- Google จัดงานเปิดตัวสมาร์ทโฟนใหม่ พร้อมกับเปิดตัว หูฟัง เอียร์บัด (Earbuds) โดยสามารถแปลภาษาได้มากถึง 40 ภาษาแบบแปลสดได้เลยทีเดียว
- ในไม่เกิน 5 ปี เราอาจจะได้เห็นผู้คนต่างภาษาพูดคุยกันได้มากขึ้น เพราะกำแพงความรู้เรื่องภาษาที่ถูกลงลด
ตอนผมดูหนังเรื่อง เดอะ เมทริกซ์ (The Matrix) มีอยู่ตอนหนึ่งที่ผมชอบมากครับ และคิดว่าถ้าความเป็นจริงมีอะไรแบบนี้คงจะดี ตอนที่ว่าคือฉากที่นีโอ (คีอานู รีฟส์) ต้องเตรียมตัวฝึกวิชาต่อสู้ ก่อนเข้าไปสู่กับตัวร้ายในโลกแมทริกซ์หรือโลกที่จำลองขึ้นมา
และเพื่อที่จะให้นีโอมีทักษะต่อสู้ พวกเขาก็เลยอัปโหลดทักษะกังฟูใส่หัวของนีโอ พออัปโหลดเสร็จ นีโอก็ลืมตาขึ้นมา พร้อมกับพูดว่า “I know Kung Fu” (ผมรู้จักกังฟู) จากนั้นนีโอก็เป็นกังฟูขั้นเทพแบบทันตาเห็น ซึ่งฉากนี้เป็นฉากที่คนเรียกกันว่า “Fast learning” (การเรียนรู้แบบรวดเร็ว) เพราะมันเร็วมากจริงๆครับ อัปโหลดทักษะเพียงไม่กี่นาที จากสิ่งที่ต้องฝึกฝนกันเป็นสิบๆปี ก็สามารถเป็นเซียนได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที
บอกตามตรงว่าตอนที่ผมเห็นฉากนี้ ผมนี่นึกตลกทันทีว่า ถ้ามีแบบนี้คงไม่ต้องเรียนอะไรมันแล้ว เพราะแค่อัปโหลดวิชาใส่หัวก็เป็นอันจบครับ ฮ่าๆ เหมาะกับคนขี้เกียจเรียนสุดๆ
ส่วนเหตุผลที่ผมเล่าเรื่องนี้ขึ้นมา ก็เพราะว่าเวลาเราดูหนังหรือดูการ์ตูนอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องในอนาคต ผมว่าคงมีหลายคนที่ฝันอยากให้มีสิ่งประดิษฐ์ในเรื่องเกิดขึ้นมาจริงๆบ้างสักวัน
อย่างล่าสุด ทางกูเกิ้ล (Google) จัดงานเปิดตัวสมาร์ทโฟนใหม่คือ Pixel 2 พร้อมกับเปิดตัวหูฟังที่ชื่อว่า เอียร์บัด (Earbuds) ซึ่งถ้าเป็นคนที่โตมารุ่นใกล้ๆผมต้องนึกถึงโดเราเอมอนขึ้นมาทันทีแน่นอน เพราะมันคือสิ่งประดิษฐ์ที่ใกล้เคียงกับ “วุ้นแปลภาษา” ของวิเศษชิ้นที่เป็นของวิเศษที่น่าจดจำ (iconic item) ชิ้นหนึ่งที่พวกเราที่อ่านโดราเอมอนจำกันได้ทุกคน
เพียงแต่อันนี้ไม่ได้เคี้ยวเข้าไป แต่ใส่หูฟังแทน
เจ้าเอียร์บัดเป็นนวัตกรรมหูฟังที่กูเกิ้ลทำขึ้นมาชนกับแอร์พอด (Airpod) ของทางแอปเปิ้ล แต่ถ้าพูดถึงฟังก์ชันการใช้งานแล้วนั้น เอียร์บัดถือว่าล้ำหน้ากว่าครับ เพราะมันไม่ใช่แค่หูฟังเท่านั้น แต่มันยังเป็นอุปกรณ์ที่ไว้ให้เราคุยกับผู้ช่วยของเรา ซึ่งก็คือ Google Assistant หรือถ้าเทียบกับของแอปเปิ้ลก็คือสิริ (siri) นั่นเอง
โดยเอียร์บัดเป็นอุปกรณ์เชื่อมกับ Google Assistant ที่จะคอยฟังเรา เช่น ถ้าเราอยากรู้อะไร อยากเสิร์ชหาอะไร หรืออยากสั่งให้สมาร์ทโฟนทำอะไร เราก็แค่พูดใส่เอียร์บัด มันก็จะประมวลเสียงเป็นคำสั่งและให้โปรแกรมมือถือเราทำงานตามนั้น
และสิ่งที่พิเศษยิ่งไปกว่านั้นคือ เอียร์บัดสามารถแปลภาษาได้อีกด้วย โดยสามารถแปลได้มากถึง 40 ภาษา ส่วนวิธีการก็คือ ถ้ามีคนพูดภาษาหนึ่งมา เราก็เอามือถือฟังเสียง จากนั้นโปรแกรมก็จะแปลใส่หูฟังให้เราเข้าใจความหมายในทันที ในทางกลับกัน เวลาที่เราอยากจะตอบกลับ เราก็แค่กดนิ้วไปที่เอียร์บัด บอกเอียร์บัดว่าช่วยแปลเป็นภาษาน้ีให้เราหน่อย จากนั้นก็พูดสิ่งที่เราต้องการจะสื่อสาร มือถือก็จะแปลเป็นภาษานั้นและพูดออกมาทางลำโพงให้อีกฝ่ายได้ยินครับ โดยทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาที หรือเรียกว่าแปลสดได้เลย
ซึ่งนวัตกรรมนี้ ตั้งราคาอยู่ประมาณ 5 พันกว่าบาท (แต่ต้องใช้คู่กับมือถือของกูเกิ้ล) พอเห็นแบบนี้ ผมก็รู้สึกตื่นเต้นตามไปด้วยว่า วุ้นแปลภาษาของโดราเอม่อนดูท่าจะเป็นจริงเข้าไปเรื่อยๆแล้วนะเนี่ย ต่อไปไม่เกิน 5 ปี ผมคิดว่าเราอาจมีโอกาสมากที่จะได้เห็นผู้คนต่างชาติต่างภาษา พูดคุยกันอย่างเมามันออกรสออกชาติแน่นอนครับ เพราะกำแพงความรู้เรื่องภาษานั้นน้อยลงไปเรื่อยๆ
อีกเรื่องที่น่าคิดคือ ถ้าเป็นแบบนี้จริง แล้วทุกคนมีเจ้าอุปกรณ์นี้อยู่กับตัว ความสามารถทางภาษาที่สองสามซึ่งเคยเป็นพื้นฐานที่สำคัญมากๆที่พ่อแม่พยายามปลูกฝังให้ลูกจะยังจำเป็นอยู่หรือเปล่า? การทุ่มทุนส่งลูกเรียนแพงๆ เพื่อให้ได้ “ภาษา” ยังจำเป็นอยู่ไหม? โรงเรียนที่เน้นคุณค่าเรื่องภาษาจะโดนอุปกรณ์นี้มาแทรกแซงหรือเปล่า? (เรื่องคุณค่าอื่นๆของโรงเรียนแพงๆ อย่างโรงเรียนอินเตอร์เช่น คอนเนคชั่นของเพื่อนอะไรพวกนี้ แน่นอนยังไม่มีอะไรแทนได้ แต่ตอนนี้ผมขอโฟกัสประเด็นเรื่องภาษาก่อนนะครับ)
เทคโนโลยีพวกนี้เราเห็นมาเยอะแล้วว่าเวลามันออกมา ให้เวลามันล้มลุกคลุกคลานแป๊บหนึ่ง ถ้ามันเป็นสิ่งที่มนุษยชาติต้องการ มันจะถูกพัฒนาแบบเร็วมากๆ และมันจะเข้ามามีบทบาทในวิถีชีวิตของเราอย่างแน่นอน
ผมเชื่อว่าเอียร์บัดนี้จะเป็นต้นแบบของอะไรที่ตื่นเต้นมากๆ ที่จะมาในอนาคตอันใกล้นี้แน่ๆครับ เพราะภาษาคือเรื่องที่ใกล้ตัวเราที่สุด
และถ้ามันถูกรบกวนแล้วละก็ มันส์แน่นอนครับ