ความสุขของคนเลี้ยงสุนัขหรือคนรักสุนัขนั้นเรียบง่าย เพราะเพียงแค่ได้เห็นสุนัขอยู่ในสายตาครรลองสายตาก็สามารถเรียกรอยยิ้มออกมาได้แล้ว
สำหรับคนรักสุนัขอาจจะมองว่า เจ้าสัตว์สี่เท้าขนปุยและอารมณ์ดีตลอดเวลาตัวนี้เป็นมากกว่าสัตว์เลี้ยง เพราะมันช่วยเติมเต็มความสุขให้กับเรา ในวันที่เราผ่านมรสุมชีวิตมาอย่างโชกโชน เสียงเห่าเล็กๆ ก็ช่วยดึงเราออกจากอารมณ์แย่ๆ และพาเราไปเล่นตุ๊กตา โยนของ หรือพามันไปเดินเล่น ว่ายน้ำ หรือเทข้าวให้มันสักที เพียงเท่านี้ก็สามารถเปลี่ยนวันร้ายๆ ให้กลายเป็นวันที่ดีภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงได้แล้ว
นอกจากจะเป็นพื้นที่ความสุขให้กับเราแล้ว หลายคนอาจไม่รู้ว่าสุนัขเป็นแหล่งพลังงานความสุขให้กับตัวมันเองด้วย โดยเฉพาะลูกสุนัขที่แสนบริสุทธิ์และซุกซน ดูเหมือนพวกมันจะเป็นทั้งนักปรัชญาและนักสร้างแรงบันดาลใจตัวยง น่าเสียดายที่พวกมันพูดภาษาคนไม่ได้ จึงมีน้อยคนที่จะค้นพบปรัชญาความสุขในหมู่น้องหมา และเนื่องในโอกาสวันที่ 23 มีนาคม ของทุกปีซึ่งถือเป็น ‘วันลูกสุนัขแห่งชาติ’ ทั้งที มาดูกันว่าชีวิตเล่นๆ นอนๆ กินๆ แบบน้องหมา ให้ข้อคิดชีวิตเกี่ยวกับความสุข และให้แรงบันดาลใจอย่างไรกับเราบ้าง
มี ‘สติ’ อยู่กับปัจจุบันกันหน่อยสิมนุษย์!
สิ่งแรกที่มนุษย์มี แต่สุนัขไม่มีคือความเสียใจในอดีตที่ผ่านไปแล้ว และความกังวลต่ออนาคตที่ยังมาไม่ถึง ในขณะที่มนุษย์อย่างเราบางคนอาจจะไม่มีวันสลัดสิ่งเหล่านั้นทิ้งไปได้เลยตลอดชีวิตก็ได้ อาจเป็นเพราะข้อจำกัดทางด้านร่างกายของเรายังไม่เทียบเท่ากับสัตว์บางตัว เราจึงไม่อาจดำรงอยู่ได้โดยหวังพึ่งสัญชาตญาณเพียงอย่างเดียว
นั่นทำให้เราต้องคิด ‘วางแผน’ ว่าพรุ่งนี้จะกินอะไร วันข้างหน้าจะกินอะไร หรือจะหาอะไรให้ลูกหลานและครอบครัวของเราได้กิน ด้วยอวัยวะเดียวที่พอจะเอาชนะสัตว์ทั้งปวงได้นั่นก็คือสมองของเรานี่เอง แต่บางครั้งมันก็ทำให้เรารู้สึกเสียใจกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมากกว่าสัตว์ และอาจจะนานกว่าพวกมันเสียด้วย
ในขณะที่สุนัขไม่คิดเสียใจกับสิ่งที่เคยทำลงไป และไม่มานั่งกังวลกับความมั่นคงของชีวิตในวันพรุ่งนี้หรอกนะ ต่อให้เจ้าขนปุยของเราจะเคยทำผิดพลาด แต่มันก็ใช้ชีวิตต่อไปเหมือนว่าก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แน่นอนว่าเราสามารถสอนให้มันจดจำได้แต่สุนัขรู้สึกผิดไม่เก่งเท่ามนุษย์ และปัจจุบันของมันต้องสำคัญที่สุด!
หิวก็กิน อยากเล่นก็เล่น ง่วงก็นอน หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของสุนัขคือการทำให้ทุกวันของตัวเองเป็นวันที่ ‘Slow down your life to think less and feel more.’ โดยแนวคิดนี้คือปรัชญาแห่งความสุขข้อแรกที่เราได้จากสุนัข อย่าจมกับอดีต อย่ารีบเกินไป ใช้ชีวิตให้ช้าลงหน่อย คิดกังวลให้น้อย และเก็บเกี่ยวปัจจุบันให้มากเข้าไว้
ไม่ว่าจะคนหรือสุนัขก็ล้วนมีวันที่เหงาและวันที่ไม่สนุกด้วยกันทั้งนั้น บางครั้งเราก็เผลอทำอะไรโง่ๆ ลงไป อาจจะเพราะว่าตัดใจผิดพลาดหรือไม่ทันคิด แต่ความผิดพลาดนั้นก็ทำให้เราระมัดระวังกับอนาคตมากขึ้น จนบางทีก็ถึงขั้นมากเกินไป ดังนั้น เรามาลองให้อภัยตัวเองและอดีตที่ผ่านมาแล้ว อีกทั้งยังไม่อาจย้อนคืนกลับไปแก้ไขอะไรได้กันดูดีไหม?
อย่ามัวไปกังวลกับมันมากนักเลย เพราะความสุขในปัจจุบันของเราสำคัญที่สุดอย่างไรละมนุษย์!
รักอย่างไม่มีเงื่อนไข ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน (ขอแค่เกาพุงกับพาไปเดินเล่นก็พอ!)
ตารางที่วุ่นวายและชีวิตที่มีหลายสิ่งให้ไขว่คว้ามากมาย ทำให้คนเรา ‘หา’ มากกว่า ‘ให้’ เรามองหาโอกาสให้กับชีวิต มองหาเป้าหมาย ความฝัน แรงบันดาลใจ เงิน ฐานะ ความรัก และมิตรภาพ เราตั้งเป้าหมายในการตามหาสิ่งเหล่านี้ มากกว่าตั้งเป้าหมายที่จะแบ่งปันให้แก่ผู้คน
โลกความจริงของมนุษย์นั้นโหดร้าย เราโฟกัสกับความมั่นคงและเป้าหมายในอนาคตของตัวเอง ดังนั้นสำหรับมนุษย์แล้วการจะแบ่งปันได้ เราต้องมีให้มากพอที่จะแบ่งไปเสียก่อน แต่ในโลกของสุนัขไม่มีจำนวนเงิน ไม่ความสูงต่ำทางฐานะและอำนาจที่ซับซ้อนแบบคน สุนัขรู้จักแค่คนที่ดีกับมัน คนที่เลี้ยงมัน ให้ข้าวมัน อาบน้ำให้ และพามันไปเดินเล่น กับคนที่ร้ายกับมัน และตีมันก็เท่านั้น
เมื่อสุนัขรักกับเจ้าของ หรือใครสักคนขึ้นมาก็ให้รู้ได้เลยว่า คนคนนั้นคือคนที่มันสัมผัสได้ว่ารัก หวังดี และทำดีกับมันเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น ความรักของสุนัขยังเป็นความรู้สึกที่คงทน ถาวร และมันจะคู่เคียงข้างเจ้าของไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของมัน จนแทบจะเรียนว่าเป็น ‘รักแท้’ รูปแบบหนึ่งเลยก็ได้
จริงอยู่ว่าการเลี้ยงสุนัขบางครั้งก็ต้องใช้รางวัลเป็นตัวขับเคลื่อน บางตัวชอบขนม บางตัวชอบของเล่น บางตัวก็แค่เป็นเด็กดีเพื่อให้เจ้าของพาไปเดินเล่น รางวัลของสุนัขเป็นเพียงความสุขเล็กๆ ที่ทำให้ปัจจุบันของพวกมันเป็นช่วงเวลาเพลิดเพลินอย่างสุดแสนวิเศษ และไม่คิดร้าย หรืออยากได้ผลประโยชน์อะไรจากเราไปมากกว่านี้
การเปลี่ยนโลกทั้งใบอาจจะยากไปสักหน่อย แต่อย่างน้อยเราก็สามารถแบ่งปันความรักและความหวังดี ซึ่งเป็นสิ่งที่เราแทบไม่ต้องใช้แรงหรือเวลาในการตามหามันเลย การแสดงความรัก และส่งต่อความหวังดีให้กับคนรอบตัวของเรา โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนอะไรกลับมา ก็จะทำให้ชีวิตในแต่ละวันของเรามีความสุขมากกว่าเดิมได้มากขึ้นเยอะทีเดียว
‘สนุก’ เข้าไว้ แล้วแรงบันดาลใจจะมาหาเราเอง
บางคนอาจที่คิด หรือเคยถูกติติงด้วยประโยคที่ว่า “นี่มันใช่เวลาเล่นหรือ?” มักจะหยุดเล่นสนุก และหันมาทำอะไรที่จริงจังเพื่อเป้าหมายในอนาคตของชีวิตแทน แต่ไม่ใช่กับสุนัข และถ้าหากพวกมันพูดได้ก็คงจะถามสวนเรามาว่า “ถ้าไม่เล่นตอนนี้ แล้วจะให้เล่นตอนไหนละ?”
นอกจากนั้น ความสนุกของพวกมันยังมาพร้อมกับความขี้สงสัยใคร่รู้อีกด้วย จ้องมองทุกองศาขยับตัวของผู้คน ราวกับกำลังจะหาคำตอบว่าทำไม ทำไม ทำไม…และทำไม บางครั้งก็เดินดมกลิ่นของทุกสิ่งรอบข้าง ชิมรสของทุกอย่างรอบตัว พอเจออะไรถูกใจเข้าสักอย่างก็จะดีใจจนฉุดไม่อยู่ ทั้งกระดิกหาง และวิ่งปล่อยพลังไปเรื่อยๆ จนเหนื่อยก็หลับไป ทว่าพอตื่นขึ้นมาพวกมันก็เริ่มสงสัยใคร่รู้อีกครั้ง
ถ้าสุนัขพูดได้อย่างคน พวกมันอาจจะอยากให้เราปล่อยวางความกังวลในชีวิต เลิกใคร่ครวญถึงผลดีและผลเสียของบางสิ่ง และลองเสี่ยงกับมันสักหน่อย เผื่อจะได้รู้ว่าการทำตัวไร้สาระและสนุกกับสิ่งต่างรอบตัวมันสนุกและวิเศษแค่ไหน และไม่แน่ว่าการเล่นสนุกกับมันในครั้งนี้อาจจะทำให้เราพบเจอกับ ‘ตัวตนด้านใหม่’ ของตัวเองที่เราไม่เคยรู้มาก่อน เพราะไม่เคยออกมาเล่นสนุกก็ได้!
แรงบันดาลใจเกิดขึ้นได้เพราะความสงสัยแบบไม่มีสาระนี่ละ! หลายคนเคยได้ยินประโยคที่บอกว่า “จะออกไปหาแรงบันดาลใจ” แต่แรงบันดาลใจไม่ใช่สิ่งที่หาเจอได้ง่ายๆ หรอกนะ มันเป็นสิ่งนามธรรมที่ไม่มีทั้งรูป รส กลิ่นและเสียง แต่เราต้องเอาตัวเองไปสัมผัสรูป รส กลิ่นและเสียงโดยใช้ความสนุกเป็นตัวนำทางต่างหาก จึงจะสัมผัสได้ถึงแรงบันดาลใจ
แน่นอนว่าเราไม่อาจทำใจให้สนุกไปกับทุกเรื่องรอบตัวได้ เพราะชีวิตมาพร้อมกับความรับผิดชอบและความกดดันที่ยิ่งใหญ่ แต่ขอแค่บางวัน บางเวลา หรืออาจจะแค่หลักชั่วโมงเท่านั้นที่เราจะสามารถปล่อยให้ความอยากรู้อยากลองเข้าครอบงำ ใช้ความสนุกนำทาง ผิดพลาดไปบ้างก็ไม่เป็นไร ลองดูขำๆ แล้วแรงบันดาลใจก็จะวิ่งเข้ามาหาเราเอง
แม้ว่าแต่ละคนจะต่างกันทั้งในเรื่องพื้นฐานของชีวิต ต้นทุนชีวิตที่ไม่เท่ากัน ไลฟ์สไตล์ที่ไม่เหมือนกัน และเป้าหมายที่ไปกันคนละทิศคนละทาง แต่สิ่งที่จำเป็นกับทุกคน ไม่ว่าจะใครก็ตาม ก็คือพื้นที่เล็กๆ ของจิตใจที่สงบ พื้นที่ที่ให้เวลาเราได้แบ่งปันความรัก และพื้นที่ที่ปล่อยให้เราได้ลองทำอย่างสนุก โดยไม่ต้องกังวลกับมันมากจนเกินไป
ดังนั้น ใครที่กำลังตั้งใจใช้ชีวิตเพื่อเป้าหมายในอนาคตมากเกินไปจนเริ่มเหนื่อยล้า ก็อย่าเพิ่งหมดแรงและหมดไฟไปเสียก่อน ลองให้อภัยตัวเอง สำหรับความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นในอดีต แล้วพักสักนิดเพื่อปิดโหมดวุ่นวายด้วยการเล่นกับสุนัขที่รักของคุณดู หรือถ้าหากคุณไม่ใช่ Pet Parents ก็ลองนำนิสัยและปรัชญาชีวิตแบบน้องหมาเหล่านี้ไปปรับใช้ดู
แล้วคุณก็จะพบว่าความสุขและแรงบันดาลใจที่ได้จากพื้นที่ของความสงบ ความเรียบง่าย รวมถึงชีวิตที่สนุกสนานนั้นไม่ได้ไกลเกินเอื้อมเลยสักนิด
อ้างอิง
– How Dogs Inspire Us to Live More Mindfully : Little Pine – https://bit.ly/49T5rZh
#petparents
#inspiration
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast