รับมือกับ ‘Happiness Guilt’ เพราะคนอื่นทุกข์จึงไม่กล้ามีความสุข

1878
Happiness Guilt

ทุกวันนี้แค่เรื่องงานก็มีแต่เรื่องชวนให้เครียดกันเต็มไปหมดแล้ว จะเข้าไปเล่น Facebook หรือ Instagram คลายเครียดสักหน่อย แต่หน้าไทม์ไลน์แต่ละแอปฯ ก็มีแต่ข่าววนอยู่ซ้ำๆ กับปัญหาสังคม การเมือง และสถานการณ์โควิดที่ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็ไม่มีอะไรที่ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้นมาได้ แถมมองไปทางไหนก็มีแต่เรื่องที่ยิ่งทำให้กลับมาเครียดหนักไปกว่าเดิมอีก

โดยเฉพาะในวันที่กำลังมีประเด็นในสังคมที่ร้อนระอุ ทุกคนร่วมกันแชร์ความคิดเห็นต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกันอย่างร้อนแรง กลับกันในขณะที่ตัวเราวันนั้นดันไปเจออะไรดีๆ มาสักที จนอยากแชร์ให้เพื่อนๆ รอบตัวรู้ด้วยเหมือนกัน แต่ก็ต้องมานั่งคิดหนักก่อนโพสต์ว่าจะเหมาะสมกับสถานการณ์ตอนนี้หรือเปล่า? เราจะทำตัวดูมีความสุขไปไหมนะ? สุดท้ายก็ได้แต่เก็บเรื่องนั้นเอาไว้คนเดียวไม่กล้าบอกใคร… อุตส่าห์เจอเรื่องดีๆ ทั้งทีก็อยากแชร์ให้ใครฟังด้วยกันแท้ๆ

หรือในสถานการณ์โควิดแบบนี้ แค่กลับมานั่งคิดว่า การที่ตัวเองยังสามารถใช้ชีวิตได้ปกติแบบนี้ มีข้าวให้กิน มีบ้านให้อยู่ ยังมีงานให้ทำ เมื่อเห็นคนอื่นที่ต้องพบเจอกับความทุกข์และความสูญเสียก็ยิ่งทำให้รู้สึกผิดกับตัวเองทุกครั้ง… รู้สึกผิดที่ทำอะไรไม่ได้ รู้สึกผิดที่ตัวเองดูมีความสุขมากกว่าคนอื่น

Advertisements

‘Happiness Guilt’ ความรู้สึกผิดที่จะมีความสุข

ความรู้สึกแบบนี้ถูกเรียกว่าเป็น ‘Happiness Guilt’ ความรู้สึกผิดที่จะมีความสุข เมื่ออยู่ท่ามกลางช่วงเวลาที่คนอื่นกำลังเผชิญความทุกข์ เพราะการที่คนเราถูกปลูกฝังให้มีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้อื่น (Empathy) จึงไม่แปลกที่เราจะมีความรู้สึกร่วมเมื่อเห็นคนรอบตัวพบเจอกับเรื่องราวแย่ๆ ในชีวิต การมี Empathy นับเป็นสิ่งที่ดีก็จริง แต่หากมีมากเกินไปจนกลายเป็นการบั่นทอนความรู้สึกตัวเองลง ทำให้ไม่กล้าแม้แต่จะมีความสุขได้นั้น นี่ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ดีแน่นอน 

mm2021

ถ้ารู้สึกว่าความรู้สึกนี้มีมากจนไม่ดีกับตัวเองแล้ว ถ้าอย่างนั้น ลองกลับมาทบทวนความรู้สึก และจัดการกับความรู้สึกผิดที่มากเกินไปนี้กันหน่อยดีกว่า โดยเริ่มได้จาก

1. ค้นหาความไม่สบายใจ

ก่อนอื่นต้องมาตามหากันก่อนว่า ความรู้สึกผิดนี้มาจากอะไร สาเหตุที่แท้จริงคืออะไร เราผิดจริงไหม และควรทำอย่างไรต่อไป แน่นอนว่า Happiness Guilt ไม่ใช่ความรู้สึกผิดเมื่อตัวเราไปทำอะไรไม่ดีกับใคร แต่เป็นความรู้สึกผิดจากสถานการณ์ในสังคมที่กดดันให้เกิดความรู้สึกไม่ดีกับตัวเราเองทั้งนั้น ดังนั้น เมื่อเกิดความรู้สึกนี้ขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ ก่อนอื่นให้นึกไว้เสมอเลยว่า ‘มันไม่ใช่ความผิดของคุณเลยที่จะมีความสุข’ 

2. บอกใครสักคน

บางครั้งเวลาเจอเรื่องอะไรมา อาจไม่จำเป็นต้องอัปโหลดลงสาธารณะเสมอไปก็ได้หากคิดว่าจะทำให้คนอื่นรู้สึกไม่สบายใจจนตัวคุณเองจะไม่สบายใจตามมาทีหลัง ลองเปลี่ยนเป็นการเล่าให้ใครสักคนฟังเป็นการส่วนตัวแทน หาคนที่สนิทใจที่สามารถแบ่งปันเรื่องทุกข์สุขด้วยกันได้ดูสักคน มีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็สามารถปรึกษากันได้ หรือถ้ามีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้นก็พร้อมแชร์ให้ฟังด้วยกันก็ดีเหมือนกัน

3. เปลี่ยนความรู้สึกเป็นการกระทำ

เพราะความรู้สึกผิดที่คุณคอยซ้ำเติมตัวเองแต่ละวันนั้นย่อมไม่ทำให้อะไรดีขึ้น แต่เราสามารถเปลี่ยนความรู้สึกเหล่านี้เป็นการกระทำ สร้างผลลัพธ์อะไรบางอย่างขึ้นมาได้ อย่างในเรื่องของสถานการณ์โควิดตอนนี้ หากเป็นคนที่มีเงินพร้อมช่วยเหลือ เราก็สามารถช่วยบริจาคเงินได้ตามเท่าที่ไหว หรือหากมีเวลาก็ลองทำอาสาสมัครในสิ่งที่พอทำได้ แต่ความจริงแล้ว ถ้าพิจารณาถึงต้นตอที่แท้จริงของปัญหานี้ สิ่งสำคัญอย่างแรกเลย คือ การที่รัฐควรจัดสรรให้ทุกคนสามารถได้รับปัจจัยขั้นพื้นฐานในการดำเนินชีวิต ทั้งความปลอดภัยและความเป็นอยู่ จากการบริหารจัดการที่มีมาตรการชัดเจนและเหมาะสมกว่านี้ ทั้งหมดนี้ไม่ควรถูกผลักภาระหน้าที่และความรับผิดชอบให้มาเป็นของประชาชนที่ต้องจัดการสละเงินและเวลาด้วยกันเอง หรือเกิดเป็นความรู้สึกผิดอยู่แบบนี้

4. เลิกโทษแต่ตัวเอง

ไม่ว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นความรู้สึกผิดแบบไหน จากสาเหตุอะไร ก็ต้องอย่าลืมที่จะเรียนรู้ให้มีเมตตาต่อตัวเอง (Self-compassion) ด้วยเหมือนกัน รู้จักให้อภัยความผิดพลาดของตัวเอง และพยายามกลับมารักตัวเองให้มากยิ่งขึ้น ในทุกวันนี้ที่สังคมมีแต่ความวุ่นวาย ลองให้ตัวเองได้สร้างความสุขเล็กๆ ในแต่ละวัน ได้ทำอะไรเพื่อตัวเองบ้าง ขอแค่ทุกอย่างอยู่ในกรอบที่ว่าเป็นสิ่งที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครก็เพียงพอแล้ว

Advertisements

การมี Empathy ในช่วงวิกฤติแบบนี้เป็นสิ่งสำคัญก็จริง แต่หากมีมากเกินไปจนกลายเป็นตัวทำลายความรู้สึกตัวเองแล้วล่ะก็ ลองกลับมาใส่ใจความรู้สึกตัวเองกันดูบ้าง ปล่อยให้ตัวเองได้มีความสุขหน่อยก็ดี 


เนื้อหาอื่นๆ ที่น่าสนใจ:

มีความสุขกับชีวิตได้ในทุกๆ วัน เพียงยอมรับ ‘ความจริง 10 ข้อ’ นี้

Self-Love…แด่คนที่ฉันควรรักมากที่สุด: ตัวฉันเอง

อ้างอิง:
https://bit.ly/3y4TVGF
https://bit.ly/3B1nuKW
https://r29.co/3D4v7SG
https://bit.ly/3mlbD6v

#missiontothemoon 
#missiontothemoonpodcast
#inspiration

ติดตามความเคลื่อนไหวและเนื้อหาน่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ https://missiontothemoon.co/

Advertisements