เคยโกรธมากๆ จนร้องไห้ไหม?
สำหรับคนที่เคยเป็น เชื่อว่าคงรู้สึกสับสนและหงุดหงิดตัวเองไม่น้อย เราไม่ได้ต้องการร้องไห้ให้คนอื่นเห็น แต่ทุกอย่างมันควบคุมไม่ได้เลย มีเรื่องอยากพูดและทำเต็มไปหมด แต่กลับทำอะไรไม่ได้ เพราะน้ำตาพรั่งพรูไม่หยุด
ไม่ชอบที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย…
แต่อย่าเพิ่งโทษที่ตัวเองเป็นแบบนี้เลย! เพราะการร้องไห้ไม่ใช่เรื่องน่าอายและผิดมหันต์ โดยเฉพาะการร้องไห้เวลาโกรธ ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ใครๆ ก็เป็นกันทั้งนั้น แถมยังเป็นการระบายที่ดีต่อกายและใจอีกด้วย วันนี้เราจะพาทุกคนมาทำความเข้าใจและค้นหาคำตอบกันว่า ทำไมเราถึงร้องไห้เวลาโกรธกัน!
ทำความเข้าใจอารมณ์โกรธ
Sabrina Romanoff นักจิตวิทยาคลินิกและศาสตราจารย์จาก Yeshiva University แห่งรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา บอกว่าความโกรธ ความเครียด หรือความวิตกกังวล จะทำให้เรารู้สึกไม่สบายตัวและควบคุมตัวเองได้ยาก ส่งผลให้ความสามารถในการใช้เหตุผลต่ำลง
นั่นเป็นเพราะความโกรธทำให้อะดรีนาลีนในร่างกายพลุ่งพล่าน อัตราการเต้นของหัวใจแรงและเร็วกว่าปกติ หายใจหอบถี่ กล้ามเนื้อเกร็ง และความดันโลหิตสูง
โดยเธออธิบายว่า ความโกรธเป็นปัจจัยกระตุ้นอารมณ์และพฤติกรรมต่างๆ ออกมา แบ่งออกเป็น 2 พฤติกรรมหลักๆ คือ
พฤติกรรมก้าวร้าว (Aggression)
การแสดงออกทางอารมณ์ด้านลบที่รุนแรงทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น คำพูดเสียดสี โมโหร้าย ไม่รับฟังผู้อื่น ตะโกนด่าทอ ทำลายข้าวของ ทำร้ายตัวเอง และทำร้ายคนอื่น
ซึมเศร้าและวิตกกังวล (Depression and Anxiety)
เรามักถูกสอนตั้งแต่เด็กๆ ว่าอารมณ์เชิงลบต่างๆ จะไปทำลายความสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่น ทำให้เราเลี่ยงที่จะตอบโต้และพยายามข่มอารมณ์ไว้อยู่เรื่อยมา เพื่อรักษาความสัมพันธ์ แต่มันอาจเป็นดาบสองคมเหมือนกัน เพราะเราต้องแบกทั้งความรู้สึกและความไม่พอใจเอาไว้ จนความโกรธกัดกินจิตใจและกลายเป็นความเศร้าในที่สุด
รับมือกับ “น้ำตา” และควบคุม “ความโกรธ”
1. หายใจเข้าลึกๆ
หากอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้รู้สึกไม่โอเค แล้วพบว่าไฟโกรธภายในใจกำลังค่อยๆ ปะทุ และพร้อมวีนได้ตลอดเวลา ค่อยๆ ตั้งสติ และหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ กำหนดลมหายใจเข้า-ออก หรือนับเลข 1-10 ในใจช้าๆ ประมาณ 5-10 นาที จะช่วยปัดเป่าพลังลบและเพิ่มพลังบวก ทำให้เรามีสติมากขึ้นและใจเย็นลง
2. นึกถึงเรื่องที่ทำให้ยิ้มได้
การจินตนาการถึงสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขและยิ้มได้ จะช่วยเบี่ยงเบนความสนใจจากสถานการณ์หรือความคิดน่าหงุดหงิดที่เรากำลังเผชิญอยู่ เช่น คิดถึงของกินอร่อยๆ ศิลปินคนโปรด หรือสัตว์เลี้ยงแสนรัก
3. เขียนระบายออกมา
หยิบปากกาสักแท่ง กระดาษสักแผ่น แล้วพาตัวเองไปอยู่ในพื้นที่ที่รู้สึกสงบและปลอดภัย หลังจากนั้นค่อยๆ เขียนความรู้สึก “ทุกอย่าง” ที่อยู่ในหัวเท่าที่จะนึกออกลงไป เช่น ความรู้สึกตอนนี้ สิ่งที่ทำให้หงุดหงิด และสิ่งที่ทำให้เรามีความสุข โดยการเขียนช่วยให้เราได้ระบายสิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจ ได้วิเคราะห์ตัวเอง รวมถึงรู้สาเหตุและวิธีจัดการอารมณ์ที่เหมาะสม
4. พูดคุยอย่างเปิดอก
หลังจากเราสงบสติอารมณ์ได้แล้ว อย่าเก็บทุกอย่างไว้คนเดียว หรือปล่อยปัญหาทิ้งไว้โดยไม่แก้ไขอย่างเหมาะสม ลองหาใครสักคนที่เชื่อใจและพร้อมรับฟังปัญหาของเรา หรือเปิดอกพูดกับอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา โดยควรเลือกพูดเมื่อมั่นใจว่าเราควบคุมอารมณ์ได้ดีและมีเหตุผลมากพอ แล้วเริ่มต้นด้วยคำพูดที่ว่า “ฉันรู้สึก…” พร้อมบอกเหตุผลออกไป
เช่น ฉันรู้สึกโกรธที่เธอทำแบบนี้เมื่อวาน ฉันรู้สึกไม่พอใจมากๆ ที่เธอผิดนัดครั้งก่อน ฉันรู้สึกไม่โอเคที่เธอไม่ทำตามที่สัญญาไว้
5. ระบายอารมณ์ออกมา
หากรู้สึกว่าทุกอย่างมันหนักเกินไปจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ ก็แค่ร้องไห้ออกมา การร้องไห้ไม่ใช่เรื่องผิดและไม่ได้แปลว่าเราเป็นคนอ่อนแอ เพราะการร้องไห้เป็นกลไกของร่างกายที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ที่จะช่วยให้เราจัดการความรู้สึกได้ดีขึ้น ปลดปล่อย ผ่อนคลาย และเข้มแข็งมากขึ้น แถมน้ำตายังมีประโยชน์ต่อดวงตา เพราะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นและป้องกันสิ่งสกปรกให้ดวงตาอีกด้วย
เห็นไหมว่าการร้องไห้เวลาโกรธไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ได้แปลว่าเราไม่เข้มแข็งมากพอ เพราะเราทุกคนมีวิธีจัดการกับความโกรธที่แตกต่างกันไป แต่สิ่งสำคัญอยู่ที่ว่าเรามีสติและรู้ตัวเวลาโกรธหรือไม่ รวมถึงเราควบคุมทุกอย่างได้ดีหรือเปล่า
หากใครรู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมของตัวเองตอนที่รู้สึกโกรธได้ แถมยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพและชีวิตประจำวันล่ะก็ อาจเป็นสัญญาณว่าเราควรไปพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับคำปรึกษาและรับการรักษาอย่างเหมาะสมต่อไป
เนื้อหาอื่นๆ ที่น่าสนใจ :
– “มีอะไรก็บอกเราได้เสมอ” 8 วิธีสร้าง Emotional Safety พื้นที่ปลอดภัยในความสัมพันธ์: https://bit.ly/3K8D8u4
– ชอบขุด ชอบคุ้ย ชอบแค้น! ทำไมคนเราถึงมีอาการ‘หึงหวง’ ต่อ ‘อดีต’ ของคนรัก: https://bit.ly/3PA7JS7
อ้างอิง :
– https://bit.ly/3Aaz8Ey
– https://bit.ly/3dLOk3j
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#psychology