NEWSยกระดับพลังงานเพื่อคุณภาพชีวิตของคนเมืองมหานคร

ยกระดับพลังงานเพื่อคุณภาพชีวิตของคนเมืองมหานคร

ด้วยวิถีของการใช้ชีวิตและเทคโนโลยีต่างๆ ของโลกในปัจจุบัน เชื่อว่าทุกคนสามารถสัมผัสได้ว่า พลังงานไฟฟ้าถือว่าเป็น “สิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้” ในชีวิตประจำวันของทุกๆ คน ตั้งแต่การมอบความสว่างบนท้องถนน ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยให้ชีวิตของเราสะดวกสบายขึ้นเรียกได้ว่าไฟฟ้านั้นถือเป็นทรัพยากรขั้นพื้นฐานที่ ช่วยพัฒนาชีวิตของเราให้ดีขึ้นได้ในหลายแง่มุม

ยิ่งไปกว่านั้น พลังงานไฟฟ้าเองก็ถือว่าเป็นพลังงานที่มีบทบาทสำคัญ ที่ตอบโจทย์ด้านความยั่งยืนของโลก ไม่ว่าจะเป็นเทรนด์ของการใช้รถ EV ที่มากขึ้น ไปจนถึงการติดแผงโซลาร์เซลล์ด้วยตัวเอง

โลกแห่งพลังงานกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วพร้อมๆ กับการเปลี่ยนแปลงในด้านอื่นๆ ที่เกิดขึ้น ด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สามารถพลิกโฉมรูปแบบพลังงานไปอย่างสิ้นเชิง จะเห็นได้ว่าหลายประเทศทั่วโลกเริ่มทดแทนการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น จากเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นอย่างก้าวกระโดด

เรียกได้ว่าเทรนด์ของการผลิต การประยุกต์ใช้ รวมถึงการหาพลังงานทดแทนไฟฟ้านั้นกำลังคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว เพื่อผลักดันโลกไปข้างหน้ารวมถึงมีความยั่งยืนมากกว่าเดิม พร้อมๆ กับการทำให้พลังงานไฟฟ้า เป็นสวัสดิการขั้นพื้นฐานที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม

นี่ถือว่าเป็นโจทย์ครั้งใหญ่และภารกิจสำคัญที่ทาง MEA ต้องการจะมุ่งหน้าไปให้ได้ ภายใต้ขอบเขตการจำหน่ายพลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี และสมุทรปราการ

ด้วยเหตุนี้ ทาง Mission To The Moon จึงได้มีโอกาสไปพูดคุยกับ คุณวิลาศ เฉลยสัตย์ ผู้ว่าการ MEA หรือ การไฟฟ้านครหลวง ถึงภาพรวม เทรนด์ และวิถีการใช้พลังงานของประเทศไทย รวมถึงเป้าหมายใหม่ของ MEA ที่ต้องการจะยกระดับชีวิตของคนเมืองมหานคร ภายใต้คอนเซปต์ Tripple Go for Goal 3 ด้าน คือ Go Smart , Go Digital , Go Green ภายใต้วิสัยทัศน์ Energy for city life, Energize smart living

ภูมิทัศน์ใหม่ของ “พลังงาน” ที่เปลี่ยนแปลงไปตามโจทย์ใหม่ๆ ของโลก

ด้วยความต้องการใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงพลังงานรูปแบบต่างๆ กำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดย ณ ตอนนี้ รูปแบบการเปลี่ยนแปลงหนึ่งที่เห็นได้ชัดจากหลายประเทศทั่วโลก คือการเริ่มทดแทนการผลิตไฟฟ้าด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น

พลังงานหมุนเวียนนี้ ยืนพื้นอยู่บนปัจจัย 3D และ 1E คือ

1. Decarbonization ที่ทุกประเทศร่วมลงนามพันธสัญญาตามข้อตกลง COP21 จำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้เกิน 2 องศาเซลเซียส โดยมองว่าสาเหตุหลักของการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกมาจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ทั้งจากภาคอุตสาหกรรมและการขนส่ง

2. Decentralization การผลิตพลังงานแบบกระจายตัวจะทำให้ระบบไฟฟ้ามีการไหลสองทิศทาง (Two way flow) โดยโลกในอนาคตจะเน้นในเรื่องของพลังงานสะอาดจากการพัฒนาเทคโนโลยี ในอดีตการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่มีราคาผลิตต้นทุนต่อหน่วยถูกกว่า และก็มีการสร้างสายส่งเชื่อมไปหาผู้ที่ต้องการใช้

แต่ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันและด้วยประสิทธิภาพดีขึ้น ทำให้สามารถสร้างโรงไฟฟ้าได้ในขนาดเล็กลง โดยอนาคตจะมีโรงไฟฟ้าขนาดเล็กประมาณ 50 เมกะวัตต์ เกิดขึ้น โดยที่ต้นทุนการผลิตต่อหน่วยเทียบเท่ากับโรงไฟฟ้าขนาด 700 เมกะวัตต์ได้ และตั้งอยู่ในชุมชนที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้า ซึ่งข้อดีคือสามารถลดความสูญเสียในระบบส่งและระบบจำหน่ายได้ การผลิตพลังงานแบบกระจายตัว เกิดจากผู้ใช้ไฟฟ้าก็จะหันมาผลิตไฟฟ้าใช้เองด้วยหรือที่เรียกว่า Prosumer คือ การพัฒนาจาก Central Generation มาเป็น Decentralization และพัฒนาสู่ Fully Distributed

ทำให้บ้านแต่ละหลังสามารถเชื่อมกันเองไม่ต้องพึ่งพาสายส่งและไม่พึ่งพาโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ โดยขณะนี้ได้มีการวิจัยในเรื่องโรงไฟฟ้ากังหันน้ำขนาดเล็กที่ใช้ปริมาณน้ำน้อย เช่น ลำรางทดน้ำ ฯลฯ ความเร็วต่ำ เพื่อให้สามารถดำเนินการในพื้นที่ห่างไกลที่สายไฟฟ้าเข้าไม่ถึง สิ่งสำคัญคือเทคโนโลยีที่ทำให้สามารถเปลี่ยนโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ให้เป็นขนาดเล็กได้

3. Digitalization การเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล เทคโนโลยีขั้นสูง ได้แก่ Internet Of Things, Big Data Analytics, Artificial Intelligence (AI) และ Blockchain หมายถึงให้ระบบดำเนินการเองโดยที่มนุษย์ไม่ต้องเข้าไปดำเนินการ ซึ่งหากมีการรวบรวมการผลิตไฟฟ้าจากแหล่งต่างๆ จากทั้งพลังงานฟอสซิลและพลังงานหมุนเวียนเข้าไว้ด้วยกัน มีระบบการจัดการความต้องการใช้ไฟฟ้าเข้ามาควบคุม มีระบบจัดเก็บพลังงานหรือแบตเตอรี่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน และนำระบบดิจิทัลเข้ามาเชื่อมทั้งหมดเข้าด้วยกัน ก็จะกลายเป็นโรงไฟฟ้าเสมือน (Virtual Power Plant) นี่ก็เป็นอีกภาพที่สามารถเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

4. Electrification การเปลี่ยนแปลงจากเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้น้ำมันดีเซลและน้ำมันเบนซิน เป็นยานยนต์ที่ใช้ไฟฟ้า โดยในอนาคตยานยนต์ไฟฟ้าและหลังคาบ้านสามารถผลิตไฟฟ้า มีรถยนต์ที่สามารถชาร์จไฟฟ้าจากไฟบ้านได้ เกิดความเชื่อมโยงกัน

จุดยืนของประเทศไทย เมื่อว่าด้วยเรื่องของการใช้ “พลังงาน”

หากหันกลับมามองที่ประเทศไทยของเรา ​​ด้วยเทรนด์การของการมีบ้านแบบ Smart Home มากขึ้นทำให้คนไทยหันมาพึ่งพาระบบไฟฟ้าในการใช้ชีวิตประจำวันมากกว่าที่เคยเป็นมาก่อน

แถมยังมีการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่มีความร้อนสูงขึ้นมาก ทำให้คนต้องพึ่งพาเครื่องใช้ไฟฟ้าเยอะมาก โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศ จนทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องค่าใช้จ่ายเรื่อง “ค่าไฟ” ที่แพงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดโดยเฉพาะหน้าร้อน

โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ประเทศไทยของเราเองก็ได้มีการพัฒนาคุณภาพระบบไฟฟ้า ระบบให้บริการ นำนวัตกรรมที่ทันสมัย มาพัฒนาใช้ในทุกๆ ด้านอยู่เสมอ ซึ่งในปี 2566 ที่ผ่านมา ทาง MEA ให้บริการจำหน่ายไฟฟ้าในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ รวม 3,192 ตารางกิโลเมตร ดูแลผู้ใช้ไฟฟ้าประมาณ 4.19 ล้านราย ขณะที่มีหน่วยพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าสะสม 51,651 ล้านหน่วย เพิ่มขึ้น 0.2% จากปีที่ผ่านมา

นอกจากนี้เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมาก็มีสถิติความต้องการพลังไฟฟ้าสูงสุด จำนวน 9,733.50 เมกะวัตต์ นับเป็นสถิติการจำหน่ายไฟฟ้าสูงที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในพื้นที่ระบบจำหน่ายของ MEA ซึ่งความต้องการใช้ไฟฟ้าที่สูงอย่างต่อเนื่องนี้ ทำให้มีการปรับปรุงและพัฒนาระบบไฟฟ้า ตลอดจนเพิ่มเสถียรภาพของระบบไฟฟ้าอยู่ตลอดเวลาให้เหมาะสมกับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น

การใช้เทคโนโลยี ถือเป็นหัวใจสำคัญในการรับมือต่อความเปลี่ยนแปลงนี้ ซึ่งประเทศไทยก็ได้มีการพัฒนาศูนย์ควบคุมระบบไฟฟ้า SCADA (Supervisory Control and Data Acquisition) ทำหน้าที่เป็นระบบตรวจสอบ และวิเคราะห์ข้อมูล ใช้ในการตรวจสอบสถานะ ตลอดจนวิเคราะห์การทำงานของระบบควบคุมตรวจจับข้อมูล แล้วส่งสัญญาณแจ้งเตือนให้เจ้าหน้าที่ทราบอย่างรวดเร็วแบบ Realtime ถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีที่ MEA เริ่มใช้เป็นองค์กรแรกในประเทศไทยเลยทีเดียว

นอกจากนี้ ยังมีโครงการระบบไฟฟ้าอัจฉริยะ Smart Metro Grid สามารถสร้างความมั่นคงให้กับระบบไฟฟ้า โดยมีระบบสายส่งไฟฟ้าใต้ดินที่เชื่อมต่อระหว่างสถานีต้นทาง รองรับความต้องการการใช้ไฟฟ้าในย่านธุรกิจสำคัญใจกลางเมืองที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่วยสร้างความมั่นคงของระบบไฟฟ้า ลดปัญหาไฟฟ้าดับลดความเสี่ยงทางกายภาพที่อาจเกิดขึ้นกับสายไฟฟ้าแรงสูงบนพื้นดิน แถมยังมีการใช้ระบบ AI ในการบริหารงานซ่อมบำรุงอุปกรณ์ที่สำคัญในระบบจำหน่ายไฟฟ้า อุปกรณ์ Drone ไปจนถึง Thermovision ที่ล้วนแต่ช่วยให้เหล่าคนเมืองสามารถเข้าถึงพลังงานไฟฟ้าได้สะดวกที่สุด

MEA ยังได้บอกถึงกล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อระดับค่าไฟที่เพิ่มสูงขึ้นอีกด้วยว่า ในช่วงเวลาหน้าร้อนนั้นมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติส่งผลให้มีการใช้ไฟฟ้ามากขึ้น เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานมากขึ้น เป็นเหตุให้เสียค่าไฟมากขึ้น โดยวิธีการที่จะช่วยให้ใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย คือการหมั่นดูแล บำรุงรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าให้พร้อมใช้งานและปลอดภัยอยู่เสมอและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าก็มีส่วนสำคัญที่ทำให้ประหยัดค่าไฟฟ้าได้ดี โดยยึดหลัก “ปิด – ปรับ – ปลด – เปลี่ยน” โดยปิดไฟดวงที่ไม่ใช้ ปรับลดอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศมาอยู่ที่ระดับ 26-27 องศาเซลเซียส พร้อมเปิดพัดลมควบคู่ จะเป็นการช่วยให้ประหยัดพลังงานได้ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแน่นอน

Advertisements
Advertisements

Go Smart, Go Digital, Go Green 3 แกนหลังของพลังงานที่มุ่งหน้าสู่อนาคตที่ยั่งยืน

ต่อเนื่องด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยเสริมความมั่นคงและความเชื่อถือได้ของระบบไฟฟ้า มีทั้งหมด 3 ด้านเรียกว่า Triple Go for Goal ก็คือ Go Smart, Go Digital, และ Go Green ซึ่งทาง MEA ได้เห็นถึงความสำคัญในการยกระดับงานบริการขององค์กรให้ตอบโจทย์ Anywhere Service ซึ่งเป็นรูปแบบชีวิตของคนเมืองมหานคร มีการพัฒนาบริการ e-Service ต่างๆ และดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar PV) ซึ่งมีการออกแบบให้เชื่อมโยงกับการใช้ EV อีกด้วย

Go Smart การพัฒนาระบบไฟฟ้าให้เป็นระบบ Smart ซึ่งจะสามารถตรวจสอบ และรับรู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับระบบไฟฟ้าได้อย่างอัตโนมัติ โดยปัจจุบันหากมีเหตุการณ์ไฟดับประชาชนต้องแจ้งเรื่องเข้ามาที่ศูนย์สั่งการ และต้องมีการสั่งการผ่านระบบศูนย์สั่งการเพื่อลงไปดูแลประชาชน แต่แผนพัฒนาในอนาคตคือ MEA จะสามารถตรวจสอบและรับรู้เหตุการณ์ไฟดับแบบอัตโนมัติทันที และยังได้ดำเนินโครงการเพื่อส่งเสริมศักยภาพด้านระบบไฟฟ้า หรือ Power Quality สำหรับการบริหารจัดการระบบไฟฟ้าให้มีความมั่นคงเพียงพอ เช่น โครงการ Smart Metro Grid ที่ปัจจุบัน MEA ได้ดำเนินโครงการติดตั้ง Smart Meter ในพื้นที่นำร่อง 9 ตารางกิโลเมตร บริเวณถนนพระราม 4 พญาไท เพชรบุรี และรัชดาภิเษก

สำหรับในแง่ของการให้บริการกับประชาชนนั้น MEA ได้พัฒนารูปแบบการให้บริการอย่างเป็นดิจิทัลมากขึ้น ด้วยการทำ MEA Smart Life Application ที่สามารถดาวน์โหลดและใช้ในการถ่ายภาพ แจ้งเหตุไฟฟ้าขัดข้องได้รวดเร็ว พร้อมเชื่อมโยงกับระบบแผนที่ GIS ของ MEA ที่มีความแม่นยำ ทำให้แก้ไขระบบไฟฟ้าในพื้นที่ได้ทันที ภายใต้ชื่อระบบปฏิบัติการที่เรียกว่า Field Force Management (FFM) และยังมีการปฏิบัติงานที่ครอบคลุมพื้นที่ทางน้ำ Marine MEA ดำเนินการตอบสนองภารกิจการแก้ไขไฟฟ้าขัดข้อง การปักเสาพาดสาย การตรวจสอบบำรุงรักษาอุปกรณ์ การตรวจจับไฟฟ้ารั่ว และการดูแลช่วยเหลือประชาชนในการรื้อย้ายอุปกรณ์ไฟฟ้า รองรับสถานการณ์ฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง

Go Digital เพื่อตอบโจทย์ Anywhere Service ชีวิตของคนเมืองมหานครและยกระดับการเป็น Fully Digital Service ก็ได้มีการบริการ e-Service ต่างๆ เช่น การให้บริการผ่านระบบออนไลน์ MEASY ไม่ต้องเดินทาง เป็น Virtual District มีบริการครบครัน จัดทำระบบแจ้งเตือนไฟฟ้าขัดข้องรายบุคคล ระบบแจ้งไฟฟ้าดับรายบุคคล พร้อมทั้งสามารถ Tracking ทั้งการซ่อมแซมแก้ไขเมื่อเกิดไฟฟ้าดับ และเมื่อไฟฟ้ากลับสู่สภาวะปกติ ไปจนถึงการ Tracking บริการทางธุรกรรมต่างๆ เช่น การขอใช้ไฟฟ้า การลด – เพิ่มขนาดเครื่องวัดฯ การยกเลิกการใช้ไฟฟ้า การขอคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้า

นอกจากนี้ MEA ได้ร่วมพัฒนาระบบ EV Data Roaming ทำให้ MEA EV Application สามารถแชร์ข้อมูลกับผู้ประกอบการรายใหญ่ต่างๆ สร้างความสะดวกสบายให้กับประชาชนผู้ใช้งาน ระบบ Smart Charging สำหรับบ้านอยู่อาศัย ควบคู่กับ TLM เพื่อลดปัญหาการเกิด Overload และบริหารจัดการระบบจำหน่ายอย่างมีประสิทธิภาพ

Go Green การดำเนินงานธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยภาคธุรกิจในประเทศไทยต่างมีความร่วมมือกันในการนำพาประเทศก้าวเข้าสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ‘Carbon neutrality’ ในปี 2050 โดยเริ่มจากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จากนั้นจึงสร้างความสมดุลของปริมาณก๊าซเรือนกระจกด้วยวิธีการดูดซับแบบธรรมชาติหรือการซื้อคาร์บอนเครดิต

ซึ่ง MEA เปิดเผยว่ามีการวางแผนกำหนดขอบเขตการปล่อยคาร์บอนให้น้อยที่สุด เพื่อเป็นหนึ่งความร่วมมือที่จะผลักดันให้เกิดความเป็นกลางทางคาร์บอนตามนโยบายของรัฐบาล ปัจจุบันจึงมีโครงการจัดการพลังงานภายใน ซึ่งเป็นเรื่องของการใช้ระบบปรับอากาศที่มีประสิทธิภาพสูงผ่านระบบควบคุมไฟส่องสว่างแบบไฮบริด (Lighting Control) เป็นการผสมกันระหว่างระบบรวมศูนย์และระบบไร้สาย อุปกรณ์ทั้งแบบไร้สายและแบบใช้สายนำมาใช้ร่วมกันในระบบเดียว และสามารถสื่อสารกันได้อย่างลงตัว ซึ่งสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับพื้นที่ใช้งาน ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ เมื่อถามถึงแผน Carbon Neutrality Roadmap เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก MEA มีการจัดทำ Carbon Neutrality Roadmap ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่ตอบสนองวิถีชีวิตเชิงนิเวศในด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมในรูปแบบ ECO City มีการพัฒนาต่อยอดก้าวสู่การเป็นต้นแบบอาคารประหยัดพลังงาน อีกทั้งยังมี MEA e-Bill ให้ผู้ใช้ไฟฟ้าสมัครรับเอกสารออนไลน์ เพื่อลดการใช้กระดาษ

ขณะเดียวกัน MEA ก็มีการส่งเสริมให้ประชาชนสามารถใช้พลังงานสะอาดได้สะดวกมากขึ้น โดยประชาชนครัวเรือนใดที่อยากจะติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพื่อลดภาระค่าใช้จ่าย สามารถเข้าเว็บไซต์ MEA แล้วติดต่อมาทางสำนักงานได้โดยตรง โดยที่ไม่ต้องเดินทางมายังสำนักงาน ซึ่งนี่ถือเป็นตัวอย่างที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าเมืองหลวง

นับได้ว่า หลักการ Go Smart, Go Digital, Go Green ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแนวทางสำคัญที่จะทำให้ชีวิตของคนเมือง ก้าวสู่การเป็น Smart City ได้อย่างแท้จริง

Advertisements

LASTEST ARTICLES

LASTEST PODCAST

Mission To The Moon
Mission To The Moon
พื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อแบ่งบันเรื่องราวเกี่ยวกับการทำธุรกิจ การตลาด แรงบันดาลใจ และข้อคิดในการใช้ชีวิต

POPULAR ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานและเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบล็อคการใช้งานคุกกี้ได้จากเบราว์เซอร์ที่ใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการใช้งานเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และวัดผลการทำงาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า