Mission to the Moon EP.28: ทำไมเราควรเลิกบ่นคนในออฟฟิศ

8157
รูปภาพจาก Number 24 x Shutterstock.com
มีเวลาไม่เยอะอยากอ่านสั้นๆ
  • เรามักจะบ่นใครบางคนให้เพื่อนคนอื่นๆ ฟัง แทนที่จะพูดหรือบอกกับเจ้าตัว “ตรงๆ” (อย่างมีเหตุผล)
  • วิธีการพูดกับเจ้าตัวตรงๆ ต้องทำอย่างมีสติ ใช้คำพูดให้รอบคอบ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำยากแต่ถ้าทำได้คุณจะเป็นคนที่เติบโตทั้งในหน้าที่การงานและการใช้ชีวิต
  • สิ่งที่ขวางคนส่วนใหญ่ไม่ให้ได้ในสิ่งที่ต้องการมีอยู่ 2 อย่างคือ อีโก้ กับ จุดบอด และสองเรื่องนี้แก้ไขได้ด้วยการเปิดใจรับฟังทุกความคิดเห็น

เลิกบ่นคนที่ออฟฟิศเถอะครับ เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย

การที่เราบ่นคนในออฟฟิศ ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้า ลูกน้อง หรือเพื่อนร่วมงาน มันไม่มีประโยชน์เลยจริงๆ ครับ การบ่นคนในออฟฟิศเป็นปัญหาระดับองค์กรที่ทำให้เกิดการสูญเสียอย่างมากมาย

เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นคือเรามักจะบ่นใครบางคนให้เพื่อนคนอื่นๆ ฟัง และในขณะเดียวกันคนคนนั้นก็อาจบ่นเราให้คนอื่นฟังด้วยเช่นกัน เหตุการณ์เหล่านี้มักเกิดขึ้นในออฟฟิศทุกวัน แต่สิ่งที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นเลยคือ เราไม่ค่อยพูดกับคนที่เราบ่น “ตรงๆ ”

จากการสำรวจพบว่าคนในออฟฟิศใช้เวลา 12.5% ของเวลางานไปกับการบ่นเรื่องหัวหน้าของตัวเอง ที่แย่คือ หลายคนคิดว่าเวลาที่เขาใช้ไปกับการบ่นคนอื่นนับเป็นการทำงานด้วยซ้ำ

สาเหตุที่คนเราชอบบ่นคนอื่นคืออะไร?

คำตอบคือเพราะมันสามารถทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ในทันที กระบวนการที่ทำให้เรารู้สึกอยากบ่นคนอื่น เกิดขึ้นเมื่อมีคนทำให้เรารู้สึกไม่พอใจ เช่น โกรธ กลัว ความรู้สึกนี้จะเป็นพลังงานในร่างกายของเรา และมันส่งผลต่อร่างกายของเราโดยตรงเลย เช่น เราอาจจะรู้สึกหน้าร้อน หัวร้อน มือชา หน้าชา ตัวสั่น เป็นต้น ซึ่งพอเราได้บ่นเรื่องนี้ออกไป อาการเหล่านี้จะค่อยๆ หายไปครับ

แต่ในความเป็นจริงแล้วพลังงานความโกรธนั้นไม่ได้หายไปไหน มันแค่กระจายไปที่อื่น

นอกเหนือจากนั้น เรามักจะไปบ่นให้คนที่เรารู้สึกว่าเขาเห็นดีเห็นงามกับเราด้วย ซึ่งจะทำให้เรายิ่งรู้สึกโล่ง รู้สึกมีพวก ความรู้สึกแย่ๆ ก็จะหายไป และได้ความรู้สึกดีๆ มาแทนที่ แต่ความรู้สึกดีๆ แบบนั้นมันอยู่ได้แค่ชั่วคราว และความรู้สึกดีที่อยู่แค่ชั่วคราวนั้น ดันเป็นความรู้สึกที่สมองเราเสพติดเสียด้วย

ซึ่งความน่ากลัวอยู่ตรงนี้ครับ เพราะนอกจากการบ่นจะเสียเวลาในการทำงานไปเยอะมากแล้ว เรายังมีแนวโน้มที่จะเสพติดมันอีก

จนในที่สุดมันก็จะทำให้เกิดวงจรอุบาทว์ขึ้นครับ คือทุกครั้งที่เรารู้สึกแย่ เราจะบ่นเพื่อให้เรารู้สึกดีขึ้นแบบสั้นๆ แล้วก็กลับมารู้สึกแย่อีก และยิ่งเมื่อทำแบบนี้ไปนานๆ ความรู้สึกดีที่มาชั่วคราวมันจะค่อยๆ หายไป และถ้าเราทำมันบ่อยมากเกินไป ในที่สุดเราจะกลายเป็นคนที่รู้สึกแย่กับตัวเอง

เพราะเวลาที่เราปล่อยพลังงานความไม่พอใจนี้ออกมา เรามักเลือกที่จะปล่อยมันออกไปข้างๆ เสมอ ไม่เคยหรือไม่พยายามที่จะปล่อยมันไปตรงๆ (คุยกับคนที่เราบ่นเขาเพื่อร่วมกันหาทางแก้ปัญหา) คือ เราไม่ยอมเผชิญหน้ากับต้นเหตุที่แท้จริงในการบ่นของเรา ดังนั้นการบ่นไปเรื่อยๆ มันจึงไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรเลย นอกจากนั้นการบ่นยังเป็นการเพิ่มความไม่พอใจในที่ทำงานให้แข็งแรงมากขึ้นไปอีก สร้างความไม่ไว้วางใจกันในหมู่เพื่อนร่วมงาน ที่สำคัญคนที่บ่นมากๆ จะถูกคนรอบตัวมองในด้านลบโดยที่เจ้าตัวอาจจะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ

ทีนี้จะทำอย่างไรดี?

สิ่งที่ควรจะทำคือ เราควรจะพูดกันตรงๆ ครับ และการพูดกับเจ้าตัวตรงๆ ก็ต้องทำอย่างมีสติ ควบคุมอารมณ์ให้ดี และใช้คำพูดให้รอบคอบ แน่นอนมันเป็นเรื่องที่ยากมากแต่คนที่สามารถทำได้ จะเป็นคนที่เติบโตทั้งในหน้าที่การงานและการใช้ชีวิต เราเรียกสิ่งนี้ว่า “ความกล้าหาญทางอารมณ์” ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หลายคนอาจจะยังไม่มี

Advertisements

แต่สิ่งนี้มันฝึกกันได้ครับ และเมื่อคุณทำได้มันจะเปลี่ยนคุณจากคนขี้บ่นให้กลายเป็นผู้นำที่มีไหวพริบสูง ทักษะนี้เป็นที่ต้องการของบริษัทในยุคใหม่อย่างมาก เพราะการที่ผู้คนในองค์กรสามารถให้ feedback กันได้อย่างตรงไปตรงมา จะทำให้คนในองค์กรเกิดการเรียนรู้ แถมยังช่วยลดเรื่องการเมืองภายในบริษัทลงไปได้เยอะ

คนที่สำคัญในวงจรนี้คือคนที่ต้องรับสาร ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนที่อยู่ในระดับหัวหน้า ผู้ใหญ่ทั้งหลายต้องตั้งใจฟังเวลาที่มี Feedback มาจากลูกน้อง และต้องตัดอีโก้ออกไปให้เหลือน้อยที่สุด

พูดง่ายแต่ทำยากนะครับ เหตุผลที่ทำยากก็เพราะเวลาที่มีคนมาพูดตรงๆ กับเรา เราจะรู้สึกเหมือนถูกโจมตี แต่ว่าการลดอีโก้นี้ยิ่งทำได้มากเท่าไรเราก็จะยิ่งโตขึ้นได้มากเท่านั้น

อีโก้ และจุดบอด

มนุษย์เรามีสองอย่างที่ขวางคนส่วนใหญ่ไม่ให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ ซึ่งคนเก่งๆ ก็มักจะพลาดตกม้าตายในสองเรื่องนี้ ก็คือเรื่องอีโก้และจุดบอด (blind spot) นี่เอง

อีโก้เป็นเหมือนกับระบบป้องกันตัวของเราที่ถูกซุกซ่อนอยู่ ทันทีที่เรารู้สึกเหมือนถูกโจมตีที่ข้อผิดพลาดหรือที่จุดอ่อน เราจะโต้ตอบในทันที

ส่วนจุดบอดคือ วิธีคิดส่วนตัวที่ทำให้เรามองไม่เห็นภาพที่แท้จริงของเรื่องที่กำลังตัดสินใจ และมนุษย์ส่วนใหญ่มักจะไม่ให้ค่ากับสิ่งที่เรามองไม่เห็นโดยไม่รู้ตัว

คนส่วนใหญ่ไม่รู้เลยว่าคนอื่นมีวิธีคิดหรือกระบวนการทำงานอย่างไร และเราก็ไม่พยายามจะเข้าใจด้วยซ้ำ แถมยังพยามจะบอกกับอีกฝ่ายหนึ่งเสมอว่าวิธีคิดของเรานั้นถูก และไม่สนใจวิธีคิดของอีกฝ่ายเลย ซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดจุดบอด คนที่เป็นหัวหน้าที่ดีต้องลดทั้งอีโก้ และแก้จุดบอดของตัวเองให้ได้

หนึ่งในวิธีการแก้ก็คือ เริ่มเปิดใจรับฟังทุกความคิดเห็นที่มาจากผู้ใต้บังคับบัญชา ผมเชื่อว่าหัวหน้าส่วนใหญ่ใจกว้างพอจะรับฟังข้อเสียและข้อผิดพลาดของตัวเอง เพราะมันมีแต่ประโยชน์ทั้งนั้นครับ

ทันทีที่คุณรู้สึกอยากจะบ่นอะไรขึ้นมา วิธีการแก้คือให้เปลี่ยนความรู้สึกนั้นมาเป็นความรู้สึกที่อยากจะพัฒนาสิ่งที่สร้างสรรค์แทน แค่นั้นเองครับ เวลาที่อะดรีนาลีนคุณหลั่งเพราะความรู้สึกโกรธ เสียหน้า หรืออะไรก็แล้วแต่ ให้คุณจับความรู้สึกนี้ให้ได้ เราต้องมีสติที่สุดและทำความเข้าใจกรอบของเรื่อง เมื่อไหร่ก็ตามที่มีความรู้สึกคับข้องหรือขุ่นใจกับใครให้อธิบายไปตรงๆ โดยไม่เอาเรื่องอื่นมาผสม แน่นอนว่าการทำแบบนี้มันยากกว่าการบ่นเยอะ แต่มันมีค่าและจะช่วยให้คุณเป็นคนที่มี EQ สูงขึ้น พร้อมที่จะเติบโตในหน้าที่การงาน

เมื่อเปลี่ยนเรื่องนี้ได้ เราจะมีวัฒนธรรมองค์กรที่เจ๋งมากๆ และคนในองค์กรก็จะมีสุขภาพจิตที่ดีด้วย แค่นี้ก็คุ้มแล้วครับ ที่จะเลิกบ่น แล้วก็เผชิญหน้ากับปัญหาตรงๆ

Advertisements

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่