NEWSTrendsบทเรียนชีวิตกับ Tony Robbins จากอดีตอันขมขื่น ที่ไม่ได้เป็นตัวกำหนดอนาคต

บทเรียนชีวิตกับ Tony Robbins จากอดีตอันขมขื่น ที่ไม่ได้เป็นตัวกำหนดอนาคต

คุณมีปมหรือเหตุการณ์ที่เป็นเหมือนฝันร้ายในอดีตหรือไม่? ถึงแม้ว่าในหนึ่งช่วงชีวิตของเราจะต้องพบเจอกับเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามามากมาย แต่บางเหตุการณ์ที่เป็นความทรงจำอันแสนจะเลวร้ายก็สามารถทำให้คนคนหนึ่งเกิดความบอบช้ำทางจิตใจ จนเผลอเอาประสบการณ์เหล่านั้นมาตัดสินปัจจุบันและอนาคตของตัวเอง

คนเรามักจะคิดว่า “อดีตคือตัวกำหนดปัจจุบันและอนาคต” ซึ่งความคิดนี้ก็ไม่ใช่ความคิดที่ถูกหรือผิดไปเสียทีเดียว เพราะเหตุการณ์ในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตนั้นย่อมมีความสัมพันธ์กันบ้าง แต่การที่เรามีความบอบช้ำจากเหตุการณ์ในอดีตจนนำมาผูกกับอนาคต จนละเลยการกระทำในปัจจุบัน ซึ่งถือเป็นตัวแปรที่สำคัญที่สุดไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูก

แล้วถ้าเรากำลังรู้สึกเจ็บปวดกับอดีตที่ผิดพลาด เราควรไปต่อบนโลกที่แสนโหดร้ายใบนี้อย่างไร? ต้องยอมรับว่าสำหรับคนที่เคยมีอดีตที่แสนเจ็บปวด การก้าวเดินต่อนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่าย แต่ก็ไม่นับว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะยังมีเรื่องราวของบุคคลคนหนึ่ง ที่มีอดีตอันแสนขมขื่น ผ่านความเจ็บปวดและยากลำบากที่เกินกว่าเราจะสามารถจินตนาการ อาจจะเป็นเรื่องราวที่คล้ายกับเรื่องราวของใครหลายคนที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ และอาจจะเป็นเรื่องราวที่สามารถสร้างแรงบันดาลใจที่ดีให้ลุกขึ้นมาปล่อยวางอดีต ให้ความสำคัญกับปัจจุบัน เพื่อสามารถก้าวไปยังอนาคตที่สดใสได้

บุคคลท่านนี้คือ Tony Robbins กูรูนักพูดด้านการพัฒนาตัวเองระดับโลก ที่เริ่มต้นจากชีวิตวัยเด็กอันแสนขมขื่นสู่การเป็นที่ปรึกษาให้กับคนดังระดับโลกมากมาย ตั้งแต่ Serena Williams, Oprah Winfrey ไปจนถึง Bill Clinton ประธานาธิบดีคนที่ 42 ของสหรัฐอเมริกา

ชีวิตของเขาพบเจออะไรมาบ้าง และเขาพัฒนาตัวเองไปจนถึงระดับที่เรียกว่า “ประสบความสำเร็จ” ได้อย่างไร เราจะมาถอดบทเรียนไปด้วยกัน

Tony Robbins กับชีวิตวัยเด็กที่แสนโชกโชน

Tony Robbins หรือเดิมมีชื่อว่า Anthony J. Mahavorick เกิดในครอบครัวที่ยกจนและมีปัญหา อยู่ในเขตเสื่อมโทรมของสหรัฐอเมริกา เมื่อเขาอายุได้ 7 ปี พ่อแม่ก็หย่าร้างกัน ด้วยความที่แม่ของเขาเป็นคนที่มีอารมณ์โมโหร้าย มีอาการติดยาเสพติดและแอลกอฮอล์อย่างรุนแรง โทนี่จึงมักจะถูกแม่ทำร้ายอยู่เป็นประจำ ซึ่งเป็นวิธีการทำร้ายร่างกายที่โหดร้ายทารุณและไม่สามารถที่จะกล่าวถึงได้

ในระหว่างที่โทนี่กำลังเติบโตขึ้นมา แม่ของเขาก็แต่งงานใหม่ไปทั้งหมด 4 ครั้งและให้กำเนิดน้องของเขาอีก 3 คน ทำให้เขาต้องกลายเป็นพี่ใหญ่ที่ต้องรองรับทั้งความเจ้าอารมณ์ของแม่และเป็นกำลังหลักในการดูแลน้องๆ ที่เหลือ

ยิ่งเจอกับความกลัวมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

สำหรับโทนี่แล้ว ประโยคนี้สามารถบรรยายความเป็นตัวเขาได้มากที่สุด เพราะในวันขอบคุณพระเจ้า ครอบครัวของโทนี่ก็หิวโหยมากจนแม่ของเขาเกิดอาการ Mental Breakdown และกรีดร้องใส่พ่อเลี้ยงที่ไม่สามารถดูแลครอบครัวของเขาได้ ซึ่งในขณะนั้นเด็กๆ ทุกคนก็อยู่ในอาการหวาดกลัว แต่สุดท้ายก็มีปาฏิหาริย์เพราะว่ามีผู้ชายคนหนึ่งนำอาหารมาให้พวกเขา ซึ่งเหตุการณ์นั้นก็ทำให้โทนี่รู้จักกับคำว่า “ช่วยเหลือ” เขาจึงปฏิญาณกับตัวเองว่าจะต้องช่วยเหลือคนอื่นให้ได้แบบที่ผู้ชายคนนี้ช่วยเหลือครอบครัวของเขา

หลังจากนั้น โทนี่ก็พยายามตั้งใจเรียนและอ่านหนังสือให้มากที่สุด โดยเขาอ่านหนังสือมากกว่า 100 เล่มต่อปีและหนังสือเหล่านี้ก็เกี่ยวกับจิตวิทยา ปรัชญา และสรีรวิทยา เขาถึงขั้นได้รับเลือกให้เป็นประธานนักเรียนในปีสุดท้ายของชั้นมัธยม แต่แน่นอนว่าแม่ของเขาก็ไม่ชอบนักและพยายามขัดขวางให้เขาโดดเรียนเพื่อมาทำงานหาเงินเลี้ยงทางบ้าน จนสุดท้ายเขาก็ไม่ได้ศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย และตัดสินใจออกจากบ้านเพื่อทำงานเป็นภารโรง

จะเห็นว่าโทนี่นั้นมีความหลงใหลในเรื่องการเรียนและโรงเรียนเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะไม่ได้เรียนต่อ แต่ก็พยายามทำงานที่ได้ใกล้ชิดกับสถานศึกษา ได้พบปะกับเหล่าปัญญาชน และมีโอกาสที่จะได้เข้าไปอ่านหนังสือในห้องสมุด จนเขาเริ่มค้นพบว่าตัวเองมีความสามารถในการพูดในที่สาธารณะ พยายามไปดูเวทีการพูดของนักพูดชื่อดังหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักพูดระดับโลกอย่าง Jim Rohn ซึ่งเป็นนักพูดที่โทนี่ชื่นชอบมากๆ และเขาก็เขียนจดหมายว่าอยากจะเข้าไปทำงานให้กับนักพูดท่านนี้ จนสุดท้าย Jim Rohn ก็ยอมรับเขาเข้ามาเป็นผู้ช่วย ทำให้โทนี่ได้พัฒนาทักษะการพูดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจและเดินทางไปทั่วประเทศเพื่อจัดสัมมนานับร้อยครั้ง

Advertisements
Advertisements

เส้นทางใหม่ของ Tony Robbins ที่ไม่ได้ปล่อยให้อดีตมาบงการ

หลังจากที่เขาเข้าไปทำหน้าที่ในการจัดสัมมนาให้กับ Jim Rohn โทนี่ก็รับแนวคิดและความรู้ต่างๆ จาก Jim Rohn มามากมาย ซึ่งสามารถพูดได้ว่า Jim Rohn คือแรงบันดาลใจของโทนี่อย่างแท้จริง หลังจากนั้นเขาก็ได้เจอกับ John Grinder นักภาษาศาสตร์และเป็นโค้ชของนักพูด ทำให้เขาได้รู้จักกับ Neuro-Linguistic Programming (NLP) หรือกระบวนการที่ใช้เปลี่ยนแปลงความเชื่อจากจิตใต้สำนึก ซึ่งทำให้โทนี่รู้จักเทคนิคในการพูดที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จ

และ 2 ปีต่อมา หลังจากช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้และทดลองงานที่แสนยาวนาน โทนี่ก็ประสบความสำเร็จจากหนังสือเล่มแรกของเขาอย่าง “Unlimited Power” หรือในชื่อไทยคือ “พลังไร้ขีดจำกัด” ที่พูดถึงกระบวนการ NLP ในเล่มนี้ด้วย ทำให้โทนี่ได้รับความโด่งดัง มีคนรู้จักเป็นจำนวนมาก เรียกได้ว่าเข้าสู่กระแสหลักอย่างเต็มตัว อิทธิพลด้านการพูดของเขาแผ่ขยายไปทั่วโลก โทนี่เป็นทั้งนักเขียนหนังสือ Best-Seller และเป็นทั้งที่ปรึกษาด้านการพัฒนาตัวเองของบุคคลสำคัญระดับโลกมากมาย จนเขากลายเป็น 1 ใน Top 50 Business Intellectuals in the World โดย Harvard Business Press และ Top 200 Business Gurus โดย American Express นอกจากนี้เขายังได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งใน “100 คนที่มีอำนาจมากที่สุดในด้านการเงินระดับโลก” โดยนิตยสาร Worth Magazine อีกด้วย

บทเรียนความสำเร็จจาก Tony Robbins

สำหรับโทนี่แล้ว อดีตไม่ใช่ตัวกำหนดปัจจุบันและอนาคต แต่ “การตัดสินใจของ ณ ช่วงเวลานั้นต่างหาก ที่เป็นสิ่งกำหนดอนาคตของเขา” โทนี่เคยกล่าวว่าเราสามารถสร้างโชคชะตาของตัดเองได้ในช่วงเวลาแห่งการตัดสินใจ ซึ่งมีการตัดสินใจหลักๆ 3 เรื่องที่สำคัญและทำให้ชีวิตของเราก้าวหน้าได้ในทุกวัน อย่างแรกคือเราต้องการอะไร, อย่างที่สองคือสิ่งที่เราต้องการนั้นสำคัญมากแค่ไหน และอย่างที่สามคือ ต้องทำอะไรเพื่อให้ได้ในสิ่งที่เราต้องการ โทนี่กล่าวว่าเราสามารถกำหนดชะตากรรมของเราเองได้ด้วยการตอบคำถามสามข้อนี้

บทเรียนต่อมาคือ “เราควรที่จะต้องสร้างนิสัยที่ดีและสอดคล้องกับความต้องการพื้นฐานของเรา” เรื่องนี้ก็จะเกี่ยวข้องกับทฤษฎี Six Human needs หรือความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ 6 ประการอันประกอบไปด้วยความแน่นอน (Certainly), Uncertainty (ความไม่แน่นอน), Significance (ความสำคัญ), Love (ความรัก), Growth (การเติบโต) และ Contribution (การให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน) ซึ่งถ้าหากนิสัยที่เราสร้างขึ้นมาสามารถทำให้เราตอบโจทย์ได้ 3 ใน 6 ประการนี้ เราก็จะเสพติดนิสัยนั้นจนส่งผลทำให้เราสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้อย่างทรงพลัง

และบทเรียนที่สามคือ “ความคืบหน้าเล็กๆ คือหนทางสู่ความสำเร็จ” บทเรียนนี้เราอาจจะเคยได้ยินมาจากหนังสือชื่อดังหลายเล่มที่พูดถึงพฤติกรรมของมนุษย์ที่มักจะประสบความสำเร็จ ซึ่งโทนี่ก็มีความเชื่อแบบนี้เช่นเดียวกัน โดยโทนี่เชื่อว่าการเดินทางไปสู่ความฝันและเป้าหมายของตัวเองก็ถือเป็นความสุขของมนุษย์ที่เติมเต็มได้มากที่สุดอย่างหนึ่ง เมื่อเราเผชิญกับกับความท้าทายยากๆ และค่อยๆ เอาชนะมันได้ เราก็จะชื่นชมยินดีในความสำเร็จนั้น ซึ่งโทนี่บอกว่ามนุษย์ทุกคนควรจะเข้าใจความเชื่อมโยงระหว่างความสุขกับการบรรลุเป้าหมาย เพื่อที่จะสามารถเอาชนะความยากลำบากให้ได้ และค่อยๆ คืบหน้าไปทีละเล็กละน้อยจนกว่าจะประสบความสำเร็จ

เรื่องราวของ Tony Robbins ทำให้เราได้ข้อสรุปของชีวิตว่า “อย่าใช้ชีวิตกับอดีตและอนาคตจนทรยศปัจจุบัน” และที่สำคัญคืออย่าจมปลักกับความบอบช้ำจนลืมที่จะให้รางวัลกับตัวเองด้วยความสุขจากความสำเร็จเล็กๆ เพราะธรรมชาติขอมนุษย์นั้น หากพบกับความเจ็บปวดแล้วก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีอาการถดถอย ไม่กล้าเดินหน้าต่อ แต่สิ่งที่ทำให้มนุษย์สามารถเดินหน้าและหลั่งสารแห่งความสุขได้อย่างแท้จริงก็คือความสำเร็จเล็กๆ ในแต่ละวัน

อ้างอิง
– ABOUT TONY ROBBINS: A LIFE DEDICATED TO HELPING INDIVIDUALS AND BUSINESSES SUCCEED, Tony Robbins – https://bit.ly/3HKTHf4
– Your past doesn’t equal to your future – Tony Robbins, Quitpit – https://bit.ly/3HJvCVX
– Top 12 Greatest Life Lessons You Need to Learn From Tony Robbins, Great Performers – https://bit.ly/3HGU766

#inspiration
#tonyrobbins
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

Advertisements

LASTEST ARTICLES

LASTEST PODCAST

Mission To The Moon
Mission To The Moon
พื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อแบ่งบันเรื่องราวเกี่ยวกับการทำธุรกิจ การตลาด แรงบันดาลใจ และข้อคิดในการใช้ชีวิต

POPULAR ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานและเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบล็อคการใช้งานคุกกี้ได้จากเบราว์เซอร์ที่ใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการใช้งานเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และวัดผลการทำงาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า