INSPIRATIONThe Power of Repetition เปลี่ยนอนาคตให้ดีขึ้น ด้วยพลังของการทำซ้ำๆ

The Power of Repetition เปลี่ยนอนาคตให้ดีขึ้น ด้วยพลังของการทำซ้ำๆ

คุณเคยมีความรู้สึกที่อยากจะลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้น แต่ไม่แน่ใจว่าผลลัพธ์ของการกระทำนั้นจะดีจริงๆ หรือไม่? หากคุณเคยมีความรู้สึกแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลก เพราะ “อนาคต” เป็นสิ่งที่หลายคนกังวลและไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ จนทำให้ไม่มีแรงจูงใจที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรบางอย่างที่เปลี่ยนชีวิตและโลกทั้งใบของตัวเอง

แต่มีแนวคิดบางอย่างที่น่าสนใจและอาจจะทำให้เรามีความกล้าในการลุกขึ้นมาทำสิ่งใหม่ๆ โดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปในอนาคต ซึ่งแนวคิดนี้เรียกว่า The Power of Repetition หรือพลังของการทำบางอย่างซ้ำๆ จนกลายเป็นนิสัยที่ติดตัวเราจนต้องทำในทุกวันแบบขาดไม่ได้

“คุณเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณทำซ้ำๆ” คำกล่าวนี้มาจาก Will Durant (วิล ดูแรนท์) นักปรัชญาชาวอเมริกันที่สะท้อนให้เห็นว่าอนาคตของเราไม่ได้ถูกกำหนดขึ้นมาโดยโชคลางหรือความบังเอิญที่เข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว แต่กลับมาจากนิสัยที่เราทำทุกวันแบบซ้ำๆ จนกลายเป็นตัวกำหนดสิ่งที่เราเป็นและกำหนดสิ่งที่จะผ่านเข้ามาหาตัวเราในอนาคต

หากยังมองไม่เห็นภาพ ให้ลองนึกถึงการพูดนำเสนองานต่อหน้าคนหมู่มาก ซึ่งต้องใช้ทักษะ ความกล้าหาญและความเชี่ยวชาญในการรับมือกับสถานการณ์เฉพาะหน้า และทั้งหมดนี้ไม่ได้สำเร็จไปได้ด้วยความโชคดีของเรา แต่มาจากการฝึกซ้อมซ้ำๆ ทุกวันจนกลายเป็นความคุ้นชิน มีสมาธิ สามารถจัดการกับความวิตกกังวลและรู้สึกมั่นใจที่จะอยู่ต่อหน้าคนหมู่มากมากขึ้น

มนุษย์ทุกคนมีทั้งเรื่องที่ถนัดและไม่ถนัด และความจริงก็คือเราจะชอบทำเรื่องที่ถนัดอยู่แล้วจนกลายเป็นจุดแข็งของตัวเอง ส่วนเรื่องที่ไม่ถนัดก็มักจะถูกวางเอาไว้ไกลๆ และไม่ไปยุ่งกับมันอีกต่อไป

แน่นอนว่าโลกนี้ไม่ได้มอบบททดสอบในเรื่องที่เราถนัดและสามารถรับมือได้เสมอไป เพราะเหตุการณ์บางอย่างในชีวิตก็ทำให้เรามีโอกาสในการทำสิ่งที่ไม่ถนัดอีกครั้ง ซึ่งวิธีการที่ทำให้เราเปลี่ยนเรื่องยากที่ไม่ถนัด ให้กลายเป็นเรื่องง่ายที่ถนัดได้ก็คือ “การฝึกฝนซ้ำๆ” ตามคำกล่าวที่ว่า “การฝึกฝนทำให้เราสมบูรณ์แบบ” หรือ Practice makes perfect. เพราะการทำซ้ำๆ จะช่วยให้เราคุ้นชินกับเรื่องที่เราฝึกฝนได้ในทุกวัน ช่วยสร้างความมั่นใจ และสร้างนิสัยของการมีวินัยให้เกิดขึ้นจนกลายเป็นนิสัยด้านดีที่ทำให้เราประสบความสำเร็จกับทุกเรื่อง

แต่ในโลกความเป็นจริงนั้น การฝึกฝนซ้ำๆ เพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำให้ความสมบูรณ์แบบเกิดขึ้นได้ แต่ “การฝึกฝนที่สมบูรณ์แบบต่างหาก ที่ทำให้เราสมบูรณ์แบบ” (Perfect practice makes perfect.) ตามใจความที่กล่าวไว้ในหนังสือ Practice Perfect: 42 Rules for Getting Better at Getting Better. ว่าเราควรออกแบบการฝึกฝนให้ตรงกับจุดอ่อนจุดแข็งและเป้าหมายของตัวเอง รวมถึงต้องพยายามไตร่ตรองความผิดพลาดที่เกิดขึ้นระหว่างการฝึกฝน เพื่อนำไปพัฒนาการฝึกฝนให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น จนสุดท้ายเราก็จะสามารถเชี่ยวชาญในด้านที่ไม่ถนัดได้อย่างสมบูรณ์แบบ

Advertisements

แล้วถ้าเราอยากเก่งขึ้นจากการทำซ้ำๆ โดยที่การทำซ้ำๆ นั่นต้องไม่ใช่การฝึกฝนอย่างเลื่อนลอยล่ะ เราควรรู้จักกฎเหล็กอะไรบ้าง? ในหนังสือ Practice Perfect: 42 Rules for Getting Better at Getting Better. ก็ได้กล่าวถึงวิธีการในการฝึกฝนตัวเองแบบซ้ำๆ ด้วยวิธีการต่างๆ ถึง 42 ข้อด้วยกัน ซึ่งเราจะขอสรุปเป็นกฎเหล็ก 6 ข้อที่สำคัญที่สุดในการฝึกฝนตัวเองให้เก่งขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กฎเหล็กข้อที่ 1: “ตั้งเป้าหมายความสำเร็จ”

กฎข้อแรกนี้สำคัญมาก เพราะไม่ว่าเราจะต้องการทำอะไรให้สำเร็จ สิ่งแรกที่เราควรรู้ก็คือ “เป้าหมายของเรา” เป้าหมายเป็นสิ่งที่ทำให้เรามีคำมั่นสัญญากับตัวเองได้โดยอัตโนมัติ และเป็นกุญแจดอกแรกที่ทำให้เราได้เข้าใกล้ความสำเร็จของตัวเอง

ซึ่งการตั้งเป้าหมายนั้นก็ไม่มีวิธีการที่ตายตัว เราอาจจะตั้งจากสิ่งที่เราต้องการหรือจุดที่เราอยากไปให้ถึงในอนาคตเช่น อยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง, อยากเป็นนักพูดที่ได้รับความนิยม เป็นต้น

กฎเหล็กข้อที่ 2: “ประเมินทักษะที่ต้องใช้ แล้วแบ่งทักษะออกเป็นทักษะย่อย”

เพราะสุดท้ายแล้วการไปให้ถึงเป้าหมายที่ต้องการนั้น มักจะไม่ได้ใช้ทักษะเพียง 1-2 ทักษะ แต่อาจจะต้องใช้ทักษะที่หลากหลาย มีทั้งเรื่องที่เราถนัด ไม่ถนัด หรือเรื่องที่เคยถนัดแต่ไม่ได้ใช้เป็นเวลานาน ซึ่งแต่ละทักษะก็มีลำดับความสำคัญ รวมถึงความยากง่ายในการฝึกฝนที่ต่างกัน

ดังนั้นเราจึงควรประเมินทักษะที่ต้องใช้ในการไปถึงเป้าหมายนั้น แล้วแบ่งทักษะย่อยๆ เพื่อเริ่มต้นฝึกฝนในรูปแบบที่ง่ายที่สุดก่อน
[ ] ให้ความสำคัญกับทักษะที่ไม่ถนัดแต่สำคัญ เป็นอันดับแรก
[ ] พยายามกลับมาทบทวนและฝึกฝนทักษะที่เคยถนัด แต่ไม่ได้ใช้เป็นเวลานาน เพื่อไม่ให้ลืมทักษะนั้นและสามารถนำกลับมาใช้ได้อย่างมืออาชีพ
[ ] ส่วนทักษะที่ถนัดอยู่แล้วก็ไม่ควรทิ้งไป แต่ให้ใช้เวลาที่เหลือจากการฝึกฝนในทักษะ 2 แบบข้างต้นในการฝึกฝนทักษะที่ถนัดให้เกิดเป็นเชี่ยวชาญแบบหาตัวจับยาก

กฎเหล็กข้อที่ 3: “สร้างเหตุการณ์จำลอง”

ข้อนี้ในหนังสือจะใช้คำว่า Model and Describe ซึ่งหมายถึงการสร้างสถานการณ์จำลองในการใช้ทักษะต่างๆ ในเหตุการณ์จริง เพื่อให้เราสามารถฝึกฝนทักษะนั้นและทำซ้ำได้ เช่น
[ ] ฝึกพูดภาษาอังกฤษจากประโยคหรือบทพูดซ้ำๆ เพื่อให้เกิดคลังประโยคที่สามารถหยิบมาใช้ได้
[ ] ฝึกซ้อมกีฬาให้คล้ายกับการแข่งจริง โดยอาจจะซ้อมแข่งแบบนับคะแนนจริง ใช้กฎกติกาในการแข่งขันจริง เพื่อให้เคยชินกับสนามแข่ง
[ ] ฝึกทำข้อสอบยากๆ และจับเวลาสอบจริง เพื่อให้สามารถทำข้อสอบได้เสร็จตามเวลา

เมื่อเราได้ทดลองฝึกฝนในเหตุการณ์ที่จำลองจากเหตุการณ์จริง ก็จะทำให้เราได้หยิบเอาทักษะที่เคยฝึกฝนมาใช้และเกิดความคุ้นชินในที่สุด

กฎเหล็กข้อที่ 4: “เติมเชื้อเพลงของการทำซ้ำๆ ด้วยคำติชม”

เรามักจะคิดว่าหัวใจของการทำซ้ำๆ ได้คือวินัย แต่ในความเป็นจริงมนุษย์ทุกคนไม่สามารถรักษาวินัยได้เลยหากทำสิ่งเดิมซ้ำๆ จนเบื่อและไร้แรงจูงใจ ซึ่ง “คำติชม” จากคนรอบข้างนี้เองที่สามารถเป็นเชื้อเพลิงให้เราเรียนรู้การฝึกฝนในแง่มุมใหม่ ผ่านการสร้าง Learning Curve ที่มีความท้าทายมากขึ้น จากการพัฒนาสิ่งที่ขาดจากคำติ และมีกำลังใจที่หล่อเลี้ยงตัวเองได้จากคำชม

เมื่อไหร่ก็ตามหากคุณกำลังรู้สึกเบื่อหรือไม่แน่ใจว่าการฝึกฝนนั้นกำลังมาถูกทางหรือไม่ ให้ลองเปิดรับคำติชมจากคนรอบข้าง รับฟังอย่างเปิดใจและนำคำติชมนั้นมาพัฒนาการฝึกฝนของตัวเอง

กฎเหล็กข้อที่ 5: “ทำให้ความผิดพลาดเป็นเรื่องปกติ”

คนส่วนใหญ่มักจะมีอาการท้อเมื่อทำผิดพลาดซ้ำๆ แต่เราต้องเข้าใจก่อนว่าการพัฒนาตัวเองจากเรื่องที่ไม่ถนัดให้กลายเป็นเรื่องถนัดนั้นมีความยากมากกว่าปกติ เราสามารถสร้างความผิดพลาดได้เยอะมากและเราควรมองความผิดพลาดเป็นเรื่องปกติที่สามารถทำผิดได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ช่วงแรกที่เริ่มฝึกฝนให้เปิดโอกาสให้ตัวเองทำผิดพลาดให้ได้ตามที่เราต้องการ และอย่าลืมเก็บข้อมูลความผิดพลาดนั้นเอาไว้ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านไปเราจะสามารถใช้จำนวนความผิดพลาดในช่วงเริ่มต้นเป็นเกณฑ์ชี้วัดพัฒนาการของตัวเอง ผ่านความผิดพลาดที่น้อยลงเรื่อยๆ

“การฝึกฝนไม่ได้เกิดขึ้นในพื้นที่สุญญากาศที่ไร้ความท้าทาย” เพราะฉะนั้นความล้มเหลวและความสำเร็จจึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เราจะสามารถตกลงไปในหลุมของความผิดพลาดและกระโดดสูงขึ้นไปบนความสำเร็จได้เช่นกัน แต่แทนที่จะท้อและถอยหลัง ให้มองว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นคือโอกาสในการเรียนรู้และเป็นเหมือนเกมแต่ละด่านที่เราต้องฝ่าฟันไปให้ได้

กฎเหล็กข้อที่ 6: “วัดความสำเร็จของตัวเอง”

โค้ชทีมกีฬาที่ดีต้องมีการประเมินการแข่งของลูกทีมแต่ละคน และที่สำคัญไปว่านั้นคือต้อง “ประเมินสถานการณ์การแข่งขันที่กำลังจะเกิดขึ้น” เพื่อให้รู้เท่าทันว่าทีมควรเล่นอย่างไร ควรฝึกอย่างไร และควรเติมสิ่งที่ขาดได้อย่างไรเพื่อให้ชนะการแข่งขันนั้นๆ

เช่นเดียวกับการฝึกฝนทักษะของตัวเอง เราควรมีการชี้วัดความสำเร็จหรือความคืบหน้าของเป้าหมาย พร้อมทั้งประเมินตัวเราเพื่อให้สามารถเข้าใกล้เป้าหมายนั้นได้
[ ] วัดความคืบหน้าว่าเรากำลังเข้าใกล้เป้าหมายนั้นหรือยัง
[ ] จุดแข็งหรือความสำเร็จอะไรที่ทำให้เราเข้าใกล้เป้าหมายนั้น
[ ] จุดอ่อนอะไรที่ทำให้เรายังไปไม่ถึงเป้าหมายนั้น
[ ] ทบทวนแผนการฝึกฝนของตัวเองว่าเหมาะสมหรือไม่ มีวิธีการอื่นๆ ที่ทำให้เราเข้าใกล้เป้าหมายได้ง่านขึ้นและเหนื่อยน้อยลงหรือไม่
[ ] ในจำนวนทักษะที่เรากำหนดไว้ตั้งแต่แรก มีทักษะไหนที่ควรเพิ่มและทักษะไหนที่ไม่จำเป็นอีกต่อไปหรือไม่

เมื่อเราเกิดการประเมินแล้ว เราจะเห็นลำดับความสำคัญของการฝึกฝนต่างๆ จนสามารถปรับแผนการพัฒนาตัวเองและสามารถกลับไป “ทำซ้ำๆ” ได้อย่างถูกทาง แล้วในท้ายที่สุดเราจะเข้าใกล้เป้าหมายนั้นได้เร็วมากขึ้น รวมถึงมีความเชี่ยวชาญในแบบที่เป็นประโยชน์จริงๆ ได้อีกด้วย

การทำซ้ำๆ เป็นเครื่องมืออันทรงพลังที่ทำให้เราเปลี่ยนอนาคตที่ดูไกลเกินเอื้อม ให้กลายเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้จริง ผ่านการเรียนรู้และการเติบโตอย่างช้าๆ ของตัวเอง ไม่ว่าเราจะมีเป้าหมายที่เล็กหรือยิ่งใหญ่แค่ไหน การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้เราได้ทำในสิ่งที่ไม่ถนัดจนกลายเป็นสิ่งที่ถนัดได้ และในที่สุด การประสบความสำเร็จในเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่นั้นก็จะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่ไม่แน่ใจในอนาคต หรือไม่รู้ว่าตัวเองควรเริ่มทำอะไรให้ประสบความสำเร็จ แต่อย่างน้อยก็ขอให้ลองลุกขึ้นมามองเป้าหมายนั้นด้วยความตั้งใจ แล้วเริ่มต้นใส่ใจกับเป้าหมายนั้น ลองวางแผน ค่อยๆ พัฒนาและฝึกฝนทักษะของตัวเองไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องเร่งรีบ แล้วทำสิ่งนั้นซ้ำๆ ลิ้มรสชาติของความผิดพลาดและการพัฒนาซ้ำๆ แล้วความสำเร็จก็จะสามารถเข้ามาหาตัวของเราได้โดยที่เราอาจจะไม่รู้ตัว


ที่มา
– The Power of Repetition, Christos Makridis, Medium- https://bit.ly/3uYVBpD
– The Power of Repetition in Learning: Unlocking Your Full Potential, Corey Butler, LinkedIn – https://bit.ly/3I3oSCw
– DOUG LEMOV, ERICA WOOLWAY, AND KATIE YEZZ. (2012). Practice Perfect: 42 Rules for Getting Better at Getting Better. Hoboken, NJ: Jossey-Bass.

#inspiration
#repetition
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

Advertisements
Advertisements

LASTEST ARTICLES

LASTEST PODCAST

Mission To The Moon
Mission To The Moon
พื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อแบ่งบันเรื่องราวเกี่ยวกับการทำธุรกิจ การตลาด แรงบันดาลใจ และข้อคิดในการใช้ชีวิต

POPULAR ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานและเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบล็อคการใช้งานคุกกี้ได้จากเบราว์เซอร์ที่ใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการใช้งานเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และวัดผลการทำงาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า