BUSINESSQuiet Hiring? จ้างงานตามสกิล? 5 เทรนด์ที่คาดว่าจะเปลี่ยนโลกการทำงานในปี 2023

Quiet Hiring? จ้างงานตามสกิล? 5 เทรนด์ที่คาดว่าจะเปลี่ยนโลกการทำงานในปี 2023

แม้เพิ่งจะผ่านปีใหม่มาไม่นาน หลายๆ คนก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าและท้อแท้กันบ้างแล้ว โดยเฉพาะในเรื่องของการทำงาน เพราะถ้าหากพูดกันตามตรง 2023 จะไม่ใช่ปีที่ง่าย มีการคาดการณ์กันว่าจะเป็นปีแห่ง “ความไม่แน่นอน” และอาจถึงขั้น “แย่กว่า” ปี 2022 ที่ผ่านมา ด้วยปัจจัยมากมายทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม

ในปี 2022 เราเห็นชัดเจนว่าปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบจนเกิดเป็นเทรนด์ในโลกการทำงาน เช่น เทรนด์การลาออกครั้งใหญ่ (The Great Resignation) เทรนด์ทำงานแบบหมดใจ (Quiet Quitting) หรือจะเป็นการที่หลายบริษัทหันมาทำงานแบบ Hybrid มากขึ้น เพื่อตอบรับความต้องการที่เปลี่ยนไปของคนทำงาน

แล้วในปี 2023 นี้ล่ะ จะมีอะไรมาเปลี่ยนโลกการทำงานบ้าง? เราได้เลือก 5 ประเด็นน่าสนใจ จากบทความ 9 Trends That Will Shape Work in 2023 and Beyond ของ Harvard Business Review มาสรุปให้อ่านกัน

1) องค์กรจะหันมาตอบรับ Quiet Quitting ด้วยกลยุทธ์ “Quiet Hiring”

Quiet Quitting หรือการที่พนักงานหมดใจ ทำงานให้เสร็จๆ ไป โดยไม่ได้พยายามที่จะใส่ความสามารถไปอย่างเต็มที่ เป็นเทรนด์ที่ถูกพูดถึงอย่างมากในช่วงปลายปี 2022

คนที่ได้รับผลกระทบหนักก็คือองค์กรที่ต้องสูญเสียทักษะ ความสามารถ และผลงานระดับดีเยี่ยม ด้วยเหตุนี้เอง จึงเกิดการแก้ปัญหาด้วยกลยุทธ์ที่เรียกว่า “Quiet Hiring” หรือ การทวงคืนทักษะและความสามารถ โดยไม่ต้องจ้างพนักงานประจำเพิ่ม ซึ่งทำได้หลายรูปแบบ เช่น

[ ] การโยกย้ายตำแหน่งภายในองค์กร ให้คนที่มีความสามารถไปทำตำแหน่งสำคัญที่ต้องการทักษะของพวกเขา โดยบริษัทจะตอบแทนด้วยการให้โบนัส ขึ้นเงินเดือน หรือเพิ่มวันลาพักร้อน

[ ] การมอบโอกาสในการ Upskill ให้พนักงานพัฒนาทักษะเดิม ซึ่งจะไปเพิ่มพูนประสิทธิภาพการทำงานให้ดียิ่งขึ้น

[ ] การจ้างฟรีแลนซ์เข้ามาทำงานที่ต้องการทักษะนั้นๆ โดยเฉพาะ

2) พนักงานบริการและพนักงานหน้างานจะเริ่มหันมาทำงานแบบยืดหยุ่นกันมากขึ้น

หลังการระบาดโควิด-19 การทำงานแบบยืดหยุ่น ทำจากที่ไหนก็ได้ เข้าออฟฟิศแค่บางวัน หรือที่เรียกว่า Hybrid นั้นกลายมาเป็นมาตรฐานการทำงานใหม่ของพนักงานออฟฟิศ อย่างไรก็ตาม เรารู้ดีว่า งานของพนักงานบริการและพนักงานหน้างานที่ต้องเข้าไปยังออฟฟิศหรือสถานที่จริง อาจไม่สามารถทำงานแบบ Remote Work ได้ (เช่น พยาบาลและพนักงานร้านสะดวกซื้อ)

หลายบริษัทจึงหาทางเพิ่มความยืดหยุ่นในการทำงานให้พนักงานแถวหน้ามากขึ้น การสำรวจของ Gartner ที่สอบถามเมเนเจอร์งานแถวหน้ากว่า 405 คน พบว่า 58% ขององค์กรหันมาลงทุนด้านต่างๆ เพื่อพัฒนาประสบการณ์การทำงานของพนักงานแถวหน้าให้ดีขึ้น

ซึ่งสิ่งที่พนักงานแถวหน้าต้องการ คือ ความยืดหยุ่นที่เพิ่มมากขึ้น เช่น การที่พวกเขาสามารถเลือกได้อย่างอิสระว่าจะทำงานวันไหน ทำกะไหนบ้าง หรือทำกับใครบ้าง เป็นต้น

Advertisements

3) เรียนจบที่ไหนอาจไม่สำคัญเท่า “ทักษะ” ที่มีอีกต่อไป

ในอดีต การเลือกพนักงานเข้าทำงานสักคนมักจะดูจากปัจจัยอย่าง “การศึกษา” และ “ประสบการณ์” เสียส่วนใหญ่ แต่ในปี 2023 องค์กรจะหันมาประเมินแคนดิเดตจาก “ทักษะ” เป็นหลัก ซึ่งจะช่วยให้องค์กรเข้าถึงคนเก่งได้อย่างกว้างขวางมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนที่เรียนรู้ด้วยตนเอง ไม่ได้เรียนมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ไม่มีโอกาสเรียนในระดับปริญญา หรือเลือกที่จะไม่เรียนตามค่านิยม

Advertisements

4) องค์กรจะหันมาใส่ใจสุขภาพกายและใจของพนักงานมากขึ้น

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมามีกระแสการต่อต้านการทำงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการลาออกครั้งใหญ่ หรือ Quiet Quitting โดยมีสาเหตุสำคัญอย่างความเครียดในที่ทำงาน ซึ่งก่อให้เกิดภาวะหมดไฟหรือ Burnout Syndrome นั่นเอง

รายงานการสำรวจจาก Gallup เรื่อง State of the Global Workplace 2022 พบว่ากว่า 60% ของคนทำงานระบุว่าพวกเขาเครียดเรื่องงานทุกวัน และเมื่อประกอบกับปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของปีที่ผ่านมาเข้าไป จึงไม่แปลกเลยที่คนจำนวนมากหมดไฟในการทำงาน

แล้วองค์กรทำอย่างไรให้พนักงานไม่ไปไหน แถมยังมีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีขึ้น? หลายองค์กรหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพกาย สุขภาพใจ และ Work-Life Balance ของพนักงาน ผ่านการสนับสนุนให้ลาพักร้อน มีผู้เชี่ยวชาญมาให้คำปรึกษา จัดสรรเวลาให้พนักงานได้ดูแลสุขภาพ ไปจนถึงกฎเล็กๆ น้อยๆ อย่างการงดประชุมในวันศุกร์ เป็นต้น

5) มีการส่งเสริม “ทักษะการเข้าสังคม” ที่หายไป

กาวิเคราะห์พบว่า “ทักษะการเข้าสังคม” ของพนักงานลดลง ตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 และทุกคนต้องทำงานจากที่บ้าน ซึ่งอาจทำให้พนักงานรู้สึกว่าตนไม่เป็นส่วนหนึ่งขององค์กร

การเพิ่มปฏิสัมพันธ์ระหว่างพนักงานจึงเป็นสิ่งที่หลายองค์กรหันมาให้ความสนใจ โดยมีความท้าทายคือจะทำได้อย่างไรโดยที่ไม่ต้องบังคับพนักงานเข้าออฟฟิศทุกวัน

งานวิจัยจาก Gartner ในปี 2022 ที่สอบถามคนทำงานกว่า 3,500 ระบุว่า การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานจะประสบความสำเร็จได้ ต้องประกอบไปด้วย 3 ปัจจัย คือ 1) พนักงานต้องรู้สึกว่ามีอิสระในการเลือกกิจกรรม 2) โครงสร้างและเป้าหมายของกิจกรรมต้องชัดเจน 3) ต้องสนุกและไม่เครียด

งานวิจัยยังพบอีกว่า หากองค์กรตั้งใจช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างพนักงาน มีแนวโน้มว่าประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานจะเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า แถมยังรู้สึกถึงเชื่อมต่อกับพนักงานด้วยกันเองมากขึ้น 12 เท่า


เพราะโลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โลกของการทำงานจึงต้องปรับตัวตาม สิ่งที่ทำให้องค์กรและพนักงานรับมือได้ดีไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คือทักษะอย่าง “ความยืดหยุ่น” แต่นอกจากนั้นแล้ว “การเตรียมตัวที่ดี” ก็สำคัญไม่แพ้กัน เช่น การศึกษาแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลง อย่าง 5 การคาดการณ์ที่เรานำมาแบ่งปันในวันนี้ ที่อาจช่วยให้คนทำงานเข้าใจยิ่งขึ้นว่าปี 2023 นี้ควรโฟกัสและเตรียมรับมือกับอะไร

อ้างอิง:
9 Trends That Will Shape Work in 2023 and Beyond : http://bit.ly/3GZu7SA

#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#worklife
#softskill

Advertisements

LASTEST ARTICLES

LASTEST PODCAST

Mission To The Moon
Mission To The Moon
พื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อแบ่งบันเรื่องราวเกี่ยวกับการทำธุรกิจ การตลาด แรงบันดาลใจ และข้อคิดในการใช้ชีวิต

POPULAR ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานและเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบล็อคการใช้งานคุกกี้ได้จากเบราว์เซอร์ที่ใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการใช้งานเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และวัดผลการทำงาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า