NEWSTrends“เป็นพ่อก็อยู่บ้าน-เลี้ยงลูกได้” เมื่อเทรนด์การเป็นคุณพ่อยุคใหม่ไม่จำเป็นต้องเป็น “ช้างเท้าหน้า” เสมอไป

“เป็นพ่อก็อยู่บ้าน-เลี้ยงลูกได้” เมื่อเทรนด์การเป็นคุณพ่อยุคใหม่ไม่จำเป็นต้องเป็น “ช้างเท้าหน้า” เสมอไป

หมดยุคของคุณพ่อช้างเท้าหน้า ทำงานหาเงินเป็นเสาหลักของบ้านแล้ว
เพราะมีผลสำรวจออกมาว่าคุณพ่อสมัยนี้จำนวนไม่น้อย ก็หันมาอยู่บ้านเพื่อเลี้ยงลูกมากขึ้น!

เมื่อถึงยุคที่ผู้หญิงมีโอกาสในการทำงานนอกบ้านมากขึ้นและมีเงินเดือนที่สูงขึ้น แนวโน้มของคุณพ่อที่ตัดสินใจลดเวลาทำงานและกลับมาอยู่บ้านเพื่อดูแลลูกก็มีมากขึ้น โดยผลสำรวจล่าสุดจาก Pew Research Center ที่พบว่า คุณพ่อจำนวนมากหันมาอยู่บ้านเพื่อดูแลลูกๆ โดยมีคุณพ่อที่อยู่บ้านเพิ่มขึ้นจาก 4% ในปี 1989 เป็น 7% ในปี 2016 ส่งผลให้เมื่อคิดจากสัดส่วนผู้ปกครองที่อยู่บ้านแล้ว ก็มีสัดส่วนของคุณพ่อถึง 17% ในปี 2016 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 10% ในปี 1989

นอกจากนี้ในกลุ่มคนรุ่นมิลเลนเนียล (อายุ 20 ถึง 35 ปี) ก็พบว่ามีคุณพ่อถึง 6% ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการอยู่บ้านกับลูกๆ เทียบกับกลุ่มคนรุ่น Gen X ที่อยู่บ้านกับลูกๆ เพียง 3% เท่านั้น และที่น่าสนใจขึ้นไปอีกคือ คุณพ่อในศตวรรษที่ 21 หันมาทำงานบ้านมากถึงสัปดาห์ละ 10 ชั่วโมง เทียบกับคุณพ่อในอดีตที่ทำงานบ้านเพียงสัปดาห์ละ 4 ชั่วโมง และมีโอกาสที่ชั่วโมงการทำงานบ้านจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน

อะไรคือสาเหตุของแนวโน้มคุณพ่อทำงานบ้านที่เพิ่มมากขึ้น และทำให้การเป็น “พ่อ” ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ที่การเป็น “เสาหลักของบ้าน” อีกต่อไป?

สภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป บทบาทของ “คุณพ่อ” ก็เปลี่ยนแปลง

ถ้าลองย้อนเวลากลับไปในอดีตสักช่วงก่อนปี 2520 ที่ผ่านมา เราจะพบว่าคุณพ่อของเรามักจะทำหน้าที่เป็นผู้ที่หาเลี้ยงให้กับครอบครัว ส่วนคุณแม่ก็จะอยู่บ้านเลี้ยงลูก หรืออาจจะมีบางบ้านที่คุณแม่ทำงานเพื่อหาเลี้ยงชีพ แต่การทำงานบ้านในสายตาของคนไทยก็ยังเป็นหน้าที่หลักของผู้หญิงที่ต้องดูแลงานในบ้าน เหมือนกับสำนวนสุภาษิตที่แยกไว้อย่างชัดเจนว่า “ผู้ชายเป็นช้างเท้าหน้า ผู้หญิงเป็นช้างเท้าหลัง”

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการเข้ามาของอุตสาหกรรมและการขยายตัวของเมืองไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น ผู้หญิงได้รับการศึกษาและมีทางเลือกของอาชีพมากกว่าเมื่อก่อนส่งผลกระทบให้บทบาทของผู้หญิงในโลกเศรษฐกิจมีมากขึ้น เมื่อผู้หญิงมีอำนาจทางการเงินที่เพิ่มขึ้นทำให้บทบาทของผู้ชายที่ต้องทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวเป็นสิ่งที่จำเป็นน้อยลงและคุณพ่อในปัจจุบันเริ่มมีบทบาทที่แตกต่างจากคุณพ่อในยุคก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัด

Advertisements

ทัศนคติในการเลี้ยงดูเด็กเปลี่ยนไป พ่อมีแนวโน้มในการเลี้ยงดูลูกได้ดีเช่นเดียวกัน

ในอดีต เราจะพบเห็นประโยคที่กล่าวไว้ว่า “แม่ดูแลลูกได้ดีที่สุด” หรือ “แม่มีสายสัมพันธ์ที่ทำให้เข้าใจลูกได้ดีกว่าพ่อ” จึงทำให้บทบาทในการเลี้ยงดูลูกตกเป็นของคุณแม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ตรงกันข้ามกับในยุคนี้ เมื่อสภาพเศรษฐกิจเข้ามาทำให้ผู้ชายเข้ามามีบทบาทในการเลี้ยงลูกมากขึ้น เราจึงเห็นการวิจัยมากมายที่ศึกษาถึงแนวโน้มการเลี้ยงดูลูกของคุณพ่อที่สามารถทำได้ดีไม่แพ้คุณแม่ เช่นการวิจัยจากมหาวิทยาลัยลีดส์ ที่เปิดเผยว่าเด็กๆ ที่คุณพ่อใช้เวลาในการอ่านหนังสือและเล่นกับพวกเขาจะมีความสำเร็จทางการศึกษาเพิ่มขึ้น “เล็กน้อยแต่มีนัยยะสำคัญ”

นอกจากนี้ก็ยังมีการศึกษาที่จัดทำโดยสถาบันสุขภาพเด็กและการพัฒนามนุษย์แห่งชาติ (NICHD) ที่พบว่ามีสาเหตุทางทัศนคติอีกหลายอย่างที่ทำให้คุณพ่อมีแนวโน้มที่จะกลับมาอยู่บ้านเลี้ยงลูกมากขึ้น เช่น

[ ] คุณพ่อในยุคนี้เลือกที่จะโหมงานน้อยลง ต้องการ Work-Family Balance มากขึ้น
[ ] มีการปรับตัวทางจิตวิทยาในทางบวกกว่าเมื่อก่อน เช่น มีความนับถือตนเองในฐานะพ่อมากขึ้น มีความมั่นใจในศักยภาพของตัวเองในการเลี้ยงดูลูกมากขึ้น สามารถรับมือกับภาวะของการเป็นผู้ใหญ่ได้ดี
[ ] คุณแม่มีหน้าที่การงานที่ดีและไม่ต้องการลาออกเพื่อมาดูแลลูก
[ ] คุณแม่มีรายได้ที่เยอะและสามารถดูแลทั้งครอบครัวได้ ก็จะมีการตกลงกันเพื่อให้คุณพ่อทำหน้าที่ภายในบ้านแทน
[ ] นอกจากนี้ การที่ลูกเป็นเด็กผู้ชายก็มีผลให้คุณพ่อกลับมาอยู่บ้านเพื่อดูแลลูกมากขึ้นด้วย

เมื่อสภาพเศรษฐกิจและทัศนคติของยุคสมัยนี้เปลี่ยนไป ผู้หญิงสามารถทำงานนอกบ้านได้ดีและผู้ชายก็สามารถทำงานบ้านได้ไม่แพ้ผู้หญิง การที่ผู้ชายกลับมาอยู่บ้านเลี้ยงลูกก็เป็นอีกบทบาทที่หลายครอบครัวเลือก เพื่อไม่เพียงแต่ช่วยกันแบ่งเบาภาระกันและกัน แต่ยังเป็นวิธีที่ทำให้ครอบครัวสามารถมีรายได้ที่ดีโดยที่ลูกยังคงใกล้ชิดกับผู้ปกครองโดยที่ไม่ต้องหาบุคคลที่สามที่จะช่วยมาดูแลแทน

อย่างไรก็ตาม บทความนี้คงไม่สามารถบอกได้ว่าการเป็นคุณพ่อที่ดีหรือถูกต้องที่สุดนั้นเป็นอย่างไร แต่สิ่งที่อยากฝากก็คือบทบาทหน้าที่ในครอบครัวนั้นไม่มีถูกหรือผิด ตราบใดที่คุณพ่อและคุณแม่มีการพูดคุยตกลงกัน รวมถึงสามารถทำหน้าร่วมกันได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แม้ว่าจะมีอุปสรรคใดๆ เข้ามาบ้างแต่ก็มั่นใจได้ว่าเราจะสามารถเป็นครอบครัวที่มีความสุขได้อย่างแน่นอน

และเราขอเป็นกำลังใจให้คุณพ่อและคุณแม่ทุกคนนะ (:


อ้างอิง
The Changing Role of the Modern Day Father : American Psychological Association – https://bit.ly/47XUp3y
8 facts about American dads : GRETCHEN LIVINGSTON AND KIM PARKER, Pew Research Center – https://pewrsr.ch/47Cc2X5
Fathers have ‘unique effect’ on children’s educational outcomes, study finds : Sally Weale Education correspondent, The Guardian – https://bit.ly/47NAFQo

#trend
#ModernDad
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

Advertisements
Advertisements

LASTEST ARTICLES

LASTEST PODCAST

Mission To The Moon
Mission To The Moon
พื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อแบ่งบันเรื่องราวเกี่ยวกับการทำธุรกิจ การตลาด แรงบันดาลใจ และข้อคิดในการใช้ชีวิต

POPULAR ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานและเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบล็อคการใช้งานคุกกี้ได้จากเบราว์เซอร์ที่ใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการใช้งานเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และวัดผลการทำงาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า