ “ให้เตรียมตัวเตรียมใจของตัวเอง” เพื่อแจ้งลาออกกับทุกคนที่เกี่ยวข้อง ทั้งสาเหตุการย้ายงานและควรฝึกซ้อมรับมือกับการถูก Counteroffer

นอกจากนี้ยังควรเช็กข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องรวมถึงกฎเกณฑ์ต่างๆ ของบริษัทปัจจุบันเกี่ยวกับการย้ายงาน ไม่ว่าจะเป็น Notice period (ระยะเวลาการแจ้งออก), มีสัญญาข้อใดที่ห้ามไม่ให้เราทำงานกับบริษัทคู่แข่งหรือไม่ หรือมีอะไรที่เราควรระมัดระวังก่อนการแจ้งออกหรือไม่

เมื่อเราเตรียมตัวเตรียมใจจนพร้อมแล้ว ก็ถึงเวลาของการแจ้งลาออกกับหัวหน้างาน โดยอธิบายเหตุผลสั้นๆ ด้วยความสุภาพ แสดงความเต็มใจที่จะทำงานให้เสร็จตามเวลาที่เหลือ มีการมอบจดหมายลาออกอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรให้ครบถ้วน

ไม่ว่าเราจะต้องการย้ายงานในช่วงต้นปีนี้ด้วยสาเหตุใดก็ตาม สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามก็คือการสร้างความประทับใจในช่วงเวลาสุดท้าย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราควรทำเพื่อให้เป็นผลดีในอนาคต ไม่ควรทิ้งงานในช่วงสุดท้ายของการทำงาน ควรทำงานที่เหลืออยู่ให้เต็มความสามารถ รวมถึงถ่ายงานให้กับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ อย่างเป็นมืออาชีพ พร้อมกับเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อให้สามารถเริ่มงานที่ใหม่ได้อย่างเต็มที่

อ้างอิง
– Timing Your Job Switch: The Best Time of Year to Make a Move : Prime Headhunting & Recruiting, Inc., LinkedIn – https://bit.ly/48KBqKh
– Guide to Knowing When to Change Jobs : Recruitery – https://bit.ly/3vrZBPh
– How to gracefully resign from your job : Michael Page – https://bit.ly/3TShBMW

#trend
#JobChanging
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

Advertisements
Advertisements

LASTEST ARTICLES

LASTEST PODCAST

Mission To The Moon
Mission To The Moon
พื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อแบ่งบันเรื่องราวเกี่ยวกับการทำธุรกิจ การตลาด แรงบันดาลใจ และข้อคิดในการใช้ชีวิต

POPULAR ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานและเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบล็อคการใช้งานคุกกี้ได้จากเบราว์เซอร์ที่ใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการใช้งานเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และวัดผลการทำงาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า