ทางของฉัน ฝันของใคร? ย้อนมองดูว่า เราเชื่อในความฝันของผู้อื่น มากกว่าตัวเองหรือเปล่า

287
ความฝัน Susan Boyle

ย้อนกลับไปในปี 2009 มีผู้หญิงคนหนึ่ง เธอป่วยเป็นโรค Asperger’s Syndrome ซึ่งทำให้เธอดูผิดปกติเวลาสนทนากับผู้อื่น และเธอได้ขึ้นเวทีของรายการ Britain’s Got Talent เพื่อแสดงเสียงร้องของเธอต่อหน้าผู้คนนับพันในห้องส่ง

บางท่านพอได้อ่านเท่านี้ อาจจะพอคุ้นอยู่บ้างว่าเธอคือใคร เพราะในช่วงนั้น เธอเหมือนกลายเป็นคนมีชื่อเสียงคนหนึ่งในชั่วข้ามคืน

ผู้หญิงคนนั้นชื่อ ‘Susan Boyle’ และวิดิโอออดิชั่นที่เธอร้องเพลง ‘I Dreamed a Dream’ ได้ยอดวิวมากกว่า 10 ล้านวิวบน Youtube และวิดิโอนั้นถูกอัปโหลดใหม่อีกครั้ง จนปัจจุบันมียอดวิวประมาณ 20 ล้านวิวเลยทีเดียว ซึ่งอยากให้ทุกท่านที่ยังไม่เคยดู ลองค้นหาชื่อเธอดูสักครั้ง 

Advertisements

เมื่อ Susan ขึ้นไปบนเวที หนึ่งในกรรมการได้ถามเธอว่าอยากเป็นเหมือนใคร เธอได้ตอบว่าด้วยเสียงร้องของเธอ เธออยากเป็นเหมือน ‘Elaine Page’ ซึ่งเป็นนักร้องและนักแสดงมิวสิคัลที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั้งผู้คนในห้องส่ง รวมถึงกรรมการได้แสดงสีหน้าสบประมาทเธออย่างเห็นได้ชัด แต่พอได้ยินเสียงร้องของเธอจริงๆ สีหน้าของทุกคนกลับเปลี่ยนไป ตกใจกับเสียงร้องที่ไพเราะเกินคาด และการแสดงของเธอจบลงด้วยผู้คนทั้งห้องส่งยืนขึ้นเพื่อตบมือให้เธอ

จากสายตาของเราที่มองออดิชันครั้งนี้จากหน้าจอโทรทัศน์หรือจากคลิปวิดีโอ ได้รับรู้ถึงความฝันของ Susan และรู้สึกปลื้มปริ่มไปพร้อมๆ กับเธอเมื่อเสียงร้องของเธอลบคำสบประมาทเหล่านั้นไปได้ เธอไม่ยอมให้โรคประจำตัวมาเป็นอุปสรรค และใช้ความกล้าอย่างมากในการเดินเข้ามาร้องเพลงต่อหน้าผู้คนนับพันเพื่อให้ความฝันของเธอเป็นจริง

แค่การที่เราเชื่อในความฝันของเธอ เราก็ได้เพิ่มพลังบวกให้กับตัวเองแล้ว และการที่เราได้เห็นการประสบความสำเร็จของผู้หญิงคนหนึ่งก็ทำให้เรารู้สึกดีได้

แล้วทำไมกับความฝันของตัวเอง เราถึงไม่เชื่อมั่นเช่นนี้บ้าง?

เชื่อว่าหลายๆ ท่านเคยมีความฝันอะไรสักอย่าง ความฝันใหญ่ที่เราเคยทิ้งหรือย่อขนาดลง ไม่ใช่เพราะเราไม่มีประสิทธิภาพพอ แต่เพราะแค่เราไม่เชื่อใจตนเองเลย

“เลื่อนตำแหน่งเหรอ คงทำไม่ได้หรอกหน้าที่ใหญ่โตขนาดนั้น เดี๋ยวถ้าเขาต้องการเรา เขาก็คงมาเรียกเราเอง”

“ใครจะมาอยากดูวิดีโอของเรากันนะ ไม่ต้องอัปโหลดให้เราอายตัวเองหรอก”

Advertisements

“อยู่ไปเดี๋ยวก็ตายแล้ว กินไปเหอะ ผอมลงก็ไม่มีอะไรดีขึ้น”

เรามักจะทำให้ความฝันของเราเล็กลงเพื่อให้เราเอื้อมถึงได้ง่าย เพราะเรากลัวว่าถ้าฝันใหญ่ๆ เราจะไม่มีศักยภาพพอที่จะทำให้เป็นจริง เราจึงปิดโอกาสตัวเองในการทำสิ่งที่ฝัน เพราะเราตัดสินตัวเองไปก่อนว่าทำไม่ได้

จริงอยู่ที่ความฝันทุกอันเป็นจริงไม่ได้ และความฝันของเราตอนเด็ก ที่เราอยากเป็นนักบินอวกาศ อยากเป็นนายกฯ มันอาจจะไกลความจริงอยู่บ้าง แต่การที่เราตัดสินไปก่อนว่าสิ่งที่เราอยากทำ หรือสิ่งที่เราอยากเป็น มันไม่คู่ควรกับเรา แค่เพราะเราในตอนนี้ไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้ เรากำลังปิดโอกาสไม่ให้ตัวเองพัฒนา และทำให้เราไม่กล้าหาโอกาสในการก้าวเข้าไปใกล้ความฝันนั้นเลย

ถ้าเราเชื่อความฝันของคนอื่นที่เราเห็นในวิดีโอได้ หรือเราสามารถบอกว่า “ทำได้อยู่แล้ว เชื่อดิ” กับเพื่อนที่มาปรึกษา เราก็สามารถเชื่อในความฝันของตัวเองได้เหมือนกัน


แปลและเรียบเรียงจาก:

https://bit.ly/3xtOH7Y

#missiontothemoon 

#missiontothemoonpodcast

#selfimprovement #behavior

ติดตามความเคลื่อนไหวและเนื้อหาน่าสนใจอื่นๆ ได้ที่ https://missiontothemoon.co/

Advertisements