หลังจากที่เมื่อวานนี้ (22 มีนาคม 2022) เกิดเหตุเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ของสายการบิน ‘ไชน่า อีสเทิร์น’ ตกในลักษณะดิ่งลงในเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้น เป็นเหตุทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือถึง 132 คน เสียชีวิตยกลำ โดยเหตุเครื่องบินตกในครั้งนี้ ถือเป็นโศกนาฏกรรมทางการบินครั้งสำคัญ ด้วยลักษณะการตกของเครื่องบินนั้นผิดแปลกไปจากปกติ จึงทำให้เจ้าหน้าที่เร่งหาสาเหตุ และตามหาผู้ที่รอดชีวิตอย่างเร็วที่สุด
ภายหลังเหตุการณ์เครื่องบินตกในครั้งนี้ ทำให้บรรดาสายการบินต่างๆ เริ่มมีมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น โดยยกระดับให้เครื่องบินโบอิ้ง 737 อยู่ใน “ภาวะเฝ้าระวัง” โดย Arun Kumar หัวหน้าคณะกรรมการสถาบันการบินพลเรือนแห่งอินเดีย ได้ออกมาเผยว่า ความปลอดภัยในการเดินทางถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการเดินทางทางอากาศ เราจะนำเหตุการณ์นี้เป็นบทเรียน และจะติดตามเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ทางการอินเดียยังระบุอีกว่า ในระหว่างนี้ เราจะมุ่งเน้นไปที่การสำรวจเครื่องบินโบอิ้งของตน และเพิ่มการ “เฝ้าระวัง” ฝูงบิน โบอิ้ง 737 ของสายการบินอย่าง Spice Jet, Vistara และ Air India Express มากยิ่งขึ้น
ขณะที่องค์การความปลอดภัยด้านการบินแห่งสหภาพยุโรป (EASA) ระบุว่าตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลว่าจะมีการดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัยใดๆ เพิ่มเติมกับเครื่องบิน โบอิ้ง 737-800 ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแล จากเหตุการณ์เครื่องบินตกในประเทศจีนในครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ด้าน David Calhoun ประธานบริษัท Boeing ให้ความเห็นว่า บริษัทได้ติดต่อกับลูกค้าและมีหน่วยงานที่กำกับดูแลตั้งแต่เกิดเหตุเครื่องบินตกขึ้นในประเทศจีน และบริษัทยังได้มีการสนับสนุนเครื่องมือทางเทคโนโลยี เพื่อช่วยเหลือต่อการดำเนินการสืบสวนแก่สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศจีนด้วย
นับเป็นครั้งที่ 2 แล้วที่มีเหตุการณ์เครื่องบินโบอิ้งตกลง ซึ่งสร้างความตกใจ และความกังวลให้แก่บรรดาบริษัทสายการบิน และเหล่านักเดินทางอย่างเรา ทำให้เกิดคำถามเรื่อง ‘ความปลอดภัย’ ในการเดินทางโดยใช้เครื่องบิน และจากการรายงานของ BBC พบว่าหุ้นของบริษัทโบอิ้ง ในนิวยอร์ก ตกลงมากถึง 3.5% ขณะที่หุ้นของบริษัทสายการบิน ‘ไชน่า อีสเทิร์น’ ร่วงลงมากกว่า 6% ในทันที
แปลและเรียบเรียงจาก:
https://bbc.in/3IB6i2i
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#worldnews