“พี่อันตรายนะ น้องไหวเหรอ?” ประโยคที่วัยรุ่นไทยชอบใช้อธิบายความ “รว้ายๆ” ของตัวเอง อาจฟังดูธรรมดาไปเลย เมื่อเทียบกับความอันตรายแสนร้ายกาจ ของฆาตกรสาวรายนี้ที่มีชื่อว่า Caroline H.
เธอคือหญิงสาวผู้ก่อเรื่องราวที่ทั้งฉาวและโหดไว้มากมาย เพราะปมฝังใจในอดีต ที่เคยถูกโลกทั้งใบยัดเยียดบทให้เป็น “ผู้ถูกกระทำ” สลับกับการโดนทำร้าย ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ จนเมื่อเติบใหญ่ มุมมองที่มีต่อโลกก็เปลี่ยนไป
เธอหันมาเป็นคนที่โหดเหี้ยมเกินกว่าจะหยุดยั้ง
ซึ่งเกิดจากคติที่ว่า “แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะอยู่รอด” และ “ทุกความแค้นสมควรได้รับการชำระ” เป็นเหตุให้เกิดเรื่องน่าสลดทั้งต่อส่ิงของ สถานที่ และชีวิต ในดินแดนที่ขึ้นชื่อเรื่องความสงบสุขและสวยงามอย่างสวิตเซอร์แลนด์
ปี ค.ศ. 1991 เธอได้ก่อเหตุเผาตู้โทรศัพท์ เพื่อระบายความโมโหที่ตู้ดันมาเสียเอาในเวลาที่เธอต้องการใช้ และเมื่อเห็นเปลวเพลิงที่กำลังเผาไหม้ มันทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย และมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หลังจากนั้นเธอก็เริ่มติดใจในการก่ออาชญากรรม เช่น ขโมยของเพื่อสร้างความตื่นเต้นในชีวิต และก่อเหตุวางเพลิงอีกหลายสถานที่ เพื่อเพิ่มดีกรีความฟินในขณะที่ได้อ่านหน้าหนังสือพิมพ์ที่มีข่าวเกี่ยวกับวีรกรรมของเธอ
ปี ค.ศ. 1992 มีข่าวเหตุการณ์วางเพลิงสำนักงานแห่งหนึ่งในเมืองลูเซิร์น และต่อมาก็ได้ถูกจับในข้อหาพยายามล้วงกระเป๋าในสถานีรถไฟ แต่ด้วยความเพี้ยน เธออยากให้คนรู้ว่าเธอนี่แหละคือคนวางเพลิงสำนักงาน เลยร้องตะโกนออกไปว่า “ฉันนี่แหละคนวางเพลิง!!”
ปี ค.ศ. 1993 หลังจากสืบเรื่องราวทั้งหมด เจ้าหน้าที่จึงได้พบว่า Caroline H. ได้ก่อเหตุวางเพลิงไปกว่า 40 คดี แต่ “ความพีค” อยู่ที่เมื่อเธอได้พูดคุยกับจิตแพทย์ชาวฝรั่งเศส มันทำให้เธอนึกย้อนไปถึงปมในอดีต จนสติหลุดพุ่งเข้าไปบีบคอคุณหมอ แล้วได้เผลอหลุดพูดเรื่องน่าสยดสยองที่มีเนื้อความว่า
“ฉันจะบีบคอแกให้ตายเหมือนผู้หญิงพวกนั้น” ซึ่งได้สะเทือนไปถึงสำนักงานตำรวจ ให้ตามล่าความจริงให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น?
เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบคดีฆาตกรรมที่มีในมือ พบว่ามีอยู่ 3 คดีที่ยังไม่สามารถปิดได้ ซึ่งล้วนแล้วมีความเชื่อมโยงกันคือ 1. เหยื่อเป็นผู้หญิง 2. เบาะแสชี้ว่าคนร้ายเป็นผู้ชาย และ 3. ลงมือด้วยการใช้มีดแทงบริเวณลำคอ
จากการหลุดปากในครั้งนี้ ส่งผลให้เจ้าหน้าที่สามารถสรุปได้ว่า คนร้ายใน 3 คดีฆาตกรรมปริศนา คือนาง Caroline H. จอมวางเพลิงคนนี้นี่เอง แต่สาเหตุที่ทำให้พยานและเบาะแสต่างๆ ชี้ว่าคนร้ายเป็นผู้ชาย เพราะเธอได้ตัดผมสั้น และมีลักษณะท่าเหมือนผู้ชายไม่มีผิด
โดยแรงจูงใจในการก่อเหตุสังหารทั้ง 3 ครั้งคือ “รู้สึกไม่พอใจในตัวหญิงสาวเหล่านั้น” อันเกิดจากปมในใจตั้งแต่เด็กที่ถูกรังแกอยู่เสมอ ทำให้เธอเกลียดความเป็นผู้หญิงอ่อนแอ ดังนั้นเมื่อพบเจอผู้หญิงที่ดูอ่อนแอ เลยขัดหูขัดตา และตัดสินว่าไม่สมควรจะมีชีวิตอยู่ต่อไป
#missiontopluto
#missiontoplutopodcast
#filenotfoundpodcast
ดูเนื้อหาอื่นๆ ของ File Not Found ได้ที่ https://missiontothemoon.co/category/podcast/file-not-found/
