self developmentตามหาแก่นแท้ของความสุข ท่ามกลางความไม่สมบูรณ์ ด้วย “Imperfect Christmas”

ตามหาแก่นแท้ของความสุข ท่ามกลางความไม่สมบูรณ์ ด้วย “Imperfect Christmas”

‘We wish you a Merry Christmas’ คำอวยพรที่หลายคนต้องเคยได้ยินผ่านหูกันมาบ้าง แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ถึงความหมายแก่นแท้ของคำอวยพรแสนวิเศษนี้? ท่ามกลางจิตวิญญาณของปาฏิหาริย์ในเทศกาลคริสต์มาส จะมีกี่คนที่สามารถบรรลุคำอวยพรนั้นได้อย่างแท้จริง?

เมื่อพูดถึงเทศกาลคริสต์มาส ทุกคนย่อมนึกถึงแสงไฟระยิบระยับตามบ้านเรือนและท้องถนน ดนตรีและบทเพลงที่ก้องดังไปทุกที่ สินค้าลิมิเต็ดเฉพาะเทศกาลที่มีเพียงปีละครั้ง ของขวัญใต้ต้นคริสต์มาสที่ถูกประดับประดาน่าชม

หลายคนก็คิดถึงแผนการต่างๆ ที่อยากทำในวันคริสต์มาส ไม่ว่าจะเป็นการเฉลิมฉลองกับเพื่อน ครอบครัว และคนสำคัญ การแลกการ์ดและของขวัญ การบันทึกความทรงจำลงภาพถ่ายเพื่อเก็บกักบรรยากาศความอบอุ่นนี้ไว้ในใจไปอีกแสนนาน

เรียกได้ว่าคนจำนวนมากมี ‘Perfect Christmas’ หรือ ‘คริสต์มาสที่สมบูรณ์แบบ’ ในจินตนาการอยู่ด้วยกันทั้งนั้น ภาพที่สะท้อนออกมาตามสื่อต่างๆ และค่านิยมมากมายชวนให้เราคาดหวังว่าคริสต์มาสจะต้องมีหน้าตาเป็นเช่นไรจึงจะถูกต้อง

หากเป็นเพียงความคาดหวังเชิงบวกที่หมายถึงการตั้งหน้าตั้งตารอให้บรรยากาศแสนสนุกและอบอุ่นเหล่านั้นมาถึง ก็คงไม่ใช่เรื่องแย่อะไรที่เราจะตั้งความหวัง แต่บ่อยครั้งที่ความคาดหวังเหล่านี้แปรเปลี่ยนเป็นความกดดันให้ผู้คนต้องรู้สึกอัดราวกับติดอยู่ในหมอกแห่งมายาคติของ ‘คริสต์มาสที่สมบูรณ์แบบ’

ถ้าคริสต์มาสคือเทศกาลแห่งพลังบวก แล้วมันสร้างพลังลบได้ยังไง?

สวนทางกับแนวคิดการเฉลิมฉลองการเกิดของพระเยซูด้วยการใช้เวลากับคนสำคัญอย่างเรียบง่ายและคำอวยพรของวันคริสต์มาส ไม่ว่าจะเป็น ‘Happy Christmas’ ที่อวยพรให้มีแต่ความสุข หรือ ‘Merry Christmas’ ที่หมายถึงขอให้พบสันติสุขและความสงบภายในใจ

หลายคนตกหลุมพรางของ ‘คริสต์มาสที่สมบูรณ์แบบ’ โดยไม่รู้ตัว เพราะมักจะสะกดจิตตนเองว่า ‘ฉันมีความสุขแล้วเพราะฉันกำลังมีคริสต์มาสที่สมบูรณ์แบบ’ เมื่อสามารถทำตามสิ่งที่ต้องทำในวันคริสต์มาสได้ครบอย่างที่คิดเอาไว้

แต่ลืมมองไปว่ากว่าจะ ‘สร้าง’ คริสต์มาสที่สมบูรณ์แบบขึ้นมาได้ ตนเองอาจต้องผ่านความเครียดและความกังวลมากมาย จนกลายเป็นความอ่อนล้าทั้งกายและใจที่จะหยุดก็ไม่ได้เพราะภารกิจสร้างวันคริสต์มาสสมบูรณ์แบบยังไม่สำเร็จ

และหากไม่สามารถทำตามสิ่งที่คิดว่าคริสต์มาสจะต้องเป็นเช่นนั้นได้ทั้งหมด ก็จะรู้สึกไม่มีความสุขเพราะมันไม่ใช่คริสต์มาสที่สมบูรณ์แบบ รู้สึกราวกับว่าตนเองเป็นคนล้มเหลวหรือยังใช้เวลาคริสต์มาสได้อย่างไม่เต็มที่ ทั้งที่ในความเป็นจริงอาจได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างไปมากมายแล้วก็ตาม

ความกดดันเหล่านี้มักซ่อนอยู่ในใจของใครหลายคนอย่างมิดชิด รู้ตัวอีกทีเราก็เกิด ‘Chirstmas Crash’ หรือ ‘Christmas Blue’ ที่หมายถึงการเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ การไม่มีความสุขแต่ก็ยังต้องฝืนยิ้มและทำเหมือนกำลังเอ็นจอยต่อไปเพียงเพราะนี่คือวันคริสต์มาส

ก่อนที่วันคริสต์มาสปีนี้จะจบลง Mission To The Moon อยากชวนทุกคนมาสำรวจใจตนเองว่ากำลังเหนื่อยล้าเกินไปอยู่หรือไม่และมากอบกู้ใจให้สามารถมีคริสต์มาสที่สงบสุขได้ดั่งเช่นคำอวยพรกัน

สำรวจใจเรากำลังกดดันเกินไปหรือเปล่า?

ความกดดันและความเหนื่อยล้านั้นเล่นซ่อนแอบเก่งกว่าที่เราคิด บางครั้งเราอาจคิดว่ากำลังมีความสุขอยู่ แต่ความจริงเราอาจจะแค่เมินมันไปเพราะอยากมี ‘คริสต์มาสสมบูรณ์แบบ’ หากเราลองพินิจดูดีๆ จะพบว่าความกดดันและเหนื่อยล้าจะแสดงตนออกมาผ่านความคิด ความรู้สึกและความต้องการ ลองมาสำรวจกันว่าพวกมันซ่อนแอบอยู่ในใจเราอยู่หรือเปล่า

Advertisements

1. รู้สึกโดดเดี่ยวและแปลกแยก

เวลาคริสต์มาสหลายคนมักใช้เวลาอยู่กับเพื่อน ครอบครัว หรือคนสำคัญ ไม่ว่าจะบนถนนหรือบนโลกออนไลน์เราก็จะเห็นว่าทุกคนมีคนเคียงข้างอยู่เสมอในช่วงเวลาแห่งรอยยิ้ม ใบหน้าแต่งแต้มด้วยความสุขและสนุกสนาน

แต่เมื่อมองกลับมาที่ตนเองกลับพบว่าตนเองไม่ได้มีใครอยู่เคียงข้าง ทั้งที่ความจริงแล้วเราอาจไม่ได้ต้องการคนอยู่ข้างๆ และมีความสุขกับการอยู่กับตนเองมากกว่า แต่เพราะบรรยากาศที่ชวนให้รู้สึกว่าเราแตกต่างจากคนอื่น จึงทำให้รู้สึกโดดเดี่ยวและรู้สึกแย่กับตนเองขึ้นมาเมื่อไม่ได้ใช้เวลาอยู่กับคนอื่น

สุดท้ายแล้วจึงฝืนตนเองที่ใจจริงไม่ต้องการเจอใครออกไปข้างนอกและพบปะผู้คน เผาผลาญพลังกาย และที่สำคัญคือพลังใจที่ต้องสุมไฟให้ลุกขึ้นมาเพื่อรับมือกับคนมากมายในเวลาคริสต์มาส เมื่อเทศกาลจบลงก็กลับบ้านด้วยความรู้สึกอ่อนล้า

2. ไม่อยากให้คริสต์มาสมาถึง หรือไม่อยากให้คริสต์มาสจบลง

พนักงานออฟฟิศหลายคนต้องรับมือกับงานล้นมือในช่วงเดือนสุดท้ายของปี ไม่ว่าจะงานที่ต้องทำอยู่แล้ว ปาร์ตี้บริษัท การหาของขวัญให้ลูกค้า ไหนจะงานส่วนตัวอย่างการวางแผนภาษี บางคนก็มีนัดท่องเที่ยวที่ต้องจัดการ

งานที่ล้นมือทำให้เกิดความรู้สึกว่า ‘อย่าเพิ่งถึงคริสต์มาสได้ไหม อะไรๆ ยังไม่เสร็จเลย’ หรือ ‘ขออย่าต้องเป็นคนที่จัดการกับอีเวนต์คริสต์มาสเลย’ ไม่ว่าจะเป็นอีเวนต์กับเพื่อนฝูง ครอบครัว หรือบริษัท ก็เพียงแค่อยากปล่อยตัวสบายๆ ไม่ต้องทำอะไรหนักหนาในวันคริสต์มาส แสดงให้เห็นว่าคริสต์มาสดูเป็นวันที่กินพลังงานและสร้างความเหนื่อยล้าอยู่ไม่น้อย

หรือบางคนก็ไม่อยากให้คริสต์มาสจบลงเพราะรู้สึกเสพติดการมีความหวังและการตั้งหน้าตั้งตารอคอยอะไรบางอย่าง ราวกับเราตั้งหน้าตั้งตารอคอยวันหยุดสุดสัปดาห์ เมื่อมาถึงก็ไม่อยากให้มันหมดไป เพียงแค่คิดว่ามันจะจบลงก็ชวนให้รู้สึกกังวล เศร้า และไม่มีความสุข

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกังวลอนาคตถึงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง ก็เป็นหนึ่งในอีเวนต์ที่ต้องจัดการหลายสิ่งหลายอย่าง และเมื่อเทศกาลจบลงก็กลับสู่ชีวิตการทำงานปกติ ยิ่งชวนให้รู้สึกเศร้ากับชีวิตมากไปกว่าเดิม ความรู้สึกเหล่านี้ล้วนเป็นสัญญาณว่าเรากำลังหนีห่างจากความสงบสุขทางใจไกลขึ้นเรื่อยๆ

3. ยึดติดกับแผนและสิ่งที่ ‘ต้อง’ ทำในคริสต์มาส

วันคริสต์มาสที่ควรจะได้มีความสุข เคยเป็นไหมที่ต้องมานั่งลิสต์ว่าจะต้องทำอะไรบ้างเพื่อให้เป็น ‘คริสต์มาสที่แท้จริง’ ยกตัวอย่างเช่น จะต้องไปเจอเพื่อน เจอพ่อเจอแม่ จะต้องถ่ายรูปกับต้นคริสต์มาสแล้วลงติดแฮชแท็ก

หรือบางครั้งก็ตีกรอบตนเองว่าจะต้องซื้อของขวัญให้คนนั้นคนนี้ ทั้งที่ความจริงการเงินอาจไม่อยู่ในสภาพคล่อง แต่เพราะเป็นสิ่งที่ ‘ต้องทำ’ ถ้าไม่ทำจะไม่ใช่คริสต์มาส จึงต้องฝืนทำในสิ่งที่ใจจริงแล้วไม่ได้อยากทำขนาดนั้นเพื่อสร้างภาพมายาให้กลายเป็นจริง

บางคนก็ยึดติดกับมายาคตินี้จนทำให้เกิดความรู้สึกไม่พอใจต่อการใช้วันคริสต์มาสของคนอื่น เช่น รู้สึกว่าทำไมคนคนนั้นใช้เวลาในคริสต์มาสอย่างนั้นล่ะ ถ้าทำแบบนั้นก็ไม่ใช่คริสต์มาสสิ เป็นต้น ทั้งที่ความเป็นจริงเราไม่ได้เห็นชีวิตเขาทั้งหมดและอันที่จริงเขาอาจจะกำลังมีความสุขมากกว่าใคร

ความคิด ความรู้สึกและความต้องการเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเรากำลังโดนภาพ ‘คริสต์มาสสมบูรณ์แบบ’ ปั่นหัวจนทำให้ใจเราว้าวุ่นและไม่ได้พบกับความสันติสุขดั่งคำอวยพรของคริสต์มาส คำถามต่อไปคือถ้าเราอยากพานพบความสุขและสงบที่แท้จริงจะต้องทำอย่างไรจึงจะหลุดออกจากภาพมายานี้?

Advertisements

หาทางกลับสู่สมดุลและสร้างคริสต์มาสของตนเอง

เพื่อให้คริสต์มาสปีนี้เต็มไปด้วยความสุขที่แท้จริงและรอยยิ้มที่จริงใจ การกลับมาดูแลใจและกายตนเองจึงเป็นสิ่งสำคัญ วันนี้ลองหาเวลาสักเล็กน้อยมาหาหนทางกลับสู่จิตวิญญาณของคริสต์มาสไปพร้อมกัน

1. หยุดเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น

ภาพบนโลกออนไลน์มักถูกเคลือบไปด้วยความสุข หลายครั้งที่เรามักใช้ข้ออ้างว่าหาแรงบันดาลใจเพื่อนำภาพของคนอื่นมาซ้อนทับกับความต้องการของตนเอง ทึกทักไปเองว่าถ้าทำแบบเดียวกันแล้วเราจะมีความสุขด้วย ทั้งที่ความจริงนั้นแหล่งที่มาความสุขของแต่ละคนต่างกัน

หากเราเอาแต่เปรียบเทียบว่าคริสต์มาสเราไม่เหมือนเขา เราจึงไม่เรียกว่ามีความสุขอย่างแท้จริง จะยิ่งทำให้เราถอยห่างจากตัวตนและความสุขของตนเองออกไปเรื่อยๆ เพราะมัวแต่วิ่งไล่ตามความสุขของคนอื่นนั่นเอง

คริสต์มาสนี้จึงเป็นเวลาที่ดีที่เราจะกลับสู่สมดุล เริ่มต้นด้วยการปล่อยผ่านความต้องการของคนอื่นให้เหมือนเป็นเพียงใบไม้ที่ร่วงหล่นผ่านสายตาไปเพียงเท่านั้น และคงระลึกไว้เสมอว่าชีวิตและความสุขของแต่ละคนแตกต่างกัน ที่สำคัญคือความรู้สึกไม่สามารถเปรียบเทียบหรือวัดระดับได้

2. กลับมาฟังความต้องการที่แท้จริง

เสียงความต้องการของเรามักหรี่เบาลงเมื่อเจอกับแสงสีเสียงภายนอกมากมายที่คอยเบี่ยงเบนความสนใจเราอยู่เสมอ เราจึงต้องหันมาใส่ใจกับความรู้สึกนึกคิดของตนเองมากขึ้น ใช้เวลากับตนเองมากขึ้นเพื่อค้นหาว่าที่จริงแล้วเรากำลังรู้สึกอย่างไรและต้องการทำอะไรต่อไปกันแน่

อาจจะหาเวลาออกไปเดินเล่นในสวน ให้สีเขียวช่วยเยียวยาจิตใจจนกลับสู่สมดุล หรือฝึกสมาธิสั้นๆ พร้อมกับการฝึกหายใจเพื่อเพิ่มการตระหนักรู้ในตนเอง อาจจะใช้เวลาระบายสีบำบัดเพื่อเสริมสร้างสมาธิและสำรวจความคิดไปพร้อมกัน

3. กลับสู่ความเรียบง่ายและแก่นแท้

หลังจากสามารถกลับสู่สมดุลได้แล้วนั้น การสร้างช่วงเวลาที่เหมาะกับตนเองก็เป็นกระบวนการสำคัญ ลองตัดความต้องการที่เกิดจากการเปรียบเทียบกับคนอื่นออกไปแล้วหาแก่นแท้ของความต้องการนั้น เราอาจจะพบว่าแท้จริงแล้วเราต้องการแค่ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบหรือใช้เวลากับคนสำคัญ ไม่ได้ต้องการปาร์ตี้หรูหรา อาหารราคาแพงหรือวิวหลักล้าน

เป็นไปได้ว่าเราอาจจะแค่อยากแสดงความรักให้คนที่เรารักรับรู้ อาจไม่จำเป็นต้องเป็นของขวัญ แต่เป็นการให้อย่างอื่น ไม่ว่าจะการกระทำที่เต็มไปด้วยความใส่ใจหรืออื่นๆ ก็สามารถเติมเต็มความต้องการตามจิตวิญญาณของคริสต์มาสได้เช่นเดียวกัน

คริสต์มาสคือช่วงเวลาแห่งความสุขของทั้งโลก เป็นเทศกาลสากลที่ไม่แบ่งแยกเพศ อายุ เชื้อชาติ หรือสีผิว เพียงแค่เราค้นพบความสงบทางใจเราก็สามารถเพลิดเพลินกับคริสต์มาสฉบับของเราได้เช่นกัน สำหรับคริสต์มาสวันนี้ Mission To The Moon ของอวยพรให้ทุกคนพบสันติสุขและความสงบใจกันถ้วนหน้า

ที่มา
– Christmas and mental health: Mind – https://bit.ly/47W5J0u
– Self-care tips for a more mindful Christmas: John Lewis & Partners – https://jland.partners/4alCcyT

#selfdevelopment
#inspiration
#christmas
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

Advertisements

LASTEST ARTICLES

LASTEST PODCAST

Mission To The Moon
Mission To The Moon
พื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อแบ่งบันเรื่องราวเกี่ยวกับการทำธุรกิจ การตลาด แรงบันดาลใจ และข้อคิดในการใช้ชีวิต

POPULAR ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานและเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบล็อคการใช้งานคุกกี้ได้จากเบราว์เซอร์ที่ใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการใช้งานเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และวัดผลการทำงาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า