สำนักข่าว BBC ได้รายงานว่าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของโจ ไบเดน ภายในวันพุธที่ 20 ม.ค. 2564 จะถูกจัดขึ้นภายใต้แผนมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดเป็นพิเศษ โดยถนนหลายไมล์ถูกปิดกั้นด้วยกำแพงคอนกรีตและรั้วโลหะที่มีกองกำลังรักษาความปลอดภัยมากกว่า 20,000 นาย ซึ่งทาง FBI ได้เตือนถึงการประท้วงด้วยอาวุธของผู้ชุมนุมที่อาจจะเกิดขึ้นที่ Washington DC และเมืองหลวงของรัฐทั้ง 50 แห่งในสหรัฐอเมริกา
โจ ไบเดนเตรียมออกคำสั่งทันทีหลังรับตำแหน่ง
– การนำสหรัฐฯ กลับสู่ความตกลงปารีส (Paris Agreement) ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศซึ่งเป็นสนธิสัญญาระหว่างประเทศที่ออกแบบมาป้องกันภาวะโลกร้อน
– ยกเลิกคำสั่งห้ามเดินทางจากประเทศที่มีประชากรเป็นมุสลิมเป็นส่วนใหญ่
– ออกกำหนดการให้สวมหน้ากากในส่วนของรัฐบาลหรือการเดินทางระหว่างรัฐ
ความท้าทายในการรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่โจ ไบเดนต้องเจอ
โจ ไบเดนได้เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในช่วงที่ประเทศเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 ที่มีผู้ติดเชื้อหลายพันคนและยอดผู้เสียชีวิตในสหรัฐฯ อยู่ที่เกือบ 400,000 คน
โดยหนึ่งในภารกิจสำคัญที่โจ ไบเดนถือเป็นวาระเร่งด่วนที่สุดคือ แผนงบประมาณเยียวยาทางเศรษฐกิจฉบับใหม่อีก 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 57.16 ล้านล้านบาท รวมถึงการจ่ายเงินช่วยเหลือการพักชำระหนี้และมีเป้าหมายส่งมอบวัคซีน Covid-19 ให้ได้ 100 ล้านเข็ม ภายในระยะเวลา 100 วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ
ความท้าทายอีกอย่างหนึ่งที่โจ ไบเดนต้องเจอคือ ความรุนแรงทางการเมืองที่เกิดขึ้น จากการขัดขวางการเลือกตั้ง ซึ่งโดนัลด์ ทรัมป์ กลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ถูกยื่นถอดถอนออกจากตำแหน่งถึง 2 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดถูกข้อหายุยงและปลุกปั่นให้เกิดการจลาจลขึ้นจากการพูดโจมตีระบบการเลือกตั้งว่ามีความทุจริต
ทั้งนี้ โดนัล ทรัมป์ได้ออกมายืนยันว่าจะไม่ไปเข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐของโจ ไบเดนอย่างแน่นอน แต่ไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีจะเป็นตัวแทนรัฐบาลชุดเดิมในการเข้าร่วมแสดงความยินดีกับโจ ไบเดน ร่วมถึงอดีตประธานาธิบดีอย่างบิล คลินตัน, จอร์จ บุช และ บารัค โอบามา ก็จะเข้าร่วมแสดงความยินดีในพิธีการอย่างแน่นอน
แปลและเรียบเรียงจาก:
Advertisements
