NEWSTrendsไม่กลับบ้านผิดไหม? ข้อมูลชี้ชาวจีนเจน Y เมินค่านิยมเดิม ใช้ตรุษจีนเป็น 'วันพักผ่อนส่วนตัว'

ไม่กลับบ้านผิดไหม? ข้อมูลชี้ชาวจีนเจน Y เมินค่านิยมเดิม ใช้ตรุษจีนเป็น ‘วันพักผ่อนส่วนตัว’

คนไทยเชื้อสายจีนไม่น้อยคงกำลังตั้งหน้าตั้งตารอคอยช่วงตรุษจีนที่กำลังใกล้เข้ามาทุกที เพราะรอเวลาที่จะได้พบเจอญาติๆ ที่หายหน้าหายตากันไปนาน ได้กินข้าวและแลกเปลี่ยนเรื่องราวกันอย่างสนุกสนาน และก็คงรอที่จะได้รับซองอั่งเปาจากญาติผู้ใหญ่ด้วยเช่นกัน

ตรุษจีนก็เป็นอีกหนึ่งเทศกาลใหญ่ที่สำคัญไม่แพ้กับคริสต์มาส เป็นเทศกาลต้อนรับฤดูใบไม้ผลิที่ชาวจีน หรือคนที่มีเชื้อสายจีนต่างก็เก็บกระเป๋าเดินทางไกลเพื่อกลับบ้านเกิด หรือเดินทางท่องเที่ยวเพื่อใช้เวลาร่วมกับครอบครัว โดยในเทศกาลนี้ทำให้เกิดการเดินทางของจำนวนคนมหาศาลที่สร้างสถิติสูงมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลก

และในปี 2024 เองที่โลกค่อยๆ ก้าวข้ามข้อจำกัดจากสถานการณ์โควิด ผู้เชี่ยวชาญหลายคนจึงมองว่าตรุษจีนในปีนี้อาจจะสร้างสถิติใหม่ของการเดินทางโยกย้ายประชากรจำนวนมากสูงกว่าปีก่อนๆ ก็เป็นได้ ยิ่งไปกว่านั้นเราก็กำลังจะได้เห็น ‘ตรุษจีนแบบใหม่’ ที่ฉีกและแตกต่างออกไปจากภาพจำของเทศกาลตรุษจีนที่เราเคยรู้จัก

ชาวจีนที่กำลังก้าวขึ้นมาเป็นประชากรกลุ่มสำคัญในสังคม ครอบคลุมตั้งแต่ประชากรวัยทำงานไปจนถึงประชากรวัยกลางคนเริ่มมีรายได้เพียงพอสำหรับการท่องเที่ยวทางไกล ซึ่งชาว Gen Y ที่เกิดในช่วงตั้งแต่ 1981-1996 ส่วนใหญ่จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย และมีจำนวนไม่น้อยที่เป็นลูกคนเดียวของบ้าน

นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ชาวจีน Gen Y ไม่ได้ถูกเลี้ยงดูมาด้วยค่านิยมแบบเดิมๆ พวกเขาไม่จำเป็นแบ่งปันข้าวของให้กับน้องๆ ไม่จำเป็นต้องรอรับของใช้ต่อจากพี่ๆ และไม่ได้มองว่าช่วงตรุษจีนเป็นเทศกาลครอบครัวเหมือนที่คนรุ่น Baby Boomer หรือรุ่นพ่อแม่และปู่ย่าตายายของเรามอง

ยิ่งไปกว่านั้น มีงานวิจัยซึ่งสำรวจความสัมพันธ์ในครอบครัวของกลุ่มประชากรอายุตั้งแต่ 18-30 ปีที่เกิดหลังช่วง 1990s พบว่าพวกเขาไม่ค่อยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับครอบครัว และติดต่อ รวมถึงเดินทางกลับไปเยี่ยมครอบครัวเป็นบางครั้งบางคราว แล้วแต่โอกาสเท่านั้น

ข้อมูลดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างช่วงวัย เพราะเมื่อเทียบกับรุ่นพ่อรุ่นแม่ หรือคนที่เกิดก่อน 1990s ซึ่งนับว่าเป็นรุ่น Baby Boomer ในปัจจุบันแล้ว ผลสำรวจเผยว่าในช่วงวัย 18-30 ปีที่ผ่านมานั้น พวกเขายังคงมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับครอบครัว และกลับไปเยี่ยมเยียนในช่วงเทศกาลใหญ่อยู่ทุกปี

ความแตกต่างดังกล่าวทำให้ชาวจีน Gen Y มองว่าตรุษจีนเป็นช่วงวันหยุดยาวที่พวกเขาควรจะได้พักผ่อนตามใจตัวเองอย่างแท้จริง และดื่มด่ำกับวันหยุดยาวที่ออกแบบได้เองมากกว่าจะต้องเดินทางเพื่อไปพบเจอกับความวุ่นวายของเหล่าญาติ

แม้ว่าเทคโนโลยีจะทำให้คนติดต่อกันได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากกว่าเดิม แต่เทคโนโลยีก็ไม่ได้เก่งกาจในเรื่องการลบเลือนความเหนื่อยล้าในใจคนได้มากเท่าไรนัก Hu Xiaowu รองศาสตราจารย์ที่ศึกษาประเด็นการกลายเป็นเมืองกล่าวว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ชาวจีน Gen Y เริ่มแยกตัวออกจากครอบครัวแบบดั้งเดิมก็คือ การขยายตัวของเมืองใหญ่ และการเลื่อนชั้นทางสังคม

ยิ่งเมืองขยายตัวมากเท่าไร ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะได้งานทำมากเท่านั้น นั่นทำให้ชาวจีน Gen Y ที่มีเป้าหมายอยากยกระดับชีวิตของตัวเองและครอบครัวต้องมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมือง หลายคนเดินทางออกจากบ้านเกิด เข้ามาหางานทำอยู่หลายปี และต้องเผชิญกับความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในเมืองใหญ่ ความเหนื่อยล้าทั้งทางกายและทางใจ แต่ก็รับมือกับสิ่งเหล่านั้นอย่างอดทนเพื่อเป้าหมายในชีวิตของพวกเขา

อย่างไรก็ตาม รองศาสตราจารย์ Hu ยังกล่าวถึงลักษณะของครอบครัวแบบดั้งเดิมของจีนไว้ด้วยว่า พวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับพื้นที่ส่วนตัว หรือการเคารพการขีดเส้นแบ่งทางความสัมพันธ์ ญาติผู้ใหญ่หลายคนมักตั้งคำถามและคาดหวังกับเรื่องส่วนตัวที่อาจทำให้ลูกหลานไม่สบายใจ เช่น “เมื่อไรจะมีแฟน?” “เมื่อไรจะแต่งงาน?” หรือ “เมื่อไรจะมีลูก?”

คำถามเหล่านี้อาจเป็นการกระทำที่ละลาบละล้วงและจี้จุดความเหนื่อยล้าจากสังคมเมืองของลูกหลาน Gen Y มากกว่าเดิมจนทำให้พวกเขากลับและไม่อยากกลับมาพบเจอกับวันรวมญาติในช่วงตรุษจีนก็ได้

Advertisements
Advertisements

การได้กลับไปพบหน้าค่าตาครอบครัวที่นานๆ จะได้เจอกันทีนับเป็นความสุขของใครหลายคนก็จริง แต่เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ผ่านมา ทำให้หลายบริษัทยังคงต้องแก้ไขปัญหาด้านการเงินด้วยการเลิกจ้างพนักงานอยู่ อีกทั้งการหางานในยุคนี้ก็ยังไม่ใช่เรื่องง่ายอีกด้วย

การเดินทางไกลไม่ใช่ค่าใช้จ่ายเดียวที่เราต้องเผชิญ เพราะวัฒนธรรมในเทศกาลตรุษจีนที่ยึดถือปฏิบัติกันมาอย่างยาวนานนั้นทำให้คนจีนต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ บวกเพิ่มไปด้วย เช่น ค่าอาหารมื้อใหญ่สำหรับสมาชิกทุกคนในครอบครัว ค่าของขวัญตามประเพณีซึ่งเป็นสิ่งที่คนจีนถือกันอย่างเคร่งครัด รวมถึงเงินที่เรายังต้องกินต้องใช้หลังเทศกาลตรุษจีนด้วย

ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มชาวจีนวัยนี้หลายคนยังต้องรับภาระค่าใช้จ่ายของลูกของตัวเองไว้ด้วย เมื่อเทียบระหว่างความสุขจากการได้ใช้เวลากับปู่ย่าตายายและญาติพี่น้องที่ไม่ได้เจอกันนาน กับการสูญเสียสภาพคล่องทางการเงินที่ต้องเจอหลังจากนี้แล้ว นี่ก็อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หลายคนเลือกที่จะพักผ่อนกับกลุ่มเล็กๆ เช่น เพื่อน คนรัก หรือครอบครัวเล็กของตัวเองมากกว่าจะเดินทางกลับบ้านเกิดไปหาครอบครัวใหญ่ในช่วงตรุษจีน

ชาวจีนรุ่นก่อนมักมีค่านิยมเกี่ยวกับครอบครัวแตกต่างกับค่านิยมของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะการแต่งงานสร้างครอบครัว ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่ทำได้ค่อนข้างยากในยุคนี้ แต่พวกเขาก็ยังคงแสดงความเป็นห่วงเป็นใยออกมาอย่างไม่ปิดบัง จนทำให้หนุ่มสาว รวมไปถึง Gen Y ที่ยังครองตัวเป็นโสดรู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่พวกเขาต้องกลับบ้านมาเจอกับความคาดหวังของญาติๆ

ยิ่งไปกว่านั้น เมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยแสงสีเสียง ห้างฯ ร้านและแหล่งบันเทิงมากมายยังทำให้คนวัยหนุ่มสาวและ Gen Y ที่ยังไม่มีพันธะครอบครัวรู้สึกมีความสุขกับช่วงตรุษจีนมากกว่าการเดินทางไกลเพื่อไปอยู่ในบ้านที่มีเสียงเจี๊ยวจ๊าวของญาติพี่น้อง

คนรุ่นใหม่สามารถสนุกสนานกับวันหยุดยาวที่พวกเขาออกแบบเอง โดยการนัดเพื่อนฝูงออกมาสังสรรค์กัน หรือไม่ก็การช็อปปิง การเดินห้าง หรืออาจจะใช้เวลาตรุษจีนไปกับการนอนอยู่บ้านเฉยๆ โดยที่ไม่ต้องออกไปเจอใคร และไม่จำเป็นต้องเผชิญกับความกดดันทางสังคมอีกด้วย

หรือถ้าอยากไปเที่ยวไกลสักหน่อย ชาวจีน Gen Y กลุ่มนี้ก็จะวางแผนทริปท่องเที่ยวที่พวกเขาสามารถเดินทางคนเดียว จองที่พักราคาประหยัดสำหรับหนึ่งคน หรือหากรวมกลุ่มไปกับเพื่อนๆ ก็จะเป็นกลุ่มเล็กๆ เพียง 2-3 คนเท่านั้น

ด้วยจำนวนประชากรขนาดใหญ่ของชาวจีนอาจทำให้ตรุษจีนในทุกๆ ปีเป็นช่วงที่คึกคักและเต็มไปด้วยกลุ่มนักเดินทางและนักท่องเที่ยวที่นิยมมาเที่ยวกับครอบครัวขนาดใหญ่ และแม้ว่าความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอาจทำให้ภาพจำของตรุษจีนจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่ก็ยังเป็นเทศกาลใหญ่ของชาวจีนและประชากรเชื้อสายจีน ซึ่งอยู่กระจัดกระจายกันทั่วทุกมุมโลกอยู่ดี

แม้ว่าเราจะไม่ได้เห็นภาพครอบครัวใหญ่ อากง อาม่า แปะ โกว กู๋ อี๊ หรือญาติพี่น้องคนอื่นๆ รวมตัวกันในช่วงตรุษจีนมากเท่าแต่ก่อนแล้ว แต่เทศกาลใหญ่อย่างนี้ก็ยังเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สื่อถึงการเริ่มต้นใหม่ไม่แพ้วันปีใหม่ของคนไทย และยังมั่นใจได้เลยว่าเทศกาลตรุษจีนในปี 2024 ก็คงสร้างความคึกคักให้กับคนจีน คนไทยเชื้อสายจีน และคนไทยเชื้อสายไทยที่พร้อมสนุกไปกับทุกเทศกาลได้ไม่ต่างจากปีก่อนๆ

อ้างอิง
– The Chinese millennials shunning Lunar New Year travel : Owen Guo, BBC – https://bbc.in/42rC7X5

#trend
#ตรุษจีน
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

Advertisements

LASTEST ARTICLES

LASTEST PODCAST

Mission To The Moon
Mission To The Moon
พื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อแบ่งบันเรื่องราวเกี่ยวกับการทำธุรกิจ การตลาด แรงบันดาลใจ และข้อคิดในการใช้ชีวิต

POPULAR ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานและเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบล็อคการใช้งานคุกกี้ได้จากเบราว์เซอร์ที่ใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการใช้งานเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และวัดผลการทำงาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า