- คำว่า “ใช้บ๋อย” ในกีฬาสนุกเกอร์ หมายถึงการยิงลูกหนึ่งให้ไปชนอีกลูกลงหลุม ซึ่งกลยุทธ์การต่อสู้ในทางธุรกิจก็มีแบบนี้เช่นกัน
- มูฮัมหมัด อาลี เป็นนักมวยที่ใช้กลยุทธ์ทำนายล่วงหน้าว่าเขาจะน็อคเอาท์คู่ต่อสู้ในยกที่เท่าไร ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้คู่ชกรู้สึกยำเกรง แต่ยังข่มขวัญคู่ชกในยกถัดๆไปด้วย
- บริษัทผลิตหนังสังเคราะห์เกรดพรีเมียมชื่อัลกันตารา ทำโฆษณาในนิตยสารรถหรูให้เป้าหมายชื่นชอบก่อน เพื่อที่บริษัทรถหรูจะได้หันมาใช้หนังสังเคราะห์ของบริษัทตัวเองในที่สุด
- ร้านเพนกวินชาบูตั้งชื่อร้านว่าเพนกวินเพราะคิดว่าผู้หญิงน่าจะชอบแน่ๆ และจะนำมาซึ่งการไลค์และแชร์เพื่อให้เพจของเขาดังขึ้น
กีฬาสนุกเกอร์จะมีคำหนึ่งที่ใช้กันบ่อยๆ คือคำว่า “ใช้บ๋อย” ครับ หมายถึง การยิงลูกหนึ่งให้ไปชนอีกลูก (หรือหลายลูก) เพื่อให้ลูกเป้าหมายนั้นลงหลุมในที่สุด พูดอีกอย่างคือ ไม่สามารถแทงลูกลงหลุมด้วยจังหวะเดียวได้ ต้องอาศัยมากกว่าสองจังหวะขึ้นไป
ที่ผมยกเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะอยากบอกว่าในทางกลยุทธ์การต่อสู้ หรือในทางธุรกิจ เทคนิคแบบใช้บ๋อย ก็มีเหมือนกันครับ
อย่างคนหนึ่งที่นำเทคนิคนี้มาใช้ คือเคสเซียส เคลย์ (Cassius Clay) หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่า มูฮัมหมัด อาลี (Muhammad Ali)
คือนอกจากบุคลิกชอบคุยโวยียวนแล้ว หนึ่งในตำนานที่มาคู่กับอาลีก็คือ การที่เขาออกมาประกาศหรือทำนายล่วงหน้าก่อนการชกว่า เขาจะน็อคเอาท์คู่ต่อสู้ในยกที่เท่าไร ซึ่งภายหลัง อาลีก็ให้สัมภาษณ์ว่า จริงๆคู่ชกของเขา บางคนก็สามารถชกน็อกได้ตั้งแต่ยกแรกๆ แต่ที่ต้องยอมปล่อยให้ถึงยกที่ทำนายไว้ ก็เพราะอยากเพิ่มความน่ายำเกรงให้ตัวเขาเอง ไว้ข่มขวัญคู่ชกคนถัดๆ ไป
ดังนั้น เวลาที่อาลีขึ้นชก เขาไม่ได้ชกแค่คู่ชกคนนั้นคนเดียวครับ แต่ยังชกหมัดล่วงหน้าไปถึงนักชกคนอื่นไปแล้วอีกด้วย
หรือถ้าในทางการตลาด บางครั้งก็อาจต้องใช้บ๋อยด้วยเหมือนกัน
การใช้บ๋อยในตลาดรถหรู
อย่างช่วงหนึ่งบริษัทผลิตหนังสังเคราะห์เกรดพรีเมียมชื่ออัลกันตารา (Alcantara) พยายามจะโน้มน้าวให้บริษัทรถยนต์หรูหันมาใช้เบาะหนังสังเคราะห์ที่ตัวเองคิดค้นขึ้นมา แต่อยู่ๆ การจะทำให้บริษัทรถหรูเปลี่ยนนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ทางอัลกันตาราเลยต้องใช้บ๋อยครับ โดยเขาหันไปทำโฆษณาในนิตยสารรถหรูเพื่อให้ลูกค้าเป้าหมายได้รู้จักและชื่นชอบหนังของอัลกันตาราก่อน จากนั้นก็เกิดโมเมนตัม เพราะเมื่อลูกค้ารถยนต์ชอบอัลกันตาราสุดท้ายบริษัทรถหรูก็ต้องหันมาใช้หนังสังเคราะห์ของอัลกันตาราในที่สุด อย่างที่เราเห็นว่าในปัจจุบันอัลกันตาราจะอยู่ในซูเปอร์คาร์หลายยี่ห้อ
การใช้บ๋อยสำหรับร้านชาบู
ส่วนอีกเคสหนึ่งที่ผมชอบคือ ร้านชาบูชื่อ เพนกวินกินชาบู (Penguin Eat Shabu) ครั้งหนึ่งผมฟังสัมภาษณ์เจ้าของร้านชาบูแห่งนี้ เขาเล่าให้ฟังว่าเหตุผลที่ตั้งชื่อว่าเพนกวิน เพราะคิดว่าเพนกวินเป็นสัตว์ที่น่ารัก ไม่ว่าจะเป็นตัวเพนกวินจริงๆ หรือการ์ตูนรูปเพนกวิน ซึ่งเขาเดาว่ากลุ่มผู้หญิงน่าจะชอบแน่ๆ ส่วนคำถามว่าทำไมต้องเป็นผู้หญิง ก็เพราะเขาทราบมาว่า พฤติกรรมการเล่นเฟซบุ๊กของผู้หญิงจะชอบไลค์ชอบแชร์มากกว่าผู้ชาย ถ้าทำให้ผู้หญิงชอบได้ ก็มีแนวโน้มที่ผู้หญิงจะช่วยแชร์หรือทำให้แฟนเพจของเค้าดังมากขึ้น ว่าง่ายๆ คือ แทนที่จะสื่อสารไปยังกลุ่มเป้าหมายทั้งชายและหญิงโดยตรง เค้าก็เลือกเจาะเฉพาะกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงเพื่อหวังให้ผู้หญิงช่วยกระจายข่าวให้อีกที
ใช้บ๋อยในการจีบสาว
และมาถึงเรื่องสุดท้าย กลยุทธ์การใช้บ๋อยกับการจีบสาวครับ
เคยได้ยินไหมครับว่า “ถ้าอยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือ” คนหนึ่งที่จีบสาวโดยไม่ได้จีบสาวตรงๆ แต่จีบคนอื่นแทนก็คือ วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) ครับ บัฟเฟตต์นั้นแม้จะขึ้นชื่อเรื่องความเฉลียวฉลาดเรื่องตัวเลขและการลงทุน แต่ถ้าเรื่องจีบสาวแล้ว บัฟเฟตต์นับเป็นคนหนึ่งที่เห่ยสุดๆ เขาทั้งขี้อาย พูดไม่เก่ง จีบใครไม่เป็น แถมไม่ค่อยมีเสน่ห์
แต่สุดท้ายแล้วพ่อหนุ่มบัฟเฟตต์ก็จีบแฟนสาวได้สำเร็จ ทั้งที่ผู้หญิงคนนี้กำลังชอบพอกับหนุ่มอีกคนหนึ่งอยู่ สิ่งที่บัฟเฟตต์ทำคือ เขาเข้าไปจีบพ่อของเธอแทน เพราะบัฟเฟตต์พูดกับผู้หญิงไม่ค่อยคล่อง แต่ถ้าเป็นพ่อเธอแล้ว เขากล้าคุย เขาก็เลยใช้วิธีไปคุยเล่นและเล่นอูคูเลเล่ให้พ่อเธอฟังเป็นประจำ จนกระทั่งพ่อของเธอชอบหนุ่มคนนี้ และอยากยกลูกสาวให้ (สมัยนั้นพ่อแม่ยังมีบทบาทในการเลือกคู่ให้ลูกอยู่) ในที่สุด วอร์เรน บัฟเฟตต์ก็เลยได้แต่งงานกับสาวที่เค้าหลงรัก โดยที่เขาแทบไม่ได้จีบเธอเลย
และทั้งหมดนี้ก็เป็นมุมมองหนึ่งเกี่ยวกับการวางกลยุทธ์แบบอ้อมๆ คือบางทีสำหรับปัญหาหรือเป้าหมายบางอย่าง การแก้โจทย์แบบตรงๆ ก็อาจใช้ไม่ได้ ก็คล้ายๆ กับสนุกเกอร์ครับ ถึงจะมีลูกอื่นบังอยู่ แต่เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ อาจต้องอาศัยการยิงหลายจังหวะเข้ามาช่วย คิดแบบนี้แล้ว ถ้าใครรู้สึกว่าเหมือนหาทางออกไม่เจอ ลองคิดแบบ “ใช้บ๋อย” ดู บางทีคุณอาจคิดอะไรออกก็เป็นได้นะครับ