‘เพื่อน’ เป็นบุคคลสำคัญของชีวิตเราทุกคน เพราะเพื่อนเป็นส่วนสำคัญที่คอยเติมเต็มความสุขให้กับชีวิตเรา หากขาดเพื่อนไปชีวิตก็คงจะขาดสีสันและเต็มไปด้วยความน่าเบื่อ แต่ก็ใช่ว่าเพื่อนทุกคนจะสร้างความสุขให้กับเราได้เสมอไป โดยเฉพาะเพื่อนที่ท็อกซิก (Toxic)
เชื่อว่าไม่ใครก็ใครคงจะเคยเจอเพื่อนสุดแสนจะท็อกซิกกันมาบ้าง เพราะชีวิตเราต้องเจอผู้คนมากหน้าหลายตาตั้งแต่สมัยประถมยันมหาวิทยาลัย หรือแม้กระทั่งตอนทำงาน
อย่างล่าสุดก็มีตัวอย่างให้เราเห็นกัน กับแฮชแท็ก #กันสมาย ที่ติดเทรนด์ขึ้นมาบน X (Twitter) เมื่อไม่กี่วันก่อน โดยเรื่องเกิดขึ้นจากคุณกันสมายได้ออกมาเล่าเรื่องราวว่ามีเพื่อนคนหนึ่งในวงการใช้คำพูดที่เรียกได้ว่าไม่เกรงใจและไม่ให้เกียรติกันเท่าไร ซึ่งชาวเน็ตหลายคนก็เห็นพ้องต้องกันว่าเป็นการกระทำที่ค่อนข้างท็อกซิก เราไม่ควรพูดกับใครเช่นนี้แม้ว่าจะสนิทกันแค่ไหนก็ตาม
จะเห็นได้ว่า หลายครั้งความท็อกซิกนั้นมาจาก “คำพูด” ซึ่งแน่นอนว่ามันสามารถทิ้งรอยแผลไว้ในใจเราได้ ยิ่งเจอบ่อยแผลก็ยิ่งเหวอะหวะ ดังนั้นเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงแผลใจเหล่านี้ ทางที่ดีที่สุดเราควรปลีกตัวเองออกมาจากเหล่าคนท็อกซิก
คำถามคือ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าใครคือคนที่เราควรเลี่ยง เพื่อนแบบไหนคือเพื่อนที่ท็อกซิกกันแน่? Marisa G. Franco นักจิตวิทยาชี้ว่า วิธีหนึ่งที่เราสามารถสังเกตเพื่อนจอมท็อกซิกได้ก็คือ “คำพูด” ดังต่อไปนี้
1. “แกอ่อนไหวเกินไปเปล่า” : หากเพื่อนคนไหนมาพูดเช่นนี้ใส่เรา ก็หมายความว่าความรู้สึกของเราไม่ได้สำคัญต่อเขาเลย ในทางกลับกัน เขากลับมองว่าเราเป็นคนผิดที่รู้สึกแบบนี้ ทั้งๆ ที่เขาเป็นตัวต้นเรื่อง คำพูดนี้แสดงให้เห็นว่าเพื่อนของเราค่อนข้างที่จะขาดความเห็นอกเห็นใจ
2. “ฉันก็แค่พูดเล่นเอง แกจะคิดมากทำไม” : ถ้าเพื่อนพูดอะไรไม่เข้าหูเรา แล้วเราให้ฟีดแบ็กกลับไป เพื่อนที่ดีจะพยายามปรับตัวและขอโทษเรา เพราะไม่อยากให้เราไม่สบายใจ แต่เพื่อนที่ท็อกซิกจะตอกกลับมาว่า “แค่พูดเล่นเอง” “เล่นนิดเล่นหน่อยไม่ได้เลยเหรอ” “จะคิดมากทำไม” หรืออะไรทำนองนี้ เพื่อป้องกันตัวเองและหลีกเลี่ยงการรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง
3. “แกโชคดีแค่ไหนแล้วที่มีฉันเป็นเพื่อนน่ะ” : มิตรภาพที่ดีจะดำรงอยู่อย่างเท่าเทียม เราทั้งคู่คู่ควรและสมควรจะเป็นเพื่อนกันทั้งสองฝ่าย เราและเขาจะไม่มองว่าใครดีกว่ากัน แต่ถ้าเมื่อไรก็ตามที่เราได้ยินเพื่อนดูถูกหรือมองเราด้อยกว่า ก็อาจกล่าวได้ว่าความสัมพันธ์นี้ไม่มีความบาลานซ์ เพราะอีกฝ่ายไม่เห็นค่าเรา
4. “ฉันคิดถึงแกคนเดิมว่ะ” : เพื่อนที่ดีควรสนับสนุนให้เราเป็นตัวของตัวเอง อีกทั้งยังควรส่งเสริมให้เราเติบโตและเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น แต่ถ้าเพื่อนรู้สึกไม่สบายอกไม่สบายใจหรือไม่พอใจเมื่อเราเปลี่ยนตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น นี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณของเพื่อนจอมท็อกซิก
5. “แกติดหนี้ฉันอยู่นะ รู้ตัวหรือเปล่า” : ไม่ว่าจะความสัมพันธ์ไหนก็ตาม การแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกันถือเป็นสิ่งสำคัญ แต่ถ้าเพื่อนของเราคาดหวังให้เราตอบแทนคืนทุกครั้งที่เสนออะไรบางอย่างให้ ก็อาจหมายความว่าเพื่อนมองว่าความสัมพันธ์นี้เป็นเพียงความสัมพันธ์ทางธุรกรรม กล่าวคือเป็นความสัมพันธ์ที่เน้นผลประโยชน์ จะต้องมีข้อตกลงหรือข้อแลกเปลี่ยนตลอด ไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่คบกันอย่างบริสุทธิ์ใจ
6. “ฉันสงสัยมากเลยว่าทำไมแกถึงได้เลื่อนตำแหน่ง” : เพื่อนที่ท็อกซิกจะคอยดูหมิ่นความสำเร็จของเราเสมอหรือบางครั้งก็อาจพยายามทำตัวเหนือกว่า เรียกได้ว่าชอบตัดความมั่นใจและความสุขของเรา ในทางกลับกัน เพื่อนที่ดีจะคอยยินดีกับทุกความสำเร็จของเรา
7. “ฉันขอโทษนะที่ทำให้แกรู้สึกแบบนั้น” : เมื่อใครสักคนกระทำการใดๆ ให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดี แน่นอนว่าการไกล่เกลี่ยกันคือสิ่งที่ต้องทำหากอยากให้ความสัมพันธ์นั้นไปต่อ โดยหัวใจสำคัญอย่างหนึ่งของการไกล่เกลี่ยคือมีเพื่อให้ฝ่ายที่ทำผิดตระหนักถึงสิ่งที่ตัวเองทำ แต่ถ้าผู้ที่ทำผิดมาบอกแค่ว่าขอโทษที่ทำให้เรารู้สึกแบบนั้นโดยไม่เอ่ยถึงการกระทำของตัวเองเลย ก็อาจบ่งชี้ได้ว่าเขามองว่าปัญหาอยู่ที่ความรู้สึกเรามากกว่าการกระทำของเขาเอง
อย่างไรก็ดี แค่คำพูดเดียวก็ไม่อาจตัดสินได้เสียทีเดียวว่าเพื่อนคนนั้นท็อกซิก เราต้องพิจารณาเรื่องอื่นๆ ประกอบด้วย เช่น การถามตัวเองว่า “เพื่อนคนนั้นโผล่มาตอนที่เราต้องการหรือเปล่า หรือโผล่มาแค่เวลาที่เขาต้องการ” หรือ “ความสัมพันธ์นี้มีความบาลานซ์แค่ไหน มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ให้มากกว่าหรือเปล่า?” หากตอบคำถามเหล่านี้และมองอย่างรอบด้านแล้วรู้สึกว่าเพื่อนของตัวเองค่อนข้างจะท็อกซิก พูดคุยเพื่อแก้ไขปัญหาแล้วไม่เป็นผล ก็อาจถึงเวลาแล้วที่ต้องพาตัวเองออกมาจากจุดนั้นและก้าวเดินต่อไปโดยไม่มีเพื่อนคนนั้น
อ้างอิง
– If you have a friend who uses any of these 8 toxic phrases, it may be time to ‘move on’: Psychologist : Marisa G. Franco, CNBC – https://bit.ly/4aBwvN9
#trend
#relationship
#toxicfriend
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast