ก่อนหน้านี้คนส่วนใหญ่มีภาพจำเชิงลบกับวิดีโอเกม โดยเฉพาะเกมต่อสู้ และทุกวันนี้ก็ยังมีใครหลายคนมองว่าวิดีโอเกมเป็นสื่อที่ส่งเสริมความรุนแรง ปลูกฝังพฤติกรรมก้าวร้าวและสร้างปัญหาให้กับการปรับตัว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้เล่นที่เป็นเยาวชน
แต่ถึงอย่างนั้น วิดีโอก็ยังได้รับความนิยมอย่างมาก และเป็นกิจกรรมยามว่างที่ครองใจผู้คนมาหลายสิบปีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ปัจจุบันวิดีโอเกมมีความหลากหลาย และมีเรื่องราวที่สร้างสรรค์ อีกทั้งยังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมต่างๆ ทั้งวงการอีสปอร์ต กราฟิกและขยายการลงทุนให้กับประเทศได้ แล้วยังสร้างอาชีพให้กับเกมเมอร์ รวมถึงคนในอุตสาหกรรมจำนวนมากด้วย
นอกจากนี้ งานวิจัยในทศวรรษหลังๆ เริ่มให้ความสำคัญกับผลกระทบเชิงบวกของวิดีโอเกมที่มีผลต่อผู้เล่นทั้งในด้านการรับรู้ อารมณ์ ความรู้สึก และปฏิสัมพันธ์กับผู้คนมากขึ้น ทำให้พบว่าวิดีโอเกมปลูกฝัง ‘ความคิดสร้างสรรค์’ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญที่จำเป็นต่อโลกในศตวรรษที่ 21 ให้กับผู้เล่น โดยเฉพาะผู้เล่นในวัยเด็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ
‘วิดีโอเกม’ กระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถในการปรับตัว และการแก้ไขปัญหา
ยิ่งไปกว่านั้น วิดีโอเกมยังช่วยให้ผู้เล่นวัยเด็กเกิดความคิดสร้างสรรค์ โดยเห็นได้จากผลการวิจัยปี 2012 ของลินดา แจ็กสัน (Linda Jackson) ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาและหัวหน้านักวิจัยในโครงการนี้ แจ็กสันสำรวจเด็กประมาณ 500 คนที่มีอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 12 ปีว่า ระหว่างการเล่มวิดีโอเกมในเวลาว่างกับการเล่นอินเทอร์เน็ต หรือโซเชียลมีเดียในเวลาว่าง
ผลการทดลองพบว่าเด็กที่ใช้เวลาว่างไปกับการเล่นวิดีโอเกมมีความสามารถในการสร้างผลงานต่างๆ เช่น การวาดภาพ หรือการแต่งเรื่องราว พบว่าเด็กที่เล่นเกมบ่อยกว่าจะสามารถวาดรูป และแต่งเรื่องราวได้น่าสนใจมากกว่าเด็กที่ใช้เวลาว่างไปกับการเล่นอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยในปี 2019 ระบุว่าการเล่นเกมไมน์คราฟต์โดยไม่ใช้คำแนะนำเป็นตัวช่วยนั้น ทำให้ความคิดสร้างสรรค์ด้านกราฟิกของผู้เล่นพัฒนาขึ้น รวมถึงช่วยปลูกฝังความคิดแบบยืดหยุ่น ความสามารถในการแก้ปัญหาให้กับผู้เล่นด้วย
ความคิดสร้างสรรค์ ความคิดแบบยืดหยุ่น และความสามารถในการแก้ปัญหา ทั้งสามสิ่งนี้นับว่าเป็นทักษะการทำงานที่จำเป็นอย่างยิ่งในศตวรรษที่ 21 ไม่ว่าจะประกอบอาชีพอะไรอยู่ก็ตาม ผู้ใหญ่หลายคนจึงมุ่งมั่นที่จะสร้างและเพิ่มพูนทักษะเหล่านี้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพื่อเอาชนะสมรภูมิของการทำงานไปให้ได้ แต่มีผู้ใหญ่น้อยคนที่จะยอมรับว่าสื่อบันเทิงประเภทนี้ให้ประโยชน์กับผู้เล่นมากจริงๆ
นอกจากความคิดสร้างสรรค์และทักษะที่สำคัญแล้ว วิดีโอเกมก็ยังคงรักษาความสนุกสนาน และมอบความบันเทิงให้กับผู้เล่นได้ นอกจากนี้ งานวิจัยดังกล่าวยังระบุเพิ่มเติมอีกด้วยว่าเด็กผู้ชายส่วนใหญ่จะชื่นชอบวิดีโอเกมประเภทการต่อสู้ ในขณะที่เด็กผู้หญิงจะนิยมวิดีโอเกมที่ได้โต้ตอบกันมากกว่า ไม่ว่าจะกับผู้เล่นอีกคน หรือระบบของเกมก็ตาม
ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าผู้เล่นจะเป็นเพศอะไร หรือชื่นชอบเกมแบบไหน และการวิจัยทั้งหมดนี้เป็นเพียงการเก็บข้อมูลในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งผลการทดลองอาจไม่มีผลกระทบกับชีวิตประจำวันของผู้เล่น แต่งานวิจัยของแจ็กสันนี้ก็ยืนยันได้ว่าวิดีโอเกมช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ให้กับผู้เล่นได้จริงๆ
วิดีโอเกมสมัยใหม่เป็นมากกว่า ‘ความบันเทิง’
ถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมเกมจะเริ่มขยับขยายและมั่นคงมากยิ่งขึ้น แต่การเล่นเกมเป็นอาชีพก็ยังเป็นเรื่องที่ผู้ปกครองหลายบ้านกังวล อาจจะเป็นเพราะความเข้าใจแบบเก่าๆ ที่ว่าวิดีโอเกมคือสื่อที่กระตุ้นพฤติกรรมรุนแรงที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน อีกทั้งอุตสาหกรรมเกมยังคงมีความเฉพาะกลุ่มอยู่มาก ผู้ใหญ่จึงไม่รู้ว่าการเล่นเกมจะสร้างอาชีพได้อย่างไร
แต่ความจริงแล้ว ‘อุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์’ ซึ่งนับรวมตั้งแต่การผลิต เผยแพร่ จัดจำหน่าย และให้บริการสื่อสารสนเทศในรูปแบบดิจิทัลผ่านอุตสาหกรรมบันเทิง เช่น ภาพยนตร์ การ์ตูน และเกมที่เราเห็นอยู่ในท้องตลาดทุกวันนี้เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมย่อยๆ อีกมากถึง 5 อุตสาหกรรม ประกอบด้วย
[ ] อุตสาหกรรมแอนิเมชัน (Animation Industry)
[ ] อุตสาหกรรมเกม (Game Industry)
[ ] อุตสาหกรรมคาแรคเตอร์ (Character Industry)
[ ] อุตสาหกรรมสื่อการเรียนรู้อิเล็กทรอนิกส์ (E-Learning Industry)
[ ] อุตสาหกรรมกราฟฟิกดีไซน์ (Graphic design Industry)
วิดีโอเกมก็เป็นส่วนหนึ่งของอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่นักธุรกิจต่างๆ กำลังจับตามอง ยิ่งไปกว่านั้น ในบทความจากสำนักข่าว BBC ได้เผยแพร่บทสัมภาษณ์ของเดมิส แฮสซาบิส (Demis Hassabis) ผู้ก่อตั้ง DeepMind บริษัทสตาร์ตอัปเกี่ยวกับการให้บริการด้าน AI สัญชาติอังกฤษว่า ผู้ปกครองควรให้เด็กๆ ได้เล่นวิดีโอเกม เพราะมันเป็นสื่อที่ช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงความสามารถในการแก้ไขปัญหาให้กับเด็กได้ และการเล่นเกมตั้งแต่เด็กทำให้เขาสามารถประสบความสำเร็จได้
แฮสซาบิสเป็นอัจริยะหมากรุกมาตั้งแต่เด็ก เมื่อโตขึ้นและได้ก่อตั้ง DeepMind ด้วยความเชื่อว่าการพัฒนา AI ในวิดีเกมให้คอมพิวเตอร์สามารถโต้ตอบกับผู้เล่นที่เป็นมนุษย์ได้อย่างเป็นธรรมชาติและหลากหลายยิ่งขึ้น เพื่อยกระดับความประทับใจและความสนุกสนานของผู้เล่น ในขณะเดียวกันทั้งแฮสซาบิส DeepMind และ Google ต่างก็พยายามพัฒนา AI ที่ป้องกันผู้เล่นออกจากการสวมรอย การขโมยข้อมูลส่วนตัวของผู้เล่น รวมถึงการปลอมแปลงตัวตนอย่าง Deep Fake ด้วย
วิดีโอเกมสมัยใหม่ผ่านกระบวนการผลิตที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์เป็นวัตถุดิบหลัก จึงทำให้มีความหลากหลาย และเหมาะสมกับเด็กมากขึ้น ถ้าผู้ปกครองเลือกหาวิดีโอเกมที่เหมาะสมกับวัย ก็จะยิ่งสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างเด็กและคนรอบข้างให้ดีขึ้นได้ด้วย นอกจากนี้ วิดีโอเกมก็กำลังส่งต่อแรงกระเพื่อมเล็กๆ แต่ค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ให้กับวงการอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์ และอาจจะเป็นอีกสาขาอาชีพหนึ่งที่ทำให้คนไทยในอุตสาหกรรมนี้มีเส้นทางอาชีพที่มั่นคงได้ในอนาคต
อ้างอิง
– AI innovator Sir Demis Hassabis: Video games can boost creativity in young : BBC – https://bbc.in/43I2mJb
– Video game playing tied to creativity : msutoday – https://bit.ly/3VGQTaV
– Video games and creativity: The mediating role of psychological capital : sciencedirect – https://bit.ly/4axFTRt
#trend
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
