“ใครจะไปดีเท่าคนเก่าของเธอ!”
“แหม เคยมาที่นี่กับใครเหรอ?”
“ทำไมเธอไม่ทำกับเราเหมือนที่ทำกับแฟนเก่าบ้าง”
นี่คงเป็นประโยคสุดฮิตของคู่รักหลายๆ คู่ ที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอาการ “หึงหวงแฟนเก่า”
แน่นอนว่า “ความรัก” และ “ความหึงหวง” นั้นเป็นเหมือนเส้นขนานที่วิ่งคู่กันมาเสมอ ไม่ว่าจะเป็นสามี-ภรรยา แฟน หรือแค่คนคุยก็ตามก็สามารถกระตุ้นอาการหึงหวงของทุกคนออกมาได้ทั้งนั้น เพียงแต่ว่าเราจะสามารถควบคุมตัวเองไม่ให้แสดงอาการหึงหวงออกมาได้มากน้อยขนาดไหน
เราจะพบอาการหึงหวงได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะหวงแฟนกับคนอื่น หวงกับเพื่อน หวงแค่เพียงอยู่ใกล้เพศตรงข้าม แต่จะมีอาการหึงหวงอีกรูปแบบหนึ่งที่กำลังสร้างความทุกข์ทรมานใจให้กับผู้หึง และผู้ถูกหึงอย่างไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร โดยความรู้สึกนี้ เป็นอาการรู้สึกหึงหวงคนรักของเราใน “อดีต” ที่เรียกว่า ‘ความหึงหวงย้อนหลัง’ หรือ ‘Retroactive Jealousy’
ทำไมคนเราถึงมีอาการหึง “อดีต” ของแฟน
จริงๆ แล้วคนเรานั้นย่อมเกิดอาการหึงหวงกันบ้างเล็กน้อยเป็นธรรมดา แต่สำหรับคนที่แสดงอาการหึงหวงในอดีตของคนรักแบบ Retroactive Jealosuy นั้น อาจมีต้นตอมาจากประสบการณ์เลวร้ายในอดีตที่เขาเคยเจอมากับตัวเอง เขาอาจเคยโดนนอกใจในลักษณะนี้มาก่อนหลายครั้ง มีความมั่นใจในตัวเองต่ำ (Low Self-Esteem) และกำลังรู้สึกไม่มั่นใจกับความสัมพันธ์ที่ตัวเองอยู่ ณ ตอนนี้
ซึ่งอาการหึงหวงย้อนหลังนี้ ดูเผินๆ ก็คงจะเป็นเหมือนกับอาการหึงหวงทั่วๆ ไป ที่สามารถสลายหายไปได้เอง ด้วยการคุยกันดีๆ แต่ว่า Retroactive Jealousy มันฝังรากลึกยิ่งกว่านั้น
Zachary Stocktill ผู้เขียนหนังสือ Overcoming Retroactive Jealousy บอกว่า อาการหึงหวงย้อนหลังนี้ เรียกได้ว่าเป็นอาการที่เข้าขั้น ‘หมกมุ่น’ เลยก็ว่าได้ โดยผู้นั้นแสดงอาการไม่พอใจเป็นอย่างมาก เมื่อมีแรงกระตุ้นให้ตัวเองนึกถึงอดีตที่ผ่านมาของคนรักของตนจนเกิดอาการหึงอย่างรุนแรง โดยสามารถหึงได้ตั้งแต่เรื่องเล็กไปจนเรื่องใหญ่ เช่น คู่นอนเก่า แฟนเก่า ไปจนถึงเพื่อนสมัยแบเบาะที่เคยเดินจับมือกันไปซื้อขนม
ภายในจิตใจของผู้ที่มีอาการหึงย้อนหลังแบบนี้จะเริ่มเต็มไปด้วยอารมณ์แง่ลบมากมาย พวกเขาทั้งโกรธ อิจฉา กังวล และหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน ภายในสมองเต็มไปด้วยคำถาม “ทำไมเขาถึงทำแบบนั้น?” “ทำไมเธอไม่ทำกับเราเหมือนที่ทำกับแฟนเก่าบ้าง” หรือ “เขาไม่รักเราเท่าคนก่อนใช่ไหม” ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณที่คล้ายคลึงกับอาการของคนที่ป่วยเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD) อีกด้วย ซึ่งในบางกรณีควรไปพบแพทย์เพื่อรักษา
เว็บไซต์ Ballard Psychiatry บอกว่าคนที่มีอาการหึงหวงย้อนหลังจนถึงขั้นที่เรียกว่า Retroactive Jealousy OCD เช่นนี้ จะเริ่มแสดงพฤติกรรมที่ Toxic ต่อความสัมพันธ์ออกมาให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง พวกเขาจะเริ่มแอบเช็กโทรศัพท์คู่รักของตัวเอง แอบสะกดรอยตามคู่รักไปที่ต่างๆ ไปจนถึงหาเรื่องทะเลาะอย่างไม่มีเหตุผล เป็นการทำลายความสัมพันธ์ของตนเองไปอย่างช้าๆ โดยที่เจ้าตัวอาจจะรู้ หรือไม่รู้ตัวเลยก็ได้
เลิกส่อง เลิกสืบ เลิกขุด
การเอาชนะความหึงหวงย้อนหลังนั้นเป็นเรื่องที่ยาก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ หากใครที่กำลังคิดว่าตัวเองมีอาการ Retroactive Jealousy ในความสัมพันธ์ของตัวเองอยู่ในตอนนี้ ให้ลองปรับความคิดตามนี้ดูได้นะ
1. ยอมรับว่าเรามีปัญหา
ขั้นตอนแรกในการเอาชนะความหึงหวงแบบนี้คือยอมรับว่าเรามีปัญหา การยอมรับว่าความคิดและพฤติกรรมของเราไม่ดีต่อทั้งสุขภาพจิตและความสัมพันธ์ของเรา การยอมรับว่าเรามีปัญหานับว่าเป็นสัญญาณที่ดี เพราะมันแปลว่าเราไม่อยากทำลายความสัมพันธ์นี้และอยากที่จะรักษามันต่อไป
2. เอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าเป็นเราโดนบ้างจะรู้สึกอย่างไร
ลองคิดถึงใจของคนรักเราดูว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรกับพฤติกรรมของเรา การทำความเข้าใจว่าเรากำลังปล่อยความ Toxic ออกไปอย่างไร และในทางกลับกัน ถ้าเป็นเราเองล่ะ ที่เป็นฝ่ายโดนสอดแนม โดนหึงหวงอยู่ตลอดเวลา เราจะรู้สึกอย่างไร มันคงไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีแน่ๆ เพราะฉะนั้นลองเอาใจเขามาใส่ใจเราดู
3. เลิกขุด เลิกส่อง เลิกสืบ
นี่อาจจะเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุดสำหรับใครบางคนก็ได้ เพราะต้นเหตุของความรู้สึกหึงหวงย้อนหลังแบบนี้นั้นมักจะถูกกระตุ้นจากการที่เราเองนี่แหละ ที่คอยไปแอบส่อง แอบดู แอบสืบเรื่องราวในอดีตของคู่รักของเรา เพราะฉะนั้นการหยุดพฤติกรรมเหล่านี้ไปซะจะทำมอบความสงบให้กับตัวเราได้ดีขึ้น
4. คุยกับคนรักของเรา
ปัจจัยสำคัญของทุกๆ ความสัมพันธ์นั้นคือ “การสื่อสาร” ถ้าเกิดเราไม่สบายใจอะไรก็ให้พูดกับคนรักของเราออกไปตรงๆ เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย การสื่อสารความรู้สึกกันออกไปตรงๆ ย่อมเป็นเรื่องที่ดีกว่าแสดงออกแบบเกรี้ยวกราดฉาบน้ำตาล ทั้งคู่จะได้ไม่ต้องมาคอยนั่งเดาใจกันและกันให้เหนื่อยตลอดเวลา
ท้ายที่สุดแล้ว หลายคนอาจมีข้อโต้แย้งว่าอาการหึงหวงนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงออกทางความรัก แต่การหึงหวงที่มากเกินไป โดยเฉพาะกับเรื่องในอดีตที่ไม่มีใครสามารถย้อนกลับไปแก้ไขอะไรได้แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเราเกิดไม่สบายใจอะไรก็ให้พูดกับคนรักของเราออกไปตรงๆ เพราะว่าอาการหึงหวงที่เรากำลังแสดงออกไปอยู่นั้น อาจกำลังทำร้ายคนที่เรารักและความสัมพันธ์อย่างไม่รู้ตัวก็เป็นได้
ที่มา
https://bit.ly/3IYFJWH
https://bit.ly/3aUBnTY
https://bit.ly/3zkJm6j
https://bit.ly/3aUBz5E
https://bit.ly/3v18e0j
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#psychology