ในปี 2024 นี้เป็นอีกหนึ่งปีที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง และเร็วๆ นี้กำลังจะมีปรากฏการณ์ครั้งสำคัญที่ ‘อาจ’ พลิกประวัติศาสตร์ในสหรัฐอเมริกา เพราะมีศึกชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยมีหนึ่งในแคนดิเดตที่เราคุ้นชื่อกันดีคือ โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน และ โจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต เรียกได้ว่าเป็นเหมือนศึกล้างตาของสองคนนี้เลยก็ว่าได้
โดยหาก โจ ไบเดน ชนะผลการเลือกตั้งไปอีกหนึ่งสมัย เขาก็จะขึ้นชื่อว่าเป็นคนแรกที่ได้รับเลือกเป็นแม่ทัพสหรัฐฯ ในวัย 80 ปี ซึ่งสิ่งนี้กำลังสร้างความกังวลในหมู่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งบางส่วน
ความกังวลของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และความเห็นจากฝั่งผู้เชี่ยวชาญ
ดร. เดนนิส เซลโค ศาสตราจารย์จาก Harvard Medical School กล่าวว่า มีหลายคนมากที่ยังทำงานอยู่แม้จะอายุ 80 ปี ซึ่งในปัจจุบันนี้การทำงานตอนอายุเยอะกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาของสังคมมากขึ้นแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น จากข้อมูลของ Pew Research Center พบว่า คนทำงานที่อายุ 75 ปีขึ้นไปเป็นกลุ่มวัยที่เติบโตเร็วที่สุดในตลาดแรงงาน โดยเพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่านับตั้งแต่ปี 1964
ในขณะเดียวกัน หาก ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ เป็นผู้ชนะศึกเลือกตั้งในครั้งนี้ เมื่อถึงจุดนั้นเขาก็จะมีอายุ 78 ปี และกลายเป็นประธานาธิบดีคนที่สองของสหรัฐฯ ที่ดำรงตำแหน่งในช่วงอายุ 80 ปี
ด้าน “โจเอล เครเมอร์” ผู้อำนวยการฝั่งประสาทวิทยาจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซานฟรานซิสโก กล่าวว่า มนุษย์มีอายุยืนยาวขึ้น และเราจะได้เห็นคนมีชื่อเสียงวัย 80-90 ปีกันมากขึ้น
อย่างไรก็ดี ณ ขณะนี้ โจ ไบเดน ก็ขึ้นชื่อว่าเป็นประธานาธิบดีที่อายุเยอะสุดในประวัติศาสตร์แล้ว ซึ่งประชาชนหลายคนก็เริ่มตั้งข้อกังขากับอายุของเขา
โดยจากการสำรวจของ NBC News พบว่า 62% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งชี้ว่า ความกังวลหลักๆ ณ ตอนนี้เลยคือ กลัวว่าสุขภาพกายและใจของ โจ ไบเดน จะไม่พร้อมต่อการเป็นประธานาธิบดีในสมัยที่สอง นอกจากนี้การสำรวจของ New York Times/Siena College ยังชี้ว่า คนที่โหวตให้ โจ ไบเดน ในปี 2020 ตอนนี้มองว่า โจ ไบเดน อายุมากเกินกว่าจะเป็นประธานาธิบดีแล้ว
แค่เรียกชื่อผิดก็โดนตั้งข้อกังขา?
เมื่อไม่นานมานี้ โจ ไบเดน ถูกโจมตีอันเนื่องมาจากรายงานผลสอบสวนคดีจัดการเอกสารลับผิดพลาดหลังจากพ้นตำแหน่งรองประธานาธิบดีเมื่อปี 2017 โดยผู้ดูแลคดีในครั้งนี้คือ โรเบิร์ต เฮอร์ ต้องเล่าย้อนกลับไปก่อนว่า ก่อนหน้านี้ โจ ไบเดน ถูกสอบสวนข้อหาครอบครองเอกสารลับ แต่ล่าสุด โรเบิร์ต เฮอร์ ได้เขียนรายงานผลการสอบสวน โดยระบุว่าจะไม่ดำเนินคดีอาญากับ โจ ไบเดน อีกทั้งยังระบุอีกว่า ชายสูงวัยผู้นี้มีเจตนาดี แต่ความจำไม่ดี
หลังจากนั้น โจ ไบเดน จึงออกมาปกป้องตัวเองว่า ยังคงมีความจำที่ดีอยู่ แต่ในขณะเดียวกันเขากลับเผลอเรียกประธานาธิบดี ‘อียิปต์’ ว่าเป็นประธานาธิบดี ‘เม็กซิโก’ ขณะหารือเกี่ยวกับสงครามอิสราเอล-กาซา หลายคนจึงยังคงกังวลเกี่ยวกับเรื่องอายุของเขาต่อไป
แต่ จอห์น วอลช์ รองศาสตราจารย์ฝั่งพฤฒาวิทยาแห่งมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย ได้ชี้ว่า การพูดผิดเป็นครั้งคราวนั้นไม่ได้บ่งชี้ถึงความสามารถของผู้สูงอายุแต่อย่างใด
อีกทั้งยังอธิบายต่อว่า ความฉลาดที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด (Fluid Intelligence) จะช้าลงตามอายุ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าการตอบสนองของเราจะไม่เร็วเท่าตอนเด็กๆ หรือบางครั้งเราก็อาจจะต้องใช้เวลาในการจำชื่อและวันสำคัญๆ มากขึ้น แต่ความรู้นั้นก็ไม่ได้หายไปไหน ซึ่งเราสามารถเรียกสิ่งนี้ได้ว่า Benign Forgetfulness เป็นการหลงลืมที่ไม่ได้ร้ายแรง เช่น การลืมชื่อคน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติที่พบเจอได้ในผู้สูงอายุ
ด้าน ดร. เดนนิส เซลโค ชี้ว่า สิ่งที่คนสูงอายุจดจำได้ยากที่สุดคือ “ชื่อคน” แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าฟังก์ชันการรับรู้ด้านอื่นๆ ของเขาจะไม่ค่อยดี นอกจากนี้แล้วคนที่ทำงานที่มีเนื้องานค่อนข้างเครียดและสะเทือนอารมณ์สูงยังมักจะลืมรายละเอียดบางอย่างได้ง่ายด้วย เช่นเดียวกับ โจ ไบเดน ที่ถูกสัมภาษณ์ทันทีหลังเหตุการณ์ที่อิสราเอลถูกโจมตีในวันที่ 7 ตุลาคม
จอห์น วอลช์ กล่าวว่า บางครั้ง ‘การเหยียดอายุ’ หรือการเลือกปฏิบัติจากอายุ ก็อาจทำให้ผู้คนโฟกัสไปที่การกระทำที่ผิดแปลกไปของ โจ ไบเดน มากเกินไป ซึ่งจากงานวิจัยโดย AARP พบว่า คนทำงานสูงวัยเกือบ 80% ถูกเลือกปฏิบัติในที่ทำงานเพียงเพราะอายุมาก
‘อายุเยอะ ประสิทธิภาพลด’ จริงหรือ?
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว คำถามสำคัญที่ตามมาคือ เราควรกังวลกับเรื่องอายุแค่ไหน คนอายุเยอะประสิทธิภาพในการทำงานถดถอยจริงหรือ?
ล่าสุด โจเอล เครเมอร์ กล่าวว่า หลายคนยังคงมีความสามารถทั้งทางกายและใจที่ดีแม้จะอายุ 80-90 ปีแล้วก็ตาม หลายคนยังคงทำงานอยู่ แต่สิ่งที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ คนทำงานอายุ 80 ปีหลายคนทำงานได้ดีกว่าคนอายุ 50 ปีเสียอีก
ด้าน ฟิลลิป เทย์เลอร์ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยวอร์ริกชี้ว่า อายุกับประสิทธิภาพการทำงาน ส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยเกี่ยวข้องกันเท่าไร หนำซ้ำยังมีหลายเรื่องที่คนทำงานอายุมากมีผลงานดีกว่าคนทำงานอายุน้อย อีกทั้งยังมีแนวโน้มที่จะเข้างานตรงเวลามากกว่าด้วย
แม้แต่งานวิจัยบางชิ้นยังแสดงให้เห็นว่า ศัพท์แสงในหัวของเราจะเพิ่มขึ้นตามอายุ และความคิดสร้างสรรค์ก็ไม่ได้ลดลง ซึ่งเราอาจเห็นได้จากศิลปินบางคนที่ยังคงสร้างสรรค์ผลงานได้อยู่ตลอดแม้จะอายุมากแล้วก็ตาม อย่างเช่น อเล็กซ์ คาทซ์ จิตรกรที่ยังคงทำงานแม้อายุ 90 ปี หรือ โทนี มอร์ริสัน นักเขียนนวนิยายที่ตีพิมพ์เรื่องสุดท้ายในวัย 84 ปี
เพราะ Crystallized Intelligence หรือความฉลาดที่เกิดขึ้นจากการเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์นั้นเติบโตขึ้นตลอด ณ ช่วงเวลาที่เรามีชีวิตอยู่ และด้วยความรอบรู้และประสบการณ์ที่มี คนอายุเยอะจึงอาจหาวิธีแก้ปัญหา และสร้างกลยุทธ์ต่างๆ ได้สำเร็จและรวดเร็วกว่าคนอายุน้อย
รวมถึงคนอายุมากยังมีความฉลาดทางอารมณ์ที่มากขึ้น จึงอาจกล่าวได้ว่ามีโอกาสที่พวกเขาจะหัวเสียกับเหตุการณ์ต่างๆ น้อยลงอีกด้วย เพราะมีประสบการณ์กับเรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆ มาอย่างยาวนาน
ในท้ายที่สุดนี้ ฟิลลิป เทย์เลอร์ ยังชี้ว่าการเหยียดอายุไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับคนอายุเยอะเท่านั้น แต่เกิดขึ้นกับคนอายุน้อยด้วยเช่นกัน เขาจึงแนะนำว่าถ้าต้องตัดสินใจว่าจะจ้างใครทำงาน อย่าตัดสินด้วยการพิจารณาจากเพียงแค่ ‘อายุ’
อ้างอิง
– As Biden faces questions about his age, researchers weigh in on working in your 80s : Annie Nova, CNBC – https://bit.ly/3PAkpeE
#trend
#worklife
#joebiden
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
