เมื่อพูดถึงเรื่อง “การเลือกปฏิบัติ” เชื่อว่าหลายคนคงจะนึกถึงการเลือกปฏิบัติทางสีผิว ชาติพันธุ์ เพศ รวมถึงความคิดเห็นทางการเมืองต่างๆ ด้วย แต่นอกจากเรื่องเหล่านี้แล้ว ยังมีอีกเรื่องที่สามารถพบได้บ่อยๆ ในที่ทำงาน นั่นก็คือ เรื่อง “อายุ”
ปัญหาเรื่องการเลือกปฏิบัติทางอายุสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศ แต่เมื่อไม่นานมานี้นักวิจัยได้ออกมาเปิดเผยว่า ผู้หญิงเป็นเพศที่ต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติทางอายุในหลายๆ ช่วงวัย ไม่ว่าจะเป็นเมื่อเด็กเกินไป เมื่ออายุเยอะเกินไป หรือแม้กระทั่งเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยกลางคน
เมื่อถูกมองว่า “เด็กเกินไป”
หลังสำเร็จการศึกษาแล้ว ทางเดินที่เราทุกคนต้องก้าวเดินต่อไปอย่างเลี่ยงไม่ได้คือ “โลกการทำงาน” เมื่อเข้ามาสู่โลกนี้แล้ว เราต้องมีการปรับตัวกันขนานใหญ่ เพราะมีหลายๆ สิ่งที่เราอาจไม่เคยเจอกันมาก่อนตอนอยู่ในโลกแห่งการศึกษา
พอเราทำงานไปสักพัก เราก็จะเริ่มมีความเคยชินและปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ บางคนทำงานไปประมาณ 10 ปีถึงจะได้เลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าคน แต่ก็มีบางคนที่ทำงานเพียง 2-3 ปีก็ได้เลื่อนขั้นขึ้นมาเป็นผู้นำของใครหลายๆ คน ซึ่งการจะเลื่อนขั้นได้นั้นแน่นอนว่าจะต้องมีคนเห็นถึงความสามารถ
แต่เชื่อไหมว่า บางคนมีอคติกับเรื่องนี้และอาจจะมองว่า “เธอเพิ่งจะอายุเท่าไรเอง ทำไมถึงได้เลื่อนขั้นเร็วจัง แบบนี้จะเป็นหัวหน้าคนรอดเหรอ” เพราะเขาเหล่านั้นเชื่อว่าคนที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้าได้จะต้องโตกว่าและมีประสบการณ์ในการทำงานมากกว่านี้ ทำให้หัวหน้าอายุน้อยบางคนไม่ได้รับความเชื่อมั่นเมื่อได้เลื่อนขั้น หรือบางคนก็อาจจะยังไม่มีโอกาสได้เลื่อนขั้นเลยเสียด้วยซ้ำเพราะถูกมองว่ายังอ่อนประสบการณ์ ปัญหาเช่นนี้เกิดขึ้นได้บ่อยในโลกการทำงาน โดยเฉพาะกับคนที่เป็น “ผู้หญิง”
จากงานวิจัยที่สำรวจผู้หญิงกว่า 900 คนโดย Harvard Business Review พบว่า ผู้หญิงที่อายุต่ำกว่า 40 ปี มักจะโดนเหยียดอายุในรูปแบบที่คนอื่นๆ แสดงออกถึงความไม่เชื่อมั่นในบทบาทหัวหน้าที่เธอคนนั้นได้รับ เช่น บุคคลที่มีตำแหน่งสูงๆ ในองค์กร (บ่อยครั้งเป็นผู้ชาย) มักจะรู้สึกแปลกใจเมื่อได้ยินว่าผู้หญิงอายุน้อยได้รับตำแหน่งในระดับซีเนียร์หรือหัวหน้า ซึ่งบางครั้งก็อาจถึงขั้นใช้คำเรียกที่ถือว่าค่อนข้างไม่ให้เกียรติกัน เช่น ถ้าในต่างประเทศจะมีการใช้คำว่า “Kiddo” หรือแปลง่ายๆ ว่า หนูน้อยหรือเด็กน้อยนั่นเอง
ไม่เพียงแค่นั้น จากงานวิจัยฉบับเดียวกันพบว่า ผู้หญิงที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ก็มีโอกาสได้รับตำแหน่งหรือได้เลื่อนขั้นน้อยกว่า เพราะถูกมองว่าอาจตั้งครรภ์ได้
แล้วถ้าสมมติว่า หากเป็นผู้หญิงอายุมาก ทุกคนคิดว่าจะยังถูกเลือกปฏิบัติอยู่หรือไม่?
คำตอบคือ ยังคงมีโอกาสถูกเลือกปฏิบัติได้อยู่
แม้อายุมากก็ถูกมองว่า “ไม่ควรเป็นผู้นำ”
จากงานวิจัยเดิมโดย Harvard Business Review พบว่า ผู้หญิงที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปบอกว่า ตัวเองนั้นถูกละเลย หลายบริษัทมองข้ามทักษะที่มีไป แถมเรื่องประสบการณ์ที่มีมาอย่างนานก็ได้รับความสนใจน้อยลงหรือถูกด้อยค่า ด้วยเหตุที่ว่าไม่มีความสดใหม่ หลายคนจึงถูกเลิกจ้างงานกันไปเมื่ออายุเยอะ
นอกจากนี้ หากพูดถึงผู้หญิงวัยประมาณ 40 หรือ 50 กว่าๆ แล้ว ก็ต้องบอกว่าเธอเหล่านั้นต้องเจอกับข้อจำกัดด้านอายุหลายๆ อย่างเหมือนกัน อย่างเช่นในการสำรวจนี้ได้เปิดเผยว่า ผู้หญิงวัยกลางคนหลายคนได้พูดถึงความกดดันเรื่องอายุที่ตัวเองได้รับจากคนที่อยู่ตำแหน่งสูงกว่าหลายเรื่อง เช่น คนอื่นๆ กลัวว่าเธอนั้นจะมีปัญหาเรื่องวัยทอง หรือกลัวว่าจะมีปัญหาครอบครัวเข้ามาขัดขวางการทำงาน จนทำให้งานไม่เดิน เป็นต้น
ในทางตรงกันข้าม หากเราหันกลับมามองผู้ชายที่เข้าสู่วัย 40 หรือ 50 ปีแล้ว ก็จะเห็นได้ว่าช่วงอายุนี้ถือเป็นช่วงที่การงานของใครหลายๆ คนกำลังรุ่งโรจน์เลยทีเดียว อย่างเช่น ถ้าเราดูจำนวนผู้บริหารของบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500 (บริษัทชั้นนำของโลก) ก็จะเห็นได้เลยว่า มีผู้หญิงที่ได้ครองตำแหน่ง C-suite (ฝ่ายบริหารระดับสูง) เพียงแค่ 1 ใน 4 เท่านั้น
โดยทั่วไปแล้วหลายคนอาจจะเคยได้ยินกันมาว่า การเหยียดอายุส่งผลกระทบแค่กับคนทำงานที่อายุเยอะๆ แต่จากงานวิจัยโดย Harvard Business Review นั้นได้เผยให้เห็นแล้วว่า ผู้หญิงต้องเผชิญกับอคติเรื่องอายุ ไม่ว่าจะอายุน้อย อายุเยอะ หรืออยู่ในช่วงวัยกลางคนก็ตาม ซึ่งก็ถือเป็นปัญหาที่น่าจับตามองและควรได้รับการแก้ไขกันต่อไป
อ้างอิง
– Women are always the wrong age : Kelli María Korducki, Insider – https://bit.ly/44BRQC5
– Women face age bias at work no matter how old they are: “No right age” : AIMEE PICCHI, CBS NEWS – https://bit.ly/3YXQhND
#trend
#society
#ageism
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
