BUSINESSทำไมฉาก “Bullet Time” จาก The Matrix ถึงเป็นฉากที่พลิกวงการภาพยนตร์ไปตลอดกาล

ทำไมฉาก “Bullet Time” จาก The Matrix ถึงเป็นฉากที่พลิกวงการภาพยนตร์ไปตลอดกาล

ภาพยนตร์นั้นเป็นเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสื่อบันเทิงที่มีความสำคัญ มีอิทธิพล และได้รับความนิยมมากที่สุดแขนงหนึ่งของโลก เรียกได้ว่าไม่ว่าคุณจะเป็นใครมาจากไหน อายุเท่าไหร่ ก็ต้องเคยดูหรือรู้จักหนังภาพยนตร์อย่างน้อยสักหนึ่งเรื่อง

และเมื่อเราลองมองเจาะลึกลงไปนั้น ภาพยนตร์เองก็เป็นสื่อที่เรียกได้ว่ามี “พลัง” ในการสื่อสารได้อย่างแยบยลเลยที่ทำให้เนื้อหาภายในภาพยนตร์นั้นค่อยๆ ซึมซับเข้าไปในจิตใจของคนดูจนข้อความเหล่านั้นค่อยๆ คืบคลานเข้าไปในชีวิตประจำวันของทุกคนโดยปริยาย หรือที่ ณ ปัจจุบันนั้นเรียกว่า Soft Power นั่นเอง ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ภาพยนตร์นั้น ถือว่าเป็นสื่อบันเทิงที่มีความครบอรรถรสและสื่อความหมายได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะภาพยนตร์นั้นเป็นสื่อที่มีทั้ง ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว ตัวอักษร และเสียง ผสมผสานร้อยเรียงกันออกมาเป็นเรื่องราวที่น่าตื่นตาตื่นใจ ยากที่จะหาสื่อบันเทิงแบบไหนมาเทียบเคียงความยิ่งใหญ่ได้

นั่นทำให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์นั้นสามารถคงความรุ่งเรืองมาได้นับร้อยปีจนมีภาพยนตร์มากมายถูกผลิตออกมาสู่สายตาของคนดูแบบนับไม่ถ้วน ซึ่งในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ทั้งหมดนั้นก็เต็มไปด้วยฉากภาพยนตร์ที่ตราตรึงใจคนดูนับล้านมากมาย แต่ถ้าพูดถึงหนึ่งในฉากภาพยนตร์ที่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในฉากภาพยนตร์ที่ติดอยู่ในใจคนทุกรุ่น และไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร ก็จะยังเป็นที่พูดถึงอยู่เสมอ นั่นก็คือ “Bullet Time” ในภาพยนตร์เรื่อง The Matrix

Advertisements

ความหมายแฝงที่อยู่เหนือกาลเวลา

The Matrix คือภาพยนตร์มหากาพย์ไซไฟ-ปรัชญา สุดคลาสสิกที่ว่าด้วยเรื่องราวของ นีโอ ชายหนุ่มธรรมดาที่ใช้ชีวิตง่ายๆ ไปวันๆ กระทั่งเขาได้พบบุรุษลึกลับที่บอกว่า เขาคือคนเดียวที่จะปกป้องโลกจากสงครามจักรกล โดยมีชายลึกลับฝึกให้นีโอเป็นนักรบไซเบอร์ ป้อนข้อมูลเข้าสู่สมองให้เขา ทั้งความรู้วิทยาการและศิลปะการต่อสู้ เพื่อจะได้ต่อกรกับ เดอะ เมทริกซ์ ศูนย์รวมพลังงานแห่งโลกใหม่ โลกทั้งโลกจึงฝากไว้กับนีโอแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งหลังจากออกฉายไปนั้น The Matrix ก็กลายเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับการพูดคุยถกเถียงกันอย่างแพร่หลาย ตั้งแต่กลุ่มคอหนังไปจนถึงคนดูทั่วไป เนื่องจากว่า The Matrix เป็นหนังที่สามารถตีความได้หลายแง่มุม รวมถึงตอบโจทย์ทั้งความสนุกและความซีเรียส จนถูกทำออกมาถึง 3 ภาคด้วยกัน

ตลอดภาพยนตร์ทั้ง 3 ภาคของ The Matrix นั้นก็อัดแน่นไปด้วยฉากแอ็กชันที่มีความเป็นเอกลักษณ์มากมาย แต่หนึ่งในฉากที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดจนถึงทุกวันนี้ก็คือฉาก “Bullet Time” อันเลื่องชื่อ โดยฉากนี้นั้นอยู่ในช่วงองค์สามของ The Matrix ภาคแรก ซึ่งเป็นฉากที่ นีโอ กำลังจะถูกเหล่าร้ายนั้นยิงปืนเข้าใส่แบบจ่อๆ แต่เขากลับสามารถโน้มตัวหลบกระสุนแบบสโลว์โมชัน ทำเอาผู้ชมทั่วโลกได้แต่อ้าปากค้าง โดยฉากนี้นั้นได้มีเทคนิคถ่ายทำที่เรียกว่า “Bullet Time” โดยเป็นการนำกล้อง DSLR จำนวนมากมาเรียงกันโค้งกันตามวิถีของมุมกล้อง และถ่ายภาพนิ่งท่าทางหลบกระสุนของนีโอ ผสมผสานกับเทคนิค CGI เล็กน้อยจนกลายมาเป็น “ฉากหลบกระสุน” สุดคลาสสิกจนโด่งดังไปทั่วโลก

ซึ่งฉาก Bullet Time นี้ ก็ไม่ได้มีดีแค่ความเท่ หรือเทคนิคการถ่ายทำแบบพิเศษเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่เป็น “ความหมาย” ที่ได้รับการ “สื่อสาร” ออกไปสู่คนดูโดยที่ไม่จำเป็นต้องพูดออกมาตรงๆ เลยแม้แต่น้อย โดยความหมายที่แท้จริงของฉากนี้ก็คือการที่ นีโอ ตัวเอกได้ปลดปล่อยจิตใจของเขาออกจากการเป็นส่วนหนึ่งของระบบเมทริกซ์ และได้ทำการพิสูจน์ตัวเองแล้วว่า จากชายธรรมดาๆ ที่ไม่มีความมั่นใจคนหนึ่งนั้น บัดนี้พร้อมที่จะก้าวขึ้นมาคือชายผู้ถูกเลือกมากอบกู้โลกจากจักรกล

ซึ่งความหมายที่ซ่อนอยู่ภายใต้ฉากแอ็กชันอันน่าตื่นตาตื่นใจก็คือแก่นของความพิเศษของฉากนี้ รวมถึงภาพยนตร์เรื่อง The Matrix ด้วย ที่สามารถสื่อสารความหมายและสามารถถูกตีความไปเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าการเป็นแค่ภาพยนตร์แอ็กชันเฉยๆ ทั้งหมดก็เพราะการออกแบบฉาก ให้สื่อมีความหมายแฝงมากมายคอยซ่อนอยู่ภายใต้ฉากแอ็กชันต่างๆ อยู่ตลอดภาพยนตร์ทั้ง 3 ภาค

สิ่งสำคัญคือความเฉพาะและความพิเศษ

ซึ่งทั้งหมดนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการออกแบบฉากที่มีความเฉพาะเจาะจงและเหมาะสมที่สุดสำหรับการ “สื่อสารความหมาย” ที่ผู้กำกับต้องการจะสื่อออกไปอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นในแง่มุมของการออกแบบภาพ ออกแบบเสียง ออกแบบคำพูด หรือออกแบบท่าทางของนักแสดงก็ตาม ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ความอิสระของการได้ออกแบบภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวในแบบที่เราต้องการจริงๆ นั้น มันเป็นสิ่งที่ล้ำค่าและสำคัญเป็นอย่างมากสำหรับคนทำงานในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์

Advertisements

ซึ่งลำพังคนทำงานทุกคนก็อาจจะไม่ได้มีโอกาสในการเข้าไปอยู่ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่มีเงินทุนจำนวนมากในการสร้างสรรค์สื่อที่มีความหมายและตราตรึงใจผู้คนเสมอไป อย่างไรก็ตาม ทุกคนก็สามารถเข้าถึงภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวสุดพิเศษเหล่านั้นได้ผ่านบริการคลังภาพสุดพิเศษจาก Shutterstock ที่ได้รวบรวมคอลเลกชันภาพสุดพิเศษต่างๆ มากมาย

ไม่ว่าจะเป็น A+E Network Collection ที่รวบรวมวิดีโอมากมายที่สามารถสื่อสารเรื่องราวออกมาได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ การจำลองเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ หรือแม้กระทั่ง CGI ก็ตาม

Condé Nast Archive คอลเลกชันที่รวบรวมภาพแฟชั่นไลฟ์สไตล์สุดแสนอันเป็นเอกลักษณ์จากนิตยสารชื่อดังมากมายไม่ว่าจะเป็น Vouge, Vanity Fair, หรือ GQ เปรียบเสมือนกับแคปซูลย้อนเวลาจากยุคศตวรรษที่ 20 มีทั้งเรื่องแฟชั่น การออกแบบ ความงาม การท่องเที่ยว อาหาร และศิลปะ

LIFE Picture Collection เป็นคลังภาพถ่ายชั้นยอดของเหตุการณ์สำคัญและช่วงเวลาอันลึกซึ้งตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 และ 20 ที่ครอบคลุมช่วงเวลาสุดสำคัญจากหลากหลายวงการทั่วโลกไม่ว่าจะเป็น การเมือง กีฬา บันเทิง สงคราม หรือ ศิลปะ

ซึ่งความพิเศษของทั้งสามคอลเลกชันนี้ก็คือ “เป็นภาพที่ไม่สามารถทำขึ้นมาใหม่ได้” เพราะมันคือเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น และทุกคนสามารถเข้าถึงภาพเหล่านี้ได้ ผ่าน Number 24 ตัวแทนชัตเตอร์สต็อกอย่างเป็นทางการในประเทศไทย

ด้วยคลังภาพและวิดีโอที่มีทั้งความพิเศษไม่เหมือนใคร และเต็มไปด้วยความหมายเหล่านี้ จะช่วยยกระดับงานสร้างสรรค์ของทุกคนไปอีกขั้นอย่างแน่นอน

ถ้าหากสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคอลเลกชันภาพสุดพิเศษของ Shutterstock ก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ https://www.shutterstock.com/th/editorial/collections/editorial-collections-home หรือติดต่อ บริษัท นัมเบอร์ 24 จำกัด ผู้เป็นตัวแทนชัตเตอร์สต็อกอย่างเป็นทางการ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยที่ www.number24.co.th, Line OA: @number24

#Number24xShutterstock
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

Advertisements

LASTEST ARTICLES

LASTEST PODCAST

Mission To The Moon
Mission To The Moon
พื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อแบ่งบันเรื่องราวเกี่ยวกับการทำธุรกิจ การตลาด แรงบันดาลใจ และข้อคิดในการใช้ชีวิต

POPULAR ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานและเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบล็อคการใช้งานคุกกี้ได้จากเบราว์เซอร์ที่ใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการใช้งานเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และวัดผลการทำงาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า