NEWSTrendsเก็บเงินมาหลายปี โดนหลอกคุย 2 นาที ดูดเงินหมดบัญชีได้จริงหรือ?

เก็บเงินมาหลายปี โดนหลอกคุย 2 นาที ดูดเงินหมดบัญชีได้จริงหรือ?

ไขข้อข้องใจ กลโกงของมิจฉาชีพยุคใหม่กับความกังวลใจของประชาชน
เมื่อเงินที่เก็บมาหลายปี โดนหลอกคุยแค่ 2 นาทีกลับโดนดูดไปจนหมดบัญชีได้จริงหรือ?

ในช่วงที่ผ่านมา หลายคนคงจะเคยเห็นข่าวของผู้เสียหายหรือสื่อออนไลน์ที่ออกมาเตือนกลโกงของมิจฉาชีพยุคใหม่ ที่สามารถดูดเงินในบัญชีจนหมดได้เพียงแค่การคุยทางโทรศัพท์เพียง 2 นาทีเท่านั้น โดยที่ไม่ต้องกดลิงก์หรือติดตั้งแอปพลิเคชันใดๆ จนทำให้ผู้ใช้งานในโลกออนไลน์ต่างพากันตื่นตระหนกและสงสัยว่า “แค่การคุยโทรศัพท์ จะทำให้เงินถูกดูดออกจากบัญชีได้จริงหรือไม่”

ซึ่งประเด็นนี้ทางศูนย์ประสานงานด้านความมั่นคงปลอดภัยเทคโนโลยีสารสนเทศภาคการธนาคาร (TB-CERT) ภายใต้สมาคมธนาคารไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็มีการออกคำแถลงการณ์ว่า “มิจฉาชีพไม่สามารถดูดเงินออกไปจากบัญชีของเราได้ เพียงแค่การรับโทรศัพท์ หรือการกดลิงก์เพียงอย่างเดียว” แต่การคุยโทรศัพท์กับมิจฉาชีพก็เป็นการเปิดโอกาสให้มิจฉาชีพหลอกลวง จูงใจ สอบถามข้อมูล รวมถึงนำลักษณะบางอย่างของเรา (Identity) ไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมายได้

คุยกับมิจฉาชีพ เปิดโอกาส “เป็นเหยื่อ” อย่างไรบ้าง?

แม้ว่าในทางเทคนิคแล้ว การคุยโทรศัพท์เพียงอย่างเดียวจะไม่สามารถดูดเงินออกจากบัญชีของเราได้ แต่การคุยกับมิจฉาชีพก็เป็นการเปิดโอกาสในการเป็นเหยื่อและทำให้มิจฉาชีพได้โอกาสในการเอาเปรียบเราได้ อย่างเช่น

[  ] โน้มน้าว จูงใจให้เราโอนเงินให้
[  ] หลอกถามข้อมูลส่วนตัวเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ เช่นการหลอกถามรหัสผ่านเพื่อเข้าถึงบัญชีธนาคารในแอป เป็นต้น
[  ] การจูงใจให้เราติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมที่ถูกเขียนโปรแกรมขึ้นมาโดยมิจฉาชีพ
[  ] การชวนคุยเพื่อนำเอาเสียงของเราไปปลอมแปลงผ่านแอปพลิเคชัน AI แล้วนำไปหลอกลวงคนรู้จักให้โอนเงิน

ซึ่งจุดที่น่าสังเกตคือ มิจฉาชีพจะไม่สามารถเอาเงินออกไปจากการพูดคุยเฉยๆ แต่ต้องมี “การกระทำ” บางอย่างที่เอื้อให้มิจฉาชีพนั้นฉวยโอกาสโจรกรรมเงินหรือข้อมูลของเราไป หากเราไม่อนุญาตด้วยการไม่เปิดเผยข้อมูล ไม่พูดคุยกับมิจฉาชีพ ก็จะเป็นการป้องกันตัวเองได้

Advertisements

ควรป้องกันตัวเองอย่างไร ไม่ให้เงินเก็บหายไปจากมิจฉาชีพ

ยุคนี้เป็นยุคที่มีเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยให้การหลอกลวงและโจรกรรมเป็นเรื่องที่สมจริงมากขึ้น และเทคโนโลยีเหล่านี้ก็มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้มีเทคนิคใหม่ที่หลอกลวงประชาชนได้ โดยที่ตัวเราเองก็ไม่สามารถตามกลเม็ดเหล่านั้นได้ทัน ซึ่งสิ่งที่จะป้องกันตัวเราจากกลโกงของมิจฉาชีพที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็วได้ดีที่สุดก็คือ “การปิดโอกาสของมิจฉาชีพ” ด้วยการไม่รับสาย ไม่พูดคุยกับสายที่สงสัยว่าจะเป็นมิจฉาชีพ

[  ] ค้นหาเบอร์แปลกที่โทรเข้ามา หรืออาจจะเช็กในแอปพลิเคชันระบุหมายเลขที่ไม่รู้จักเช่น whoscall ที่มักจะมีผู้ใช้งานมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเบอร์นั้นๆ
[  ] ทำการปิดกั้นสายที่สงสัยว่าจะเป็นมิจฉาชีพ
[  ] ไม่ติดตั้งแอปพลิเคชันหรือกดลิงก์แปลกที่มิจฉาชีพส่งให้ทางข้อความ
[  ] หากพลาดติดตั้งแอปพลิเคชัน ให้ระวังการสแกนใบหน้าผ่านทางแอปนั้น
[  ] ไม่ตั้งรหัสผ่านในการเข้าสู่ระบบเว็บไซต์หรือแอปต่างๆ ซ้ำกับ Mobile Banking 
[  ] หากมีสายหรือข้อความจากหน่วยงานรัฐมาพูดคุยให้เราเพิ่มบัญชี Line Account เพื่อพูดคุย ควรสังเกตโล่หน้า Line account ที่ควรมีสีเขียวหรือน้ำเงินเข้มเท่านั้น
[  ] หากมีหน่วยงานที่ติดต่อเรามา ควรทำการตรวจสอบด้วยการโทรกลับไปยังเบอร์โทรศัพท์ของหน่วยงานที่ถูกแอบอ้างด้วยตัวเอง
[  ] ที่สำคัญคือ ไม่คุยกับมิจฉาชีพ ไม่ให้ข้อมูล เพื่อลดโอกาสในการถูกจูงใจหรือฉวยโอกาส

ต้องยอมรับว่ามิจฉาชีพในยุคสมัยนี้ก็มีความน่ากังวลที่สามารถนำเอาเทคโนโลยีมาหลอกลวงเราได้ แต่อย่างไรก็ตาม “เงินเราในบัญชีก็เป็นของเราเสมอ” ดังนั้น เราจึงควรเก็บรักษาข้อมูลลับของตัวเองให้ดี ไม่เปิดโอกาสให้มิจฉาชีพมีช่องว่างในการได้รับข้อมูลหรือแม้กระทั่งการอนุญาตด้วยตัวเราเอง และอย่าลืมว่าควรมี “สติ” ในการใช้ชีวิตเสมอ อย่าประมาทและอย่าตื่นตระหนกจนเกินไป ก็เป็นวิธีที่สำคัญที่สุดที่จะทำให้เราอยู่รอดในยุคที่น่ากลัวนี้ได้

อ้างอิง
– เปิดวิธีป้องกันมิจฉาชีพโทรดูดเงิน : Mcot – https://bit.ly/3ImT77G 
– ไม่จริง ! หลอกคุย 2 นาที ดูดเงินหมดบัญชี : ThaiPBS – https://bit.ly/3Ipp1Ap

#trend
#Scammers
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast 

Advertisements
Advertisements

LASTEST ARTICLES

LASTEST PODCAST

Mission To The Moon
Mission To The Moon
พื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อแบ่งบันเรื่องราวเกี่ยวกับการทำธุรกิจ การตลาด แรงบันดาลใจ และข้อคิดในการใช้ชีวิต

POPULAR ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานและเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบล็อคการใช้งานคุกกี้ได้จากเบราว์เซอร์ที่ใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการใช้งานเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และวัดผลการทำงาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า