ผ่อนคลายจิตใจ เติมพลังชีวิตใหม่ ด้วยเทคนิค ‘Earthing’

ไม่ว่าเราจะเป็นนักศึกษา วัยทำงาน วัยผู้ใหญ่ หรือวัยเกษียณ ก็ไม่อาจหลีกหนีความเครียดหรือความทุกข์ใจได้พ้น ซึ่งก็เหมือนอย่างที่ใครว่าไว้ว่า “สุขไม่จีรัง ทุกข์ไม่ยั่งยืน”

หมายความว่าพอเราสุขเมื่อไร หลังจากนั้นความทุกข์ก็อาจถาโถมเข้ามาได้ และในขณะเดียวกัน เมื่อเราทุกข์ เดี๋ยวสักวันความสุขก็จะเข้ามาแทนที่

แต่ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากจะจมอยู่กับความทุกข์นาน เพราะมันมีแต่จะทำให้สุขภาพกายและใจของเราถดถอยลง รวมถึงโลกที่สดใสก็จะเต็มไปด้วยความหม่นหมอง

ในบทความนี้เราจึงอยากเชิญชวนทุกคนมาผ่อนคลายจิตใจและเติมพลังชีวิตใหม่ ไปกับเทคนิค ‘Earthing’ ที่จะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้น ทั้งในเชิงของสุขภาพกาย ใจ รวมไปถึงจิตวิญญาณของเรา

ทำความรู้จัก ‘Earthing’

“ย่ำเดินเท้าเปล่าบนหาดทรายที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำทะเล”
“วิ่งเล่นแบบเท้าเปลือยบนทุ่งหญ้าที่มีน้ำค้างคั่งค้างอยู่”

หากใครเคยลองทำเช่นนี้ เชื่อว่าคงจะจำความรู้สึกชาที่เท้า หรือความอบอุ่นที่แล่นขึ้นมาในร่างกายได้ ซึ่งความรู้สึกที่ว่านี้เป็นผลมาจากการสัมผัสพื้นผิวโลกโดยตรงที่เต็มไปด้วยพลังอันละเอียดอ่อนจากธรรมชาติด้วยสองเท้าอันเปลือยเปล่าของเรา

การทำเช่นนี้เราเรียกว่า Earthing หรือที่ใครหลายคนรู้จักกันในนาม Grounding คือเทคนิคที่ช่วยให้ผู้คนเชื่อมต่อร่างกายของตนเองกับโลกผ่านการสัมผัสกับพื้นดินโดยตรง เพื่อรับพลังงานจากธรรมชาติ พูดให้เข้าใจง่ายขึ้นไปอีก Earthing ก็เหมือนการรับ “วิตามิน G” ซึ่ง G ในที่นี้หมายถึง Ground หรือพื้นดิน ซึ่งมันก็เหมือนกับการที่พระอาทิตย์เบื้องบนสร้างวิตามิน D ให้ร่างกาย แต่พื้นดินเบื้องล่างให้วิตามิน G ซึ่งเป็นสารอาหารทางไฟฟ้า (Electrical Nutrition) แก่เรา

โดยการเติมพลังงานนี้จะช่วยรักษาเสถียรภาพของการทำงานของวงจรไฟฟ้าชีวภาพที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย ปรับนาฬิกาชีวิตให้สมดุล เพิ่มกลไกการซ่อมแซมตนเอง ลดการอักเสบและความเจ็บปวด รวมถึงช่วยปรับปรุงการนอนหลับและช่วยให้เรารู้สึกสงบขึ้น ซึ่งพอสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เราก็จะรู้สึกดีขึ้นตามไปด้วยโดยอัตโนมัติ

ในขณะเดียวกัน Clint Ober (คลินต์ โอเบอร์) เจ้าของหนังสือ “Earthing: The Most Important Health Discovery Ever?” และผู้เชี่ยวชาญด้าน Earthing กล่าวว่า “สิ่งใดก็ตามที่เป็นตัวนำไฟฟ้า (เช่น หลักดิน โลหะ ร่างกายมนุษย์ และสัตว์) ที่สัมผัสพื้นโลก ตัวมันเองจะดูดซับอิเล็กตรอนจากโลกและทำให้ตัวเองมีคลื่นความถี่เดียวกันกับโลก”

ว่ากันว่าร่างกายจะนำอิเล็กตรอนเหล่านี้ไปใช้ เพื่อปรับปรุงการทำงานของร่างกาย ซึ่งแน่นอนว่าจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายอย่าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในวิถีชีวิตสมัยใหม่เช่นนี้ เราไม่ค่อยพาตัวเองออกไปสัมผัสพื้นโลกกันจริงๆ เสียเท่าไรนัก จึงทำให้ร่างกายของเราไม่ค่อยได้รับพลังงานไฟฟ้าจากธรรมชาติ ซึ่งก็ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจทำให้บางครั้งเรารู้สึกเครียด เจ็บไข้ได้ป่วย และไม่สดใสกับการใช้ชีวิตบนโลกในบี้เท่าไร

Earthing จึงเริ่มมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในโลกยุคนี้ ซึ่งจะเห็นได้จากการที่คนบนโลกโซเชียลเริ่มพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง เช่น ใน TikTok แฮชแท็ก #earthing มีคนรับชมมากกว่า 258 ล้านครั้ง และ #grounding อีกกว่า 717 ล้านครั้ง

อย่างไรก็ดี Earthing มีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน เพราะตลอดช่วงประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา หลายสังคมชนพื้นเมืองได้นำพลังการรักษาของโลกมาใช้ แต่อาจจะใช้คำเรียกและวิธีการที่แตกต่างกันออกไป

อย่างเช่น แพทย์แผนจีนจะมีคำว่า Qi (ชี่) ที่หมายถึงพลังชีวิตที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายมนุษย์ ซึ่งพลังนี้คอยทำหน้าที่ขับเคลื่อนให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานปกติ หรือถ้าพูดให้เข้าใจง่ายหน่อย มันก็คือ หยินและหยางที่เราเคยได้ยินกัน หยินหยางคือพลังงานของจักรวาล โดยหยินเป็นตัวแทนของความมืดและความเย็น ตรงกันข้ามกับหยางที่เป็นตัวแทนของความสว่างและความอบอุ่น

และในร่างกายมนุษย์ก็มีพลังงานนี้เช่นกัน โดยหยินเป็นพลังงานทางลบ (เย็น) และหยางเป็นพลังงานทางบวก (ร้อน) โดยในทางแพทย์แผนจีนมองว่า ถ้า Qi (ชี่) ของเราเสียสมดุล ก็จะทำให้ร่างกายเราแย่ลงตามไปด้วยนั่นเอง

อีกทั้งในยุโรปเองก็มีความเชื่อและการศึกษาพลังงานธรรมชาติของโลกเช่นกัน โดยในศตวรรษที่ 19 ปี 1891 Louis Kuhne (หลุยส์ คูห์น) ได้ตีพิมพ์เรื่อง “The New Science of Healing.” จากนั้นในปี 1896 Adolf Just (อาด็อล์ฟ จัสต์) ก็ได้เขียนบทความเรื่อง “Return to Nature” ซึ่งพูดถึงการส่งเสริมให้ผู้คนเริ่มเดินเท้าเปล่ากลางแจ้ง

และหากมองย้อนกลับมาในโลกปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์สมัยใหม่เองก็ยังคงสนับสนุนเรื่องของความสามารถของอิเล็กตรอนของโลกว่าสามารถสร้างสมดุลของกระแสไฟฟ้าในร่างกายมนุษย์ได้ ซึ่งแนวคิดเช่นนี้ก็ยังคงได้รับความสนใจอย่างต่อเนื่อง เพราะหลายคนกำลังมองหาวิธีฮีลตัวเองแบบง่ายๆ ในราคาที่ไม่แพง

หากใครกำลังลังเลว่าตัวเองควรลองฝึกเทคนิค Earthing อยู่หรือเปล่า ก็ต้องบอกว่าเทคนิคนี้จะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อเรามีสัญญาณเหล่านี้
[ ] รู้สึกวิตกกังวลหรือซึมเศร้า
[ ] มีอาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง
[ ] กำลังเผชิญกับโรคหลอดเลือดหัวใจ
[ ] มีความทรงจำที่เป็นบาดแผลทางจิตใจ
[ ] กำลังต่อสู้กับความเจ็บปวดและอาการอักเสบ

Earthing เทคนิคง่ายๆ แต่ดีต่อทั้งกายและใจ

หากถามว่า Earthing มีประโยชน์อย่างไร มีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่า Earthing มีความเชื่อมโยงกับสุขภาพกายและใจที่ดีขึ้น ดังนี้

[ ] อาจช่วยให้ความเหนื่อยล้าเรื้อรังและการนอนหลับดีขึ้น : มีงานวิจัยชี้ว่า ผู้ที่ใช้เสื่อปูพื้นเป็นเวลา 4 สัปดาห์ มีความเหนื่อยล้าลดลง และมีระยะเวลาการนอนหลับที่ดีขึ้น อีกทั้งยังพบว่าภาวะซึมเศร้า ความเครียด และความเจ็บปวดดีขึ้นอีกด้วย

[ ] อาจช่วยให้สุขภาพหัวใจดีขึ้น : มีงานวิจัยชิ้นหนึ่งชี้ว่า สำหรับผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง การใช้เทคนิค Earthing เป็นระยะเวลานาน จะช่วยลดระดับความดันโลหิตได้

นอกจากนี้ยังช่วยเรื่องอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น ปรับปรุงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ลดอาการปวด เพิ่มอัตราการเผาผลาญ และช่วยให้อัตราการไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เป็นต้น

อยากเริ่มต่อสายสัมผัสระหว่าง ‘ร่างกาย’ และ ‘พื้นดิน’ ควรเริ่มอย่างไร?

Earthing หรือ Grounding มีหลากหลายรูปแบบมาก แต่ไม่ว่าจะรูปแบบไหนก็สามารถช่วยให้เราเชื่อมโยงตัวเองกับโลกได้ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

1. เดินเท้าเปล่า
วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะช่วยให้เชื่อมต่อตัวเองกับโลกได้คือ การเดินด้วยเท้าอันเปลือยเปล่า โดยเราสามารถเดินได้ทั้งบนพื้นหญ้า หาดทราย หรือแม้แต่พื้นโคลน การปล่อยให้ผิวของเราได้สัมผัสกับพื้นธรรมชาติโดยตรง จะช่วยให้เรารับพลังงานจากพื้นดินได้

2. นอนบนพื้น
อีกวิธีที่เราสามารถทำได้คือ การนอนบนพื้น วิธีนี้จะเป็นการเพิ่มสัมผัสที่มากขึ้น เรียกว่าเนื้อแนบเนื้อเลยก็ว่าได้ ซึ่งเราสามารถทำตามวิธีนี้ได้ที่พื้นหญ้าหน้าบ้าน พื้นหญ้าที่สวนสาธารณะ หรือบนหาดทรายที่ชายหาดก็ได้

3. ว่ายน้ำ
การสัมผัสกับพื้นโลกไม่ใช่แค่การสัมผัสกับพื้นดินเท่านั้น แต่เรายังสามารถสัมผัสผืนน้ำได้เช่นกัน อย่างเช่นการว่ายน้ำที่ทะเล อย่างไรก็ดี การจะใช้วิธีนี้ต้องแน่ใจว่าที่ที่เราไปจะสามารถว่ายน้ำได้อย่างปลอดภัย อย่าไปในที่ที่มืดหรือลึกจนเกินไป

แล้วต้องทำ Earthing นานแค่ไหน? คำตอบคือยังไม่มีงานวิจัยที่แน่นอน บางอาการอาจดีขึ้นได้เพียงแค่ทำเซสชันเดียวหรือ 30 นาที เช่น เรื่องของอารมณ์และพลังงาน แต่การปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอเป็นระยะเวลาติดต่อกันหลายวันย่อมให้ผลลัพธ์ระยะยาวที่ดีกว่า

Earthing ถือเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่น่านำมาลองใช้ผ่อนคลายจิตใจและเติมเต็มพลังให้กับชีวิตใหม่อีกครั้ง แต่ก็อย่าลืมว่ามันก็เหมือนกับวิธีการดูแลจิตใจอื่นๆ ที่ต้องใช้เวลา สิ่งสำคัญคือเราต้องมีความอดทน พยายามฝึกฝนให้เป็นกิจวัตร และต้องให้ความใส่ใจกับมัน สุดท้ายแล้วเชื่อว่าผลลัพธ์จะออกมาดีต่อตัวเราอย่างแน่นอน


อ้างอิง
– Earthing–A Technique to Help Ground Your Body : Odochi Ibe, Verywell Mind – https://bit.ly/3Ooqeew
– All About Grounding: Techniques to Connect to Nature : Sarah Bence, OTR/L, Verywell Mind – https://bit.ly/3vX80L3
– Grounding: Exploring Earthing Science and the Benefits Behind It : Eleesha Lockett, MS, Healthline – https://bit.ly/42jaNtU
– Have you heard of ‘grounding’ or ‘earthing’? What it is and why it’s getting attention. : Sara M Moniuszko, USA TODAY – https://bit.ly/3uoSOpg
– What is Earthing or Grounding? : Stephen T. Sinatra, HeartMD Institute – https://bit.ly/3vU5p4u

#psychology
#mindfulness
#earthing
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast