PSYCHOLOGYworklifeสำรวจเทรนด์ Lazy Girl Job เพราะงานที่ใช่ ไม่จำเป็นต้องเหนื่อย

สำรวจเทรนด์ Lazy Girl Job เพราะงานที่ใช่ ไม่จำเป็นต้องเหนื่อย

คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการทำงานชิลๆ ไม่เครียด นั่งทำที่ไหนก็ได้ เริ่มงานเมื่อไรก็ได้และเลิกงานเป็นเวลา  แล้วได้เงินเดือนเป็นกอบเป็นกำอีกแล้ว

แม้ว่าสมัยก่อนเป้าหมายสูงสุดของคนวัยทำงานคือการก้าวหน้าทางอาชีพ เลื่อนขั้น มีเงินเดือนสูง มีบ้าน มีรถและสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว แต่เมื่อโลกของคนทำงานเข้าสู่จุดวิกฤติ แรงงานถูกเลิกจ้าง อัตราการว่างงานพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ เทคโนโลยีและ AI ลดคุณค่าของมนุษย์ เป้าหมายของคนวัยทำงานในยุคนี้จึงเริ่มเปลี่ยนไป โดยให้ความสำคัญกับเป้าหมายในปัจจุบันอย่างคุณภาพชีวิต ความยืดหยุ่น และความสุขมากยิ่งขึ้น

เทรนด์การทำงานในยุคนี้มีเป้าหมายเพื่อเติมเต็มความสุขและคุณภาพชีวิต มีเวลาพักผ่อน และคาดหวังว่าองค์กรจะเป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในอนาคต มากกว่าการทำงานอย่างถวายชีวิตเพื่อองค์กร ในยุคนี้จึงมีเทรนด์การทำงานมากมายที่ทำน้อย ไม่เครียด ไม่กดดันตัวเอง แต่ได้ค่าตอบแทนค่อนข้างดี แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องเป็นงานที่ทำแล้วมีความสุข

ตัวอย่างเช่น Bare Minimum Monday เทรนด์ที่ทำงานน้อยๆ ในวันแรกของสัปดาห์ เพื่อลดอาการเกลียดวันจันทร์ หรือ Coffee Badging เทรนด์ที่คนทำงานเข้าออฟฟิศเพื่อพบปะพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน ดื่มกาแฟด้วยกันสักแก้ว แล้วค่อยกลับไปทำงานต่อที่บ้าน และอีกเทรนด์ที่มาแรงไม่แพ้กันในปีนี้ก็คือ Lazy Girl Job

เทรนด์อาชีพของสาวขี้เกียจหรือ Lazy Girl Job คืองานที่เรียกได้ว่าเป็นความฝันของใครหลายคน โดยเฉพาะกลุ่มเจน Y และเจน Z  ซึ่งก็คืองานที่เราวางตารางในแต่ละวันได้เอง พอมีออกกำลังกายเบาๆ ก่อนเริ่มทำงาน รองท้องด้วยแซนด์วิชทำเองสักสองสามชิ้น นั่งทำงานจากที่ไหนก็ได้ สามารถแต่งห้องทำงานให้มีต้นไม้ มีอากาศบริสุทธิ์ มีแสงแดดส่องถึง และยังชงกาแฟกินเองกี่แก้วก็ได้ตลอดทั้งวัน ไหนจะพอมีเวลาเพื่อออกไปวิ่ง กินข้าวนอกบ้าน หรือสังสรรค์กับเพื่อนหลังเลิกงานได้ด้วย

แต่เทรนด์นี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะ ‘ความขี้เกียจ’ แบบที่เห็นจากชื่อ Lazy Girl อย่างที่เราเข้าใจกัน

เทรนด์จากผู้หญิง ถึงผู้หญิงในโลก TikTok

กระแส Lazy Girl Job เริ่มเป็นที่รู้จักและมีการพูดถึงอย่างแพร่หลายเมื่อ Gabrielle Judge โพสต์คลิปวิดีโอของเธอลง TikTok โดยในวิดีโอพูดถึงงานที่เธอสามารถทำที่ไหนก็ได้ เป็นงานสบายๆ ไม่เครียด และให้ผลตอบแทนค่อนข้างดี

คนทั่วไปอาจจะคิดว่างานแบบนี้ก็มีด้วยหรือ Judge จึงแนะนำว่าเราสามารถเลือกงานหรือตำแหน่งที่เราพอมีพื้นฐาน เลือกตำแหน่งเบาๆ ที่ไม่ต้องใช้ความชำนาญ ไม่ต้องใช้พลังงาน หรือไม่จำเป็นต้องอุทิศวันทั้งวันเพื่องานชิ้นนั้น เช่น ตำแหน่งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีในบริษัทเทคโนโลยีสักแห่ง หรือทำงานฝ่ายดูแลลูกค้าที่บริษัทจัดหามาให้ (Account Manager) โดยเราไม่จำเป็นต้องวิ่งหาลูกค้าเอง

โดย Judge ยังบอกอีกด้วยว่าเธอไม่ต้องการให้คนยุคนี้เห็นงานหรือองค์กรสำคัญกว่าความสุข และชีวิตที่ดี ยิ่งไปกว่านั้นการออกจากบ้านเพื่อเดินทางไปทำงานในแต่ละวันนั้นสร้างความเครียดให้กับเรามากพอๆ กับภาระงานในแต่ละวันเลย และเทรนด์นี้ยังสร้างผลประโยชน์ให้กับพนักงานหญิงด้วย เพราะเมื่อเราไม่จำเป็นต้องเข้าออฟฟิศทุกวัน ไม่มีงานเร่งด่วนแทรก และไม่เครียดก็จะดีต่อพนักงานที่กำลังตั้งครรภ์ หรือพนักงานที่เป็นคุณพ่อคุณแม่ลูกอ่อน ซึ่งต้องเลี้ยงลูกไปด้วย ทำงานไปด้วยได้

ในมุมมองของ Judge เธอมองว่าเวลาและความสุขของเราสำคัญที่สุด และหากเทียบกับสภาวะที่คนทำงานจำนวนมากหมดไฟ (Burn Out) ตั้งแต่อายุยังน้อย ยิ่งเห็นได้ว่า Lazy Girl Job เป็นอีกหนึ่งแนวโน้มที่แสดงนัยสำคัญของโลกการทำงานยุคนี้

และเมื่อรวมกับผลลัพธ์การชมคลิปวิดีโอของ Judge ซึ่งมีมากกว่า 35 ล้านวิวและคอมเมนต์ส่วนใหญ่ที่เป็นไปในทางเดียวกันว่าเป็นเทรนด์หางานที่น่าสนใจ ยิ่งแสดงให้เห็นถึงเป้าหมายการทำงานของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่มเจน Y และเจน Z ซึ่งต้องการงานและชีวิตที่ออกแบบเองได้ และทำงานอย่างมีความสุขมากกว่าการโหมทำงานอย่างตั้งใจเพื่อความก้าวหน้าขององค์กร

ผลสำรวจเผยที่มาของเทรนด์ Lazy Girl Job ไม่ใช่เพราะขี้เกียจ แต่เพราะผู้หญิง Burn Out ง่ายกว่า

สาเหตุของเทรนด์การหางานแบบ Lazy Girl เกิดจากการที่หลายๆ บริษัทเริ่มยกเลิก Remote Working เมื่อพนักงานต้องกลับไปทำงานแบบเดิมที่ต้องเข้าออฟฟิศเป็นประจำทำให้พวกเขาเผชิญกับความเหนื่อยล้าจากการปรับตัว การเดินทาง และการไปทำงานในแต่ละวันก็ต้องมีค่าครองชีพ สุดท้ายเมื่อเหนื่อยเกินกว่าจะทนต่อ พนักงานหลายคนจึงเลือกที่จะลาออกและมองหาองค์กรที่สามารถตอบสนองเป้าหมายแห่งความสุขของพวกเขาได้

อีกสาเหตุหนึ่งก็คือช่วงอายุ ส่วนมากคนที่มองหางานแบบ Lazy Girl จะเป็นเจน Z อายุตั้งแต่ 18-25 ปีและเจน Y บางส่วนที่เผชิญกับความยากลำบากในการหางาน ตั้งแต่การถูกเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรมในช่วงวิกฤติที่ผ่านมา รวมถึงเด็กจบใหม่ที่หางานได้ยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก ทำให้คนกลุ่มนี้เลือกชีวิตส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญกว่าการทำงานให้กับองค์กรอย่างภักดี

และอีกสาเหตุที่มีอิทธิพลกับความนิยมของการหางานแบบ Lazy Girl ก็คือเพศ จากผลสำรวจที่เผยแพร่ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Gallup ได้สำรวจความพึงพอใจในอาชีพตั้งแต่ปี 2022-2023 ของคนทำงานที่อายุเกิน 18 ปีจำนวน 18,000 คนในสหรัฐฯ พบว่า 33% ของผู้หญิงที่ตอบแบบสำรวจรู้สึกเบิร์นเอาต์กับชีวิตและการงาน ในขณะที่อัตราส่วนของผู้ชายที่เบิร์นเอาต์มีเพียง 25% เท่านั้น

ส่วนความคาดหวังในอาชีพพบว่า 69% ของผู้หญิงมองว่า Work-life Balance และคุณภาพชีวิตที่ดีคือเหตุผลหลักในการเลือกสมัครงาน ในขณะที่ผู้ชายที่เห็นด้วยมีเพียง 58% ของผู้ตอบแบบสอบถามเพศชาย นอกจากนี้ผู้หญิงที่มองว่าความมั่นคงทางอาชีพมีผลต่อการเลือกงานยังอยู่ในอัตราส่วน 58% และผู้หญิงที่เลือกงานที่ตัวเองถนัดที่สุดอยู่ในอัตราส่วน 62%

จากผลสำรวจจะเห็นได้ชัดเจนว่าอัตราส่วนของผู้หญิงที่คาดหวังในเรื่องคุณค่าของตัวเองต่อผลงาน ความสุข Work-life Balance คุณภาพชีวิตที่ดีและเวลาส่วนตัวสูงกว่าผู้ชาย เมื่อพวกเธอต้องทำงานในบริษัทที่ไม่ตรงกับความต้องการ เจอกับภาระงานที่กระทบชีวิตส่วนตัว หรือองค์กรที่เพิ่มความเครียด สร้างความกดดันให้กับพวกเธอ จึงทำให้อัตราส่วนของผู้หญิงที่เบิร์นเอาต์ในปีนี้สูงกว่าผู้ชายมาก

Advertisements
Advertisements

Lazy Girl Job รักษาใจพนักงานได้ แต่ส่งผลเสียโดยตรงต่อองค์กร

สิ่งที่จะขับเคลื่อนองค์กรให้เดินหน้าต่อไปได้ก็คือพนักงานที่มีความสามารถ รวมถึงเป็นกาวประสานอย่างความผูกพันที่พนักงานมีต่อองค์กร ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร ความเข้ากันได้กับเพื่อนร่วมงาน ความเป็นทีมเวิร์ก และการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตาม Lazy Girl Job ที่ตอบโจทย์พนักงานหญิงเจน Y และ Z ส่วนใหญ่กลับกลายเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นกับองค์กร ซึ่งหากปล่อยไว้คงเกิดความเสียหายต่อองค์กรอย่างแน่นอน เพราะพนักงานจะขาดความผูกพันต่อองค์กร ไม่รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีมและองค์กร เมื่อพนักงานรู้สึกแบบนี้ก็ยากที่จะสร้างบรรยากาศความเป็นทีมเวิร์กและอาจเกิดปัญหาขึ้นในการสื่อสารกันก็ได้

ยิ่งไปกว่านั้นหากพนักงานรู้สึกไม่ค่อยมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับองค์กรเท่าไรนัก เป็นเหตุให้ประสิทธิภาพการทำงานอาจจะลดลง และส่งผลกับความเครียด กลายเป็นหาจุดสิ้นสุดของการหางานแบบ Lazy Girl ไม่ได้สักที องค์กรจึงต้องประคับประคองให้ความต้องการของพนักงานสอดคล้องไปกับเป้าหมายขององค์กรด้วย เช่น

[ ] ทำให้ Flexible Hour และ Work-life Balance เป็นวัฒนธรรมและค่านิยมหลักขององค์กร
[ ] จ้างงานโดยยึดเอาทักษะและความสามารถของพนักงานเป็นหลัก
[ ] ลงทุนให้กับการพัฒนาทักษะของพนักงาน เช่น คอร์สอบรมทักษะ เพื่อให้พนักงานได้เติบโตและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
[ ] ผลักดันให้พนักงานผู้หญิงมีอิสรภาพในการทำงานมากขึ้น และมีสวัสดิการให้แก่พนักงานหญิง เช่น วันลาคลอด วันลาเลี้ยงดูบุตร หรือวันลาช่วงประจำเดือน เป็นต้น

เรียกได้ว่านี่คือภาพสะท้อนว่าตอนนี้การทำงานในสภาพแวดล้อมที่ดีต่อใจ ดีต่อสุขภาพ และมีเวลาให้เราได้ใช้ชีวิตสำคัญกว่าการทำงานอย่างทุ่มเทความตั้งใจ ไปถึงขั้นอุทิศชีวิต คนยุคใหม่ไม่ได้ยอมแลกความสุขกับความก้าวหน้าทางอาชีพแบบสมัยก่อนอีกต่อไปแล้ว

แม้กระทั่งงานเสริมที่ทำนอกเหนือจากงานประจำของคนยุคนี้ก็ไม่ใช่งานเสริมเพื่อเพิ่มช่องทางสร้างรายได้แบบแต่ก่อน แต่มันคืองานเสริมที่เป็นความชื่นชอบ ช่วยเติมเต็มความสุขและคุณค่าให้ตัวเองได้ในเวลาว่างนั่นเอง

หากองค์กรไหนที่กำลังต้องการแรงงานกลุ่มคนรุ่นใหม่เหล่านี้ อาจต้องหันกลับมาทบทวนคุณค่าขององค์กรอีกรอบแล้วว่าตอนนี้คุณตอบโจทย์ชีวิตของพนักงานได้เพียงพอแล้วหรือไม่

อ้างอิง
– 5 Gen Z workplace trends, from Bare Minimum Mondays to lazy girl jobs, that took off on TikTok in 2023 : Sawdah Bhaimiya, INSIDER – https://bit.ly/3FJykJX
– Women are seeking ‘lazy girl jobs’ because they’re experiencing burnout at higher rates than men, new Gallup survey finds : Sawdah Bhaimiya, INSIDER – https://bit.ly/3QGdiSX
– The lazy girl jobs trend – how to beat it with a positive work culture : TestGorilla – https://bit.ly/46WBLJo

#worklife
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

Advertisements

LASTEST ARTICLES

LASTEST PODCAST

Mission To The Moon
Mission To The Moon
พื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อแบ่งบันเรื่องราวเกี่ยวกับการทำธุรกิจ การตลาด แรงบันดาลใจ และข้อคิดในการใช้ชีวิต

POPULAR ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานและเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบล็อคการใช้งานคุกกี้ได้จากเบราว์เซอร์ที่ใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการใช้งานเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และวัดผลการทำงาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า