หมู่บ้านกินคนที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก..
ดินแดนลึกลับที่ไม่มีกฎหมายใดบังคับใช้..
หมู่บ้านที่คนเล่าว่า ไม่ว่าใครเข้าไปก็จะกลายเป็นบ้า..
แต่ทำไมยังมีผู้กล้าจำนวนมากอยากเข้าไปลองของ!?!
ตำนานเมืองเรื่องนี้มีความจริงปนอยู่มากน้อยแค่ไหน มาหาคำตอบกัน
ณ ป่าลึกของจังหวัดฟุกุโอกะ บริเวณภูเขาทางตะวันออกมีหมู่บ้านที่ชื่อ “อินุนากิ” ตั้งอยู่ เป็นหมู่บ้านที่มีทางเข้า-ออกเพียงทางเดียว คือ ผ่านอุโมงค์อินุนากิ
คำว่า “อินุนากิ” นั้นแปลว่า “สุนัขโหยหวน” ซึ่งชื่อนี้มีที่มาจากหลายตำนาน บ้างก็ว่าในอดีตที่แห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของหมาป่าจำนวนมาก
บ้างก็บอกว่าตั้งตามเหตุการณ์น่าสลดที่เคยเกิดขึ้น ณ ที่แห่งนี้ ซึ่งเกี่ยวกับของครอบครัวหนึ่งที่เลี้ยงสุนัขไว้ แต่จู่ๆ คืนหนึ่ง สุนัขก็เห่าหอนจนผู้เป็นพ่อรู้สึกรำคาญ จนฆ่าสุนัขที่เลี้ยงไว้ พอรุ่งเช้าก็พบว่าทั้งบ้านกลายเป็นศพไปเสียแล้ว เพราะจริงๆ ที่เจ้าสุนัขเห่าหอนนั้นเพื่อเตือนเจ้านายว่ามีคนร้ายแอบเข้ามา
แต่เรื่องที่มาของชื่อนั้นไม่ได้น่าสนใจเท่าไรนัก เพราะประเด็นที่คนลือกันว่าหมู่บ้านแห่งนี้เป็น “หมู่บ้านกินคน” นั้นมีคนพูดถึงมากกว่ามาก
มีเรื่องเล่ากันว่า ในช่วงยุค ค.ศ.1970 หรือราวๆ 50 ปีที่แล้ว มีสามีภรรยาคู่หนึ่งขับรถข้ามจังหวัด แต่แล้วเครื่องยนต์ก็มีปัญหา ทั้งคู่จึงเดินตามถนนไปเรื่อยๆ เพื่อหาคนช่วย จนเดินลึกเข้าไปในป่า และได้พบกับหมู่บ้านประหลาดแห่งหนึ่ง
หมู่บ้านแห่งนี้ไร้ผู้คน มีแต่สิ่งสกปรก และบ้านเรือนที่ถูกทิ้งร้างเอาไว้ แถมบรรยากาศยังเงียบสงัดจนผิดปกติ ทั้งๆ ที่อยู่ในป่าแท้ๆ แต่กลับไม่ได้ยินเสียงแมลงและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อย่างที่ควรจะเป็น
ท่ามกลางความนิ่งไม่ไหวติง จู่ๆ ก็มีชายชราคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น เขาเสนอความช่วยเหลือและเชื้อเชิญให้คู่สามีภรรยาเข้ามาในหมู่บ้าน ก่อนจะพูดว่า
“พวกเราชอบที่มีแขกมาเยือน แต่น่าเศร้าใจที่วันหนึ่งพวกเขาก็จากไป”
แล้วชายชราก็นำเคียวเกี่ยวข้าวสับเข้าที่คอของสามีจนเสียชีวิตคาที่
ฝ่ายภรรยาตกใจและพยายามจะวิ่งหนี แต่โดนมือของชายชราคว้าไว้ทัน แม้จะอายุมาก แต่พละกำลังของชายผู้นี้ก็มากเกินกว่ารูปลักษณ์ภายนอกนัก เธอจึงโดนทุ่มลงพื้นอย่างแรงจนรู้สึกถึงซี่โครงที่แตกร้าว
และในขณะนั้นเอง เธอได้สังเกตเห็นว่าท่ามกลางความมืดของช่องว่างระหว่างบ้านนั้น หากมองให้ดีจะเห็นเงาตะคุ่มๆ ของอะไรสักอย่างอยู่ เมื่อสายตาปรับชัด ก็เห็นได้ว่ามันคือกองของศพที่เน่าเปื่อย ณ วินาทีนั้น เธอเข้าใจแล้วว่า ทำไมสถานที่แห่งนี้จึงเงียบสงัดนัก เป็นเพราะทุกคนในหมู่บ้านได้ตายไปหมดแล้วนั่นเอง
เคียวจากชายชราฟาดตัดร่างของเธอ และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้ยินเรื่องราวของพวกเขาทั้งสองอีกเลย ส่วนรถสีขาวที่เสียและจอดทิ้งไว้ ก็กลายมาเป็นอนุสรณ์เตือนใจ ไม่ให้คนนอกย่างกรายเข้าไปประสบชะตาเดียวกับที่พวกเขาเจอ
อีกตำนานเล่าว่า หมู่บ้านอินุนากิเป็นหมู่บ้านที่ตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสมบูรณ์ และที่ตั้งของหมู่บ้านนั้นยังเป็นความลับ ไม่มีใครทราบถึงตำแหน่งที่ชัดเจน จะมีก็แต่ป้ายที่ปักอยู่บริเวณหน้าหมู่บ้านคอยบอกว่าถึงหมู่บ้านแห่งนี้แล้ว บนป้ายมีข้อความว่า
“พ้นจากเขตนี้เป็นต้นไป กฎหมายและรัฐธรรมนูญญี่ปุ่นไม่มีผลบังคับใช้”
ในตำนานนี้เล่าว่าหมู่บ้านอินุนากิถูกตั้งมาตั้งแต่สมัยเอโดะ คนในหมู่บ้านไม่ค่อยสุงสิงกับคนนอก และไม่ต้อนรับใครให้เข้าสู่หมู่บ้านของตน
ความสันโดษนี้เอง ทำให้คนในหมู่บ้านมีการใช้ภาษาญี่ปุ่นที่แปลกและแตกต่างจากภาษาญี่ปุ่นที่เรารู้จัก มีการสื่อสารเป็นของตนเอง และมีประเพณีที่แปลกจากที่อื่น โดยเฉพาะพิธีกรรมในการสมสู่กันระหว่างคนในครอบครัว
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ชาวบ้านที่นี่คอยทำหน้าที่ตัดไม้และเผาฟืน ส่งให้กับภาครัฐผ่านทางอุโมงค์อินุนากิ แต่เมื่อสงครามจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของญี่ปุ่น ปัญหาความยากไร้กระจายไปทั่วประเทศ หมู่บ้านที่ไกลความเจริญอย่างอินุนากิยิ่งแร้นแค้นเข้าไปใหญ่ จึงทำให้คนในหมู่บ้านอดอยาก จนกระทั่งตัดสินใจหันมากินเนื้อมนุษย์กันเอง มีทั้งการเข่นฆ่ากันในหมู่บ้านและการไล่ฆ่าคนนอกที่หลงเข้ามาในเขตด้วยการเอาขวานรุมสับ
ณ ใจกลางหมู่บ้าน คือ กระท่อมที่ทำจากกระดูกของมนุษย์ที่ล่วงล้ำเข้ามายังหมู่บ้านต้องห้ามนี้ จนกลายเป็นเหยื่อของความรุนแรง และเป็นดั่งอนุสรณ์ที่ย้ำถึงความวิปริตของคนในหมู่บ้านอินุนากิ
ในท้ายที่สุด รัฐบาลตัดสินใจเอาเสาปูนไปอุดอุโมงค์ไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ใครหลงเข้าไป และไม่ให้คนในหมู่บ้านออกมาได้อีก
บ้างก็ว่าหลังจากนั้นผู้คนต่างล้มหายตายจากไปเพราะมีโรคระบาดเกิดขึ้น บ้างก็ว่า เป็นเพราะการฆ่ากินกันเองจนสุดท้ายก็กลายเป็นหมู่บ้านร้างไป
ในปี 1999 สำนักข่าว Nippon TV ได้รับจดหมายจากทางบ้าน พูดถึงหมู่บ้านอินุนากิที่เต็มไปด้วยเหล่าฆาตกรกินคน และต้องการให้มาทำสกูปสืบหาความจริง เรื่องเล่าอันน่าสยดสยองนี่จึงเป็นที่รู้จักมากขึ้น และพอเรื่องราวแพร่กระจายไป ก็เกิดการแต่งตามจนกลายมาเป็นตำนานต่างๆ
มีผู้คนจำนวนมากที่สนใจและอยากเข้ามาลองของ หมู่บ้านแห่งนี้จึงเต็มไปด้วยเหล่าผู้ท้าทาย บล็อกเกอร์ และยูทูบเบอร์ แม้ในช่วงที่โควิด-19 ระบาดก็ยังมีผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลมาที่หมู่บ้านลับแลแห่งนี้
แล้วประวัติศาสตร์จริงๆ ของหมู่บ้านนี่ล่ะ?
ในเชิงประวัติศาสตร์ หมู่บ้านอินุนากินี้มีตัวตนอยู่จริงตั้งแต่ยุคเอโดะ แต่ไม่ได้เป็นหมู่บ้านปิดตาย หรือหมู่บ้านลับแลตามที่เข้าใจ เพราะมีการค้าขายกับหมู่บ้านอื่นๆ แถมยังขึ้นชื่อเรื่องทำถ้วยชาม การตีเหล็ก และการทำเหมืองถ่านหินอีกด้วย
ส่วนเรื่องไม่มีคนในหมู่บ้านนั้นก็ไม่ใช่เพราะคนกินกันเองแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะในช่วงยุค 1970 รัฐบาลตั้งใจจะสร้างเขื่อนบริเวณนั้น หมู่บ้านจึงถูกปิดตัวลงและคนในหมู่บ้านต้องอพยพไปอาศัยที่อื่นแทน
ส่วนอุโมงค์ที่ปิดตายด้วยคอนกรีตนั้นก็ไม่ใช่เพื่อป้องกันคนจากหมู่บ้านอันตราย แต่ปิดเอาไว้เพราะรัฐบาลท้องถิ่นมองว่าอุโมงค์แห่งนี้ไม่ค่อยได้ใช้งาน ไม่ได้มีการดูแลรักษา อาจถล่มขึ้นมาได้หากปล่อยไว้ และนี่ก็คือความจริงของตำนานหมู่บ้านอินุนากิ
หมายเหตุ : เรื่องราวของอุโมงค์และหมู่บ้านอินุนากิได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ ฮิซาดะ ทัตสึกิ แต่งนวนิยายที่มีชื่อว่า “อินุนากิ หมู่บ้านหมาหอน” ขึ้นมา และต่อมาก็ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ ที่มีชื่อไทยว่า “อุโมงค์ผีดุ” นั่นเอง
ฟังเนื้อหาเต็มๆ ได้ที่ : https://youtu.be/GOQIFc3Y_50
#MissionToPlutoPodcast
#TimeToPlayPodcast