SOCIETYวิธีดูแล “ภูมิคุ้มกัน” ในวันที่ต้องอยู่ร่วมกับโควิด-19

วิธีดูแล “ภูมิคุ้มกัน” ในวันที่ต้องอยู่ร่วมกับโควิด-19

สถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนว่า โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนจะระบาดหนักอย่างต่อเนื่อง จนยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งไทยและต่างประเทศพุ่งขึ้นไม่หยุด แต่อย่างไรก็ตาม การดำเนินชีวิตของเราทุกคนก็ไม่อาจหยุดลงเช่นกัน นั่นจึงทำให้เราตระหนักว่า ไม่ช้าก็เร็วเราก็ต้องอยู่กับโรคนี้ให้ได้

กระทรวงสาธารณสุขของไทยเองก็ได้วางแนวทางการรับมือในปีนี้ไว้ โดยจะทำให้ โควิด-19 กลายเป็นโรคประจำถิ่นเพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงความปกติมากที่สุด

โดยสิ่งที่สาธารณสุขตั้งเป้าหมายไว้คือ จะต้องทำให้เชื้อโควิด-19 อ่อนแรงลง ไม่ทำให้คนติดเชื้อป่วยหนักจนเสียชีวิต, ทุกคนจะต้องมีภูมิคุ้มกัน โดยการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็ม 3 และ 4 รวมถึงการจัดการสิ่งแวดล้อม และความเสี่ยงให้มีระบบและยารองรับ 

ในเมื่อเรายังไม่สามารถจัดการให้เชื้อโรคหายไปได้แน่ๆ และการอยู่อย่างหวาดกลัวก็จะยิ่งทำให้วิถีชีวิตของเราหยุดชะงัก แล้วเราจะทำอย่างไร?

Advertisements


คำตอบคงไม่มีอะไรดีไปกว่า “การดูแลตัวเอง”

ในฐานะประชาชนแล้ว สิ่งที่เราได้ทำมาก็ยังคงต้องทำต่อไปอย่างเข้มข้น นั่นก็คือการดูแลตัวเองอย่างการไปรับวัคซีนให้ครบ 2 เข็ม รวมถึงติดตามข่าวการรับเข็มบูสเตอร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และต้องไม่ลืมว่า วัคซีนทุกยี่ห้อไม่ได้กันติด แต่สามารถกันอาการหนักได้ 

เพราะฉะนั้นถึงจะฉีดวัคซีนแล้วก็ยังต้องปฏิบัติตามแนวทางการป้องกันตัวเอง อย่างการสวมหน้ากากอนามัย โดยเลือกเป็นแบบมาตรฐานทางการแพทย์ชนิดสามชั้น เพื่อป้องกันเชื้อโอมิครอน รวมถึงการล้างมือบ่อยๆ และพยายามไม่รวมกลุ่มกับคนจำนวนมากในพื้นที่ที่อากาศไม่ถ่ายเท 

นอกเหนือจากข้อควรปฏิบัติพื้นฐานแล้ว การดูแลเรื่องภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงอยู่เสมอก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงจะช่วยให้เราเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่างๆ น้อยลง หรือถ้าได้รับเชื้อก็จะมีอาการไม่รุนแรง


การสร้างภูมิคุ้มกันเพื่อการอยู่ร่วมกันกับโควิด-19

ในช่วงนี้ถ้าติดตามข่าวเกี่ยวกับงานวิจัยด้านการแพทย์ เราเคยเห็นข่าวตัวยาตัวหนึ่งที่นักวิจัยพบว่า ช่วยกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกัน นั่นคือตัวยาที่ชื่อว่า Acetylcysteine หรือ ชื่อที่หลายๆ คนรู้จัก N-acetylcysteine ในชื่อย่อคือ “N.A.C” โดยงานวิจัยที่ตีพิมพ์ก็คือ “N-acetylcysteine to Combat COVID-19:An Evidence Review” ของ Therapeutics and Clinical Risk Management  และ “Attenuation of influenza-like symptomatology and improvement of cell-mediated immunity with long-term N-acetylcysteine treatment” 

แต่เดิมเราจะคุ้นเคยกับ Acetylcysteine ในรูปแบบยาเม็ดฟู่ที่ใช้เป็นยาละลายเสมหะ และต้านพิษต่อตับจากยาพาราเซตามอล นอกจากนี้ยังพบว่า เมื่อทานเข้าไปแล้วร่างกายมีการนำมาใช้เป็นสารตั้งต้นในการสร้างกลูต้าไธโอน ซึ่งเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนท์ ให้ร่างกายช่วยต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้เป็นปกติ

ต่อมาได้มีการวิจัยศึกษาจากหลากหลายสถาบัน พบว่า Acetylcysteine ยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบที่ปอด และเสริมภูมิคุ้มกัน เช่น งานวิจัยในมนุษย์พบว่า Acetylcysteine ทำให้การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันดีขึ้น ช่วยดีทอกซ์ตับและปอดด้วย

และในช่วงที่โควิดระบาดหนักๆ นี้เอง นักวิจัยได้เลือกใช้ ยาต้นแบบของ Acetylcysteine ที่มีชื่อทางการค้าว่า Fluimucil ร่วมในการรักษาผู้ป่วยโควิด ซึ่งได้ผลที่น่าสนใจอย่างมาก

โดยเมื่อปีที่แล้ว วารสาร Russian “Pulmonology” ได้มีการตีพิมพ์ผลการศึกษาการใช้ Acetylcysteine ในการรักษาภาวะปอดอักเสบในผู้ป่วยโควิด ที่มีอาการปอดอักเสบในระดับปานกลาง โดยมีการแบ่งผู้ป่วยทั้งหมดแบบสุ่มเป็น 2 กลุ่ม

  • กลุ่มแรกได้รับการรักษาตามมาตรฐานสำหรับโรคโควิด 

    กลุ่มที่ 2 ได้รับ Acetylcysteine เพิ่มเติม 1,200 – 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน ร่วมกับการรักษาตามมาตรฐานสำหรับโรคโควิด 
  • จากการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยที่ได้รับยา Acetylcysteine ควบคู่กับการรักษามาตรฐาน มีระดับออกซิเจนในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ

และการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ก็พบว่า เปอร์เซ็นต์ที่ปอดถูกทำลาย ลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ แถมระดับโปรตีน CRP ที่บ่งบอกถึงการอักเสบ รวมถึงระยะเวลาการรักษาตัวในโรงพยาบาล ก็ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับกลุ่มไม่ได้ยา Acetylcysteine ร่วมด้วย

จากผลการศึกษาสามารถแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของ Acetylcysteine ในการช่วยรักษาผู้ป่วยโควิด ที่มีภาวะปอดอักเสบร่วมด้วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความเป็นไปได้ที่จะช่วยลดความรุนแรงของโรคได้อีกด้วย

โดยจากการศึกษาพบว่ายา Acetylcysteine ใช้ได้อย่างปลอดภัยในระยะยาวและสามารถใช้ได้ทั้งในเด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว  โดยผ่านการรับรองจาก FDA ของสหรัฐอเมริกามาเป็นเวลานานหลายปี รวมถึงผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในประเทศไทยด้วย อย่างไรก็ตาม ยาทุกชนิดควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนการเลือกใช้

 

ประโยชน์ของ Acetylcysteine ในการป้องกันและรักษาอาการจากโควิด-19 สามารถสรุปเป็น 3 ข้อด้วยกัน คือ

Advertisements

1. ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย เพราะ Acetylcysteine ทำให้การทำงานของเม็ดเลือดขาวดีขึ้น 

2. ช่วยลดการเพิ่มจำนวนของไวรัส โดยมีการศึกษาในหลอดทดลองพบว่ายา Acetylcysteine สามารถลดการแบ่งตัวของไวรัสได้  

3. ลดความรุนแรงของภาวะปอดอักเสบ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของปอด  เนื่องจาก Acetylcysteine มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และยับยั้งการสร้างสารสื่ออักเสบ  ลดการเกิดกระบวนการอักเสบในปอด ทำให้ปอดทำงานได้ดีขึ้น 


รู้หรือไม่…ยาที่ขายอยู่ทั่วไป แม้ตัวยาหลักเดียวกัน แต่ไม่เหมือนกัน!

ยาที่ขายกันในทุกวันนี้ แม้จะมีตัวยาหลักเดียวกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่ โดยแบ่งเป็น 2 ประเภทด้วยกัน ประเภทแรกคือยา Original หรือยาต้นแบบ เป็นยาที่บริษัทยาคิดค้นและทำการวิจัยว่ายามีประสิทธิภาพในการรักษาโรคและมีความปลอดภัย จึงนำออกมาจำหน่าย โดยมีกำหนดระยะเวลาที่มีสิทธิบัตรคุ้มครอง เมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าวแล้ว บริษัทอื่นก็สามารถนำสูตรเคมีของตัวยาสำคัญไปทำก็อปปี้มาขายได้ 

ทำให้มียาอีกประเภทหนึ่งคือ ยา Generic หรือ ยาเลียนแบบ เป็นยาที่บริษัทอื่นๆ นำสูตรทางเคมีของตัวยาสำคัญของบริษัทยาต้นแบบไปผลิตเอง เช่นเดียวกับยาละลายเสมหะ Acetylcysteine ที่มีหลายยี่ห้อซึ่งวางขายในร้านขายยาทั่วไป

 

แล้วยา Original กับยา Generic แตกต่างกันอย่างไร?


สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างยาทั้ง 2 ประเภทก็คือ มาตรฐานกระบวนการผลิตที่แตกต่างกัน วัตถุดิบหรือสารสำคัญที่เป็นสูตรเฉพาะของแต่ละบริษัทก็อาจมาจากคนละแหล่งผลิต รวมถึงรูปแบบและคุณภาพของบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ก็อาจแตกต่างกันด้วย 

สำหรับ Acetylcysteine นั้นเป็นยาที่มีความไวต่ออากาศและความชื้นมาก เมื่อสัมผัสอากาศจะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันทำให้ประสิทธิภาพและคุณภาพของยาลดลง ถ้าจะให้ดีที่สุดควรใช้แพ็กเกจแยกแบบเม็ดต่อเม็ด เพื่อไม่ให้ยาเม็ดอื่นมีการสัมผัสกับอากาศหลังการเปิด

และความแตกต่างของยา Original กับยา Generic ข้อสุดท้ายที่สำคัญมากก็คือ งานวิจัย ที่มักมีแค่แบรนด์ Original เท่านั้น ที่ทำการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ยืนยันถึงประสิทธิภาพของยาได้ดีที่สุด 

บทสรุป

ในวันที่โควิด-19 จะยังคงระบาดหนัก สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดก็คือการเตรียมพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อจะอยู่กับโรคนี้ไปโดยไม่ประมาท แต่ก็ไม่ควรตื่นตระหนกจนเกินไป เพราะในขณะเดียวกัน วงการแพทย์ก็กำลังพัฒนาและวิจัยแนวทางการป้องกันและรักษาให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อย่างเช่นผลการวิจัยของ Acetylcysteine ก็ทำให้เรารู้ว่า ยาละลายเสมหะที่เราคุ้นเคย นั้นมีฤทธิ์ในการเสริมภูมิคุ้มกัน และการรักษาอาการจากโควิดด้วย นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในวันที่เราต้องดูแลตัวเองให้ดี และอยู่กับการแพร่ระบาดนี้ไปด้วยกัน


อ้างอิง: 
– Z. Shi, C.A Puyo (2020).’N-Acetylcysteine to Combat COVID-19: An Evidence Review ‘,Dove Press journal: Therapeutics and Clinical Risk Management, 16, pp.1047-1055.
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7649937

– Gaynitdinova, V., Avdeev, S., Merzhoeva, Z., et al. 2021. N-acetylcysteine as a part of complex treatment of moderate COVID-associated pneumonia. PULMONOLOGIYA, 31(1), pp.21-29. https://erj.ersjournals.com/content/58/suppl_65/PA3669

– S. De Flora et al. N-acetylcysteine and influenza. Eur Respir J 1997; 10: 1535-1541. https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/9230243/

#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#society

Advertisements

LASTEST ARTICLES

LASTEST PODCAST

Manlika Klinprayong
Manlika Klinprayong
I write, therefore I am. เราเขียน เราจึงมีอยู่

POPULAR ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานและเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบล็อคการใช้งานคุกกี้ได้จากเบราว์เซอร์ที่ใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการใช้งานเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และวัดผลการทำงาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า