INSPIRATION‘ปณิธานปีใหม่’ สำคัญไฉน ผิดไหมถ้าอยากใช้ชีวิตแบบไม่มีเป้าหมาย

‘ปณิธานปีใหม่’ สำคัญไฉน ผิดไหมถ้าอยากใช้ชีวิตแบบไม่มีเป้าหมาย

“ปีใหม่ เริ่มต้นใหม่” หรือ “New Year, New Me” เป็นวลียอดฮิตช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ราวกับเป็นสัญญาณเรียกบอกให้ทุกคนกลับมาทบทวนเส้นทางที่ผ่านมาตลอดทั้งปี ลองพิจารณาและให้คะแนนชีวิตมิติต่างๆ ก่อนที่จะนำอดีตมาปรับปรุงเป็นเป้าหมายของปีถัดไปแล้วตั้งชื่อว่า ‘ปณิธานปีใหม่’ (New Year Resolutions)

อย่างที่ทุกคนรู้ว่าการตั้งเป้าหมายนั้นสำคัญสำหรับการเดินทางของเหล่านักพัฒนาตนเองและคนที่อยากเปลี่ยนแปลงเป็นภาพที่วาดฝันไว้ และปีใหม่ก็เป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับการจุดประกายความตั้งใจ ความหวัง และความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงตนเอง

ทุกปีเราจึงมักจะพบกับหน้าฟีดโซเชียลมีเดียที่เต็มไปด้วยการรีวิวชีวิตในปีเก่าและการแบ่งปันปณิธานสำหรับปีใหม่ เพียงแค่อ่านเรื่องราวเหล่านั้นก็สัมผัสได้ถึงโดปามีนที่ไหลหลั่งจนเกิดเป็นความกระตือรือร้นอยากจะลองเขียนปณิธานเหมือนกับเขาดูบ้าง

แต่เมื่อลองจับปากกาจรดหน้ากระดาษสมองก็พลันว่างเปล่าขึ้นมาทันใด หากให้ลองคัดลอกและวางเป้าหมายจากคนอื่นมาแปะลงบนสมุดคู่ใจไว้ก็ย่อมทำได้ แต่นั่นจะมีความหมายอะไรหากไม่ใช่ความตั้งใจของเราเอง ถึงอย่างนั้นเมื่อคิดถึงความต้องการของตนเองก็ยิ่งมืดบอด

ท่ามกลางความตื่นเต้นเร้าใจที่จะได้ท้าทายความสามารถและพัฒนาตนเอง กลับมาเพียงตัวเราที่แม้แต่เป้าหมายก็ยังสร้างไม่ได้ สุดท้ายความกระตือรือร้นกลับกลายเป็นความกดดัน ชวนให้ตั้งคำถามขึ้นมาว่า จะผิดไหมถ้าเราไม่ได้อยากมีเป้าหมาย?

ขณะที่ปณิธานปีใหม่อาจเป็นความหมายในการมีชีวิตอยู่ของใครบางคน เป็นทั้งแสงนำทางและที่ยึดเหนี่ยวให้อยู่ในลู่ทางที่เขาต้องการ แต่สำหรับใครอีกหลายคนปณิธานเป็นเพียงจินตนาการที่สร้างขึ้นมาเพื่อหล่อเลี้ยงความหวังก็เท่านั้น

สถิติจาก Forbes เผยให้เห็นว่าผู้ทำแบบสำรวจกว่า 40% ตั้งปณิธานสำหรับปีใหม่ แสดงให้เห็นว่าแม้รอบตัวดูเหมือนจะมีคนตั้งปณิธานเต็มไปหมด แต่นั่นก็เป็นเพียงส่วนเดียวในสังคมเท่านั้น ยังมีคนอีกมากที่ไม่จำเป็นต้องตั้งเป้าหมายเพื่อเดินหน้าในชีวิตต่อไป

ยิ่งไปกว่านั้นสถิติเดียวกันยังเผยให้เห็นว่ามีเพียง 8% ของผู้ที่สร้างปณิธานปีใหม่เท่านั้นที่ทำตามเป้าหมายสำเร็จ

นั่นหมายถึง 92% ไม่สามารถทำตามความตั้งใจของตนเองได้ด้วยเหตุผลหลายประการ ไม่ว่าเหตุผลนั้นจะมาจากการตั้งเป้าหมายไม่ถูกวิธี หรือปัจจัยอื่นที่เข้ามาแทรกระหว่างทาง หรือบางทีอาจจะค้นพบภายหลังว่าไม่ได้อยากทำเป้าหมายที่ตั้งไว้จริงๆ ก็เป็นได้

สุดท้ายแล้วปณิธานก็เป็นเพียงการประกอบสร้างทางความคิดที่คนเราสร้างขึ้นมาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจไม่ให้ไขว้เขว เมื่อเราพบกับหลับยึดอื่นที่มั่นคงกว่าหรือตอบโจทย์การใช้ชีวิตมากกว่า ตัวตนของปณิธานก็ค่อยๆ จางหายไปราวกับที่ผ่านมาเป็นเพียงภาพลวงตาก็เท่านั้น

ดังนั้นการตั้งเป้าหมายหรือปณิธานจึงไม่ใช่วิธีการเดียวบนโลกใบนี้ที่จะทำให้เราเป็นคนที่ดีขึ้น หรือกลายเป็นคนแบบที่วาดฝันไว้ เครื่องมือทางความคิดหรือแนวคิดอื่นๆ อีกมากมายอาจเหมาะสมกับปรัชญา ทัศนคติ และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเรามากกว่าก็เป็นได้

การพัฒนาตนเองแบบที่ทุกคนเข้าใจนั้นแบ่งองค์ประกอบได้สองอย่างคือ เป้าหมายที่อยากจะไปถึง และเส้นทางที่จะเดินไปจนถึงเป้าหมาย ยกตัวอย่างเป็นหากเรารักสุขภาพ เป้าหมายของเราอาจจะเป็นการลดน้ำหนักและเส้นทางของเราคือการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

แล้วจะเป็นอย่างไรหากเราไม่มีเป้าหมาย? สมมติว่าเป้าหมายที่จะลดน้ำหนักของเราหายไปแต่เรายังคงให้ความสำคัญกับเส้นทางสายสุขภาพและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง สุดท้ายแล้วผลที่ได้จะต่างอะไรจากการตั้งเป้าหมายนั้นหรือไม่?

คำตอบคือไม่ว่าจะมีเป้าหมายหรือไม่ผลลัพธ์ก็ยังคงเหมือนเดิม แล้วเหตุใดคนถึงยังให้ความสำคัญกับการตั้งเป้าหมายกันอยู่? นั่นเป็นเพราะสำหรับคนที่ชอบการแข่งขัน การท้าทาย การมีเป้าหมายไว้พิชิตเป็นแรงผลักดันที่ดีที่ช่วยให้เขามีแรงจูงใจในการเดินหน้าต่อไป

แต่บางครั้งเป้าหมายก็ไม่ได้สร้างเพียงแรงผลักดันเชิงบวกเท่านั้น การวิ่งไปบนเส้นทางชีวิตโดยมีคำว่าเป้าหมายคอยวิ่งไล่ต้อนให้เราไปในทางใดทางหนึ่งตลอดเวลาอาจกลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้เรารู้สึกอึดอัดและไม่เป็นตัวของตนเองก็เป็นได้

สุดท้ายเมื่อปัจจัยในชีวิตเข้ามาเป็นอุปสรรคที่ทำให้เราไปไม่ถึงจุดหมาย ตัวตนของเป้าหมายก็จะเปลี่ยนเป็นตราบาปที่คอยซ้ำเติมเราอยู่เสมอว่าเรายังทำไม่ดีพอ พยายามไม่มากพอ หรืออาจพาลให้คิดไปว่าเราเป็นคนที่ไม่สามารถพัฒนาอะไรได้อีกต่อไป

เพราะการตั้งเป้าหมายเปรียบได้กับการควบคุมสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ เราไม่สามารถรู้ได้ทั้งหมดว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ท้ายที่สุดเมื่อเราค้นพบว่าไม่สามารถควบคุมชีวิตได้อย่างที่ใจหวังจึงเข้าสู่สภาวะสิ้นหวังและท้อแท้

เรียกได้ว่าการมีเป้าหมายเป็นดาบสองคม หากไม่บริหารสมดุลให้ดีก็อาจย้อนกลับมาทำร้ายเราได้เสมอ กลับกันการไม่มีเป้าหมายกลับไม่ทำให้เส้นทางที่เราต้องการนั้นหายไปไหน เพียงแค่เราค่อยๆ เดินไปตามจังหวะชีวิต วิ่งบ้าง เดินบ้าง หยุดบ้าง แต่สุดท้ายเราก็สามารถกลายเป็นคนที่อยากจะเป็นได้ในสักวัน

Advertisements
Advertisements

หลายคนที่เพิ่งค้นพบว่าการมีเป้าหมายอาจไม่เข้ากับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของตนเองเท่าไรนั้นอาจพบกับความเคว้งคว้างว่าจะต้องดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไรดี หรือควรจะทำอะไรหากไม่ตั้งเป้าหมาย แม้ว่าการปล่อยใจไปตามจังหวะชีวิตไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่ก็อยากจะทำอะไรสักอย่างเพื่อการันตีว่าจะพัฒนาตนเองได้ตามที่ต้องการ

วันนี้ Mission To The Moon จึงมีแนวทางการสร้างแนวทางการดำเนินชีวิตรูปแบบอื่นๆ มาฝากเหล่านักพัฒนาตนเองที่กำลังลอยเคว้ง รวมถึงเหล่านักพัฒนาตนเองที่กำลังมองหาและลองทำสิ่งใหม่ๆ เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นคนในฝันกัน

1. เปลี่ยนจากเป้าหมายมาเป็นการท้าทายตนเองในแต่ละวัน

สำหรับใครที่เป้าหมายอาจจะหนักและกดดันมากเกินไป แต่ยังคงเสพติดความสำเร็จจากความท้าทายและการพิชิตบางอย่าง การสร้างเกมเล็กๆ ให้ตนเองได้ลองเอาชนะ เช่น เกมทำอาหารทานเอง 15 วัน เพราะต้องการลดค่าใช้จ่ายจากการทานอาหารนอกบ้าน หรือออกกำลังกาย 30 วันก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

2. สร้างธีมของปีนั้นๆ

ธีมในที่นี้หมายถึงคีย์เวิร์ดที่เราอยากให้เป็นคำนิยามปีนั้นๆ และเป็นแนวคิดที่เราจะยึดถือไปตลอดทั้งปี ยกตัวอย่างเช่น ธีมของปี 2024 ที่อยากเป็นคือ ให้อภัย สมดุล และสติ อาจจะมีมากหรือน้อยกว่า 3 คำก็ได้แต่คำเหล่านี้จะเป็นคีย์เวิร์ดที่เราใช้เตือนตัวเองไปตลอดทั้งปีนั่นเอง

3. สร้าง ‘ระบบ’ การใช้ชีวิต

ระบบการใช้ชีวิตนี้ที่นี้ก็หมายถึงกระบวนการต่างๆ ที่จะทำให้เราไปถึงจุดหมาย ขณะที่เป้าหมายเราอาจจะเป็นเพียงภาพกว้างๆ หรือไม่มีเลย มีเพียงความต้องการว่าอยากเป็นเช่นไรก็ไม่ใช่เรื่องผิด เพียงเราสร้างระบบด้วยการกำหนดว่าอยากจะทำอะไรเพื่อเป็นแบบที่ต้องการ และดำเนินตามความตั้งใจนั้นสม่ำเสมอในระยะเวลาหนึ่งก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน

สุดท้ายแล้วไม่ว่าไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตเราจะเป็นแบบไหน แต่การสร้างสมดุลและความสม่ำเสมอก็ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เราเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับตนเองในสักวันหนึ่ง ในปี 2024 นี้ลองมาหาเส้นทางที่ใช่แล้วเดินไปพร้อมๆ กันนะ 🙂

ที่มา
– The case for having no goals in your life: Why it might lead to more success and happiness: James Clear, Buffer – https://bit.ly/47eT4o8
– Do NOT Set a New Year’s Resolution; I Beg You. Do This instead.: Sarah Bedrick, Medium – https://bit.ly/3RWTco9
– Saying No to New Year’s Resolutions (and Yes to Something Better): Heather Moulder, J.D., ACC, Course Correction Coaching – https://bit.ly/3GZlRmk

#selfdevelopment
#inspiration
#newyearresolution
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

Advertisements

LASTEST ARTICLES

LASTEST PODCAST

Mission To The Moon
Mission To The Moon
พื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อแบ่งบันเรื่องราวเกี่ยวกับการทำธุรกิจ การตลาด แรงบันดาลใจ และข้อคิดในการใช้ชีวิต

POPULAR ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานและเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบล็อคการใช้งานคุกกี้ได้จากเบราว์เซอร์ที่ใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการใช้งานเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และวัดผลการทำงาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า