ENTERTAINMENT'มัลลิน' ชายตรรกะป่วยไล่ฆ่ามนุษย์เพื่อ ‘ธรรมชาติ’

‘มัลลิน’ ชายตรรกะป่วยไล่ฆ่ามนุษย์เพื่อ ‘ธรรมชาติ’

ถ้าหากอยู่มาวันหนึ่ง คุณเกิดรู้ความจริงว่า โลกกำลังจะมีแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เกิดขึ้น คุณจะทำอย่างไร? เราหลายๆ คนก็คงจะรีบหาทางป้องกัน รีบแจ้งผู้คนให้อพยพ หรือรีบไปบอกหน่วยงานให้รู้เพื่อวางแผนรับมือ

แต่ไม่ใช่สำหรับชายที่ชื่อว่า “เฮอเบิร์ท มัลลิน” ที่เลือกทำสิ่งที่แตกต่างออกไป ซึ่งสยดสยอง และโหดเหี้ยมเกินจินตนาการ

เฮอร์เบิร์ท มัลลิน ในวัยเด็กนั้นเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีพิษมีภัยอะไร เกิดและเติบโตที่รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา มีครอบครัวที่อบอุ่นที่ให้ความรัก ส่งเสริมด้านการเรียน รวมถึงพร้อมที่จะสนับสนุนเขาเป็นอย่างดี


แต่เมื่อเขาเรียนจบมัธยมปลาย มัลลินก็ต้องพบกับ “จุดเปลี่ยนในชีวิต”ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจเขาเป็นอย่างมาก เพราะเพื่อนสนิทที่สุดของเขาได้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ การตายของเพื่อนสนิททำให้หัวใจของมัลลินแตกสลาย และกลับกลายคนละคนอย่างสิ้นเชิง

มัลลินเริ่มติดยาเสพติด และแสดงลักษณะของผู้มีอาการทางจิตออกมาให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง เขาบอกคนรอบตัวว่าตัวเองกำลังจะเป็นพวกรักร่วมเพศ คลุ้มคลั่ง เริ่มพูดจาเลอะเลือนมากขึ้นเรื่อยๆ จนครอบครัวเขาต้องส่งตัวเขาไปรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวช

หลังจากถูกปล่อยตัวออกมา อาการของเขาก็ยังคงเหมือนเดิม แถมดูเหมือนจะแย่ลงไปอีก มัลลินเริ่มทำร้ายตัวเองด้วยวิธีต่างๆ เขาเอาบุหรี่มาจี้ตามร่างกาย ตะโกนด่าทอคนอื่นไปทั่ว แต่ครอบครัวของเขาก็ช่วยกันประคับประคองอาการให้ดีที่สุด จนกระทั่งปี 1972 ซึ่งมัลลินอายุได้ 25 ปี และย้ายกลับมาอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย

ในปี 1972 นั้นเอง ก็เป็นปีที่มีการพยากรณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ซึ่งมัลลินก็เอาแต่หมกมุ่นถึงวิธีการยับยั้งแผ่นดินไหวครั้งนี้ให้ได้ ซึ่งในท้ายที่สุด เขาก็ค้นพบวิธีการเข้าจนได้

ในวันที่ 13 ตุลาคมของปี 1972 มัลลินได้บังเอิญไปเจอกับชายจรจัดคนหนึ่งชื่อว่า ลอว์เรนซ์ ซึ่งมัลลินก็ได้เริ่มแผนการหยุดยั้งแผ่นดินไหวของเขาทันที เริ่มจากแกล้งทำเป็นบอก ลอว์เรนซ์ว่าให้มาช่วยดูรถที่เครื่องยนต์เสียให้หน่อย และในจังหวะที่ลอว์เรนซ์กำลังก้มมองเครื่องยนต์อยู่ มัลลินก็ได้หยิบไม้เบสบอลหวดเข้าไปที่ขมับของลอว์เรนซ์อย่างเต็มแรง แถมยังใช้ไม้เบสบอลฟาดซ้ำลงไปอีกหลายรอบ จนลอว์เรนซ์เสียชีวิตลง

ใช่แล้ว นี่แหละคือวิธีที่มัลลินเชื่อว่าจะสามารถหยุดยั้งแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ได้ มัลลินเชื่ออย่างปักใจว่า ตัวเขาต้องทำการ “สังเวย” ชีวิตของมนุษย์ให้ธรรมชาติพอใจ เพราะโลกตอนนี้ปราศจากสงคราม

หลายคนอาจงงว่ามันเกี่ยวอะไรกัน ซึ่งตรรกะของมัลลินก็คือ.. ในขณะที่เกิดสงครามเวียดนามที่คร่าชีวิตคนไปมากมาย โลกแทบไม่มีเหตุการณ์แผ่นดินไหวเลย แต่แล้วพอสงครามจบลง ไม่มีคนเสียชีวิตมากพอ แผ่นดินก็จะไหวอีก มันจึงเป็นภารกิจของเขาที่จำเป็นต้องหาผู้เสียสละชีวิตใหม่ๆ มาเพิ่ม ก่อนที่แผ่นดินไหว และธรรมชาติจะทำลายล้างมนุษย์จนหมดสิ้น เขาจึงต้องเริ่มฆ่าคน ฆ่าไปเรื่อยๆ ฆ่าให้เยอะที่สุด ฆ่าเพื่อทดแทนการที่โลกปราศจากสงคราม นับตั้งแต่นั้นมา มัลลินก็เริ่มภารกิจไล่ล่าหาเหยื่อเพื่อมาสังเวยให้กับธรรมชาติทันที

เพียง 11 วันให้หลัง เขาเจอกับนักศึกษาสาวชื่อว่า แมรี มากาเร็ต กิลฟอยล์ (Mary Margaret Guilfoyle) โดยเขาอาสาว่าจะไปส่งเธอ แต่หลังจากรับเธอขึ้นรถแล้ว มัลลินหยิบมีดที่เตรียมมา แทงไปที่หน้าอก และหลังของแมรี โดยที่เธอยังไม่ทันตั้งตัว นอกจากนั้นเขาได้ชำแหละร่างของแมรี แถมเอาอวัยวะภายในของเธอไปพาดตามกิ่งไม้ในป่าข้างทางอีกด้วย

อีกไม่กี่วันถัดมา อยู่ดีๆ เขาจึงเดินไปสารภาพบาปกับบาทหลวงที่โบสถ์แห่งหนึ่ง ซึ่งหลังจากเขาทำการสารภาพบาปทั้งหมดแบบไม่มีกั๊ก พอบาทหลวงคนนั้นฟังก็ถึงกับหน้าซีดทันที เหมือนรู้ว่าชะตาของเขาได้ขาดลงแล้ว และในจังหวะนั้นเอง มัลลินก็พุ่งเข้าทำร้ายบาทหลวงด้วยการทุบตี เตะ และใช้มีดแทงจนบาทหลวงเสียชีวิต ถือว่าเป็นการฆ่าปิดปาก แถมยังได้สังเวยชีวิตให้กับธรรมชาติได้อีกหนึ่งชีวิต

อีกไม่กี่เดือนต่อมา มัลลินก็ลงมืออีกครั้ง โดยขณะที่เขากำลังเดินทางไปหาเพื่อนที่ชื่อว่า จิม ราล์ฟ เจียเนรา (Jim Ralph Gianera) เขาจอดรถถามทางที่บ้านหลังหนึ่ง แต่หลังจากเจ้าของบ้าน เคธี ฟรานซิส (Kathy Francis) ออกมาต้อนรับ มัลลินกลับชักปืนขึ้นมายิงเคธีทันที จากนั้นก็เข้าไปฆ่าลูกชายทั้ง 2 ของเคธีอย่างไร้เหตุผล ทั้งๆ ที่เด็กทั้ง 2 คนมีอายุเพียง 9 ขวบ และ 4 ขวบเท่านั้น

เสร็จภารกิจที่บ้านหลังนี้ มัลลินก็ขับรถไปที่บ้านของ จิม ทันที โดยมัลลินยิงจิมทิ้งอย่างรวดเร็ว พังประตูห้องน้ำเข้าไป ยิงโจแอน ภรรยาของจิมเสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยม และหนีไปอีกเช่นเคย ซึ่งตำรวจเองก็ลงมาสืบสวนเหตุการณ์นี้ แต่ก็ไม่เคยคิดจะโยงถึงตัวมัลลินเลย

หนึ่งเดือนผ่านไป มัลลินไปเที่ยวเล่นในป่าของสวนสาธารณะของเมืองซานตาครูซ ได้พบกับแก๊ง วัยรุ่นสี่คนที่กำลังตั้งแคมป์กันอยู่ ซึ่งบริเวณที่เหล่าวัยรุ่นตั้งแคมป์อยู่นั้น มันเป็นบริเวณที่ผิดกฎหมาย และไม่ได้อนุญาตให้เข้าไป ทำให้มัลลินโมโหมากๆ (ข้อหารบกวนธรรมชาติ)

พอตกดึกคืนนั้น มัลลินได้ไปตรวจดูแก๊งวัยรุ่นอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาหยิบปืน .22 ขึ้นมา ยิงกระหน่ำวัยรุ่นทั้ง 4 คนอย่างเลือดเย็น และไร้ความรู้สึกผิด เขาเชื่อว่าสิ่งที่เขากำลังทำอยู่นั้นได้ผล เพราะตลอดเวลากว่า 5 เดือนที่เขาได้เริ่มภารกิจไล่ฆ่ามนุษย์เพื่อธรรมชาตินั้น ไม่มีเหตุแผ่นดินไหวเกิดขึ้นเลย

มัลลินลงมือฆ่าคนแบบไร้เหตุผลขึ้นเรื่อยๆ เขาเริ่มฆ่าคนเพียงเพราะว่าเห็นแล้วถูกชะตาเท่านั้น เพียงสามวันจากที่เขาได้ทำการฆ่าแก๊งวัยรุ่น เขาบังเอิญไปถูกใจชายวัย 72 ปี ชื่อ เฟรด แอบบี้ เปเรซ (Fred Abbie Perez) ทั้งๆ ที่คนคนนี้ไม่ได้ทำอะไรเลย แค่ทำงานอยู่สวนหลังบ้านของตัวเองเท่านั้น

พอมัลลินมองแล้วถูกชะตา เขาจอดรถที่กลางถนนในเวลากลางวันแสกๆ ตั้งปืนไรเฟิลบนกระโปรงรถ และยิงไปที่หัวของ เฟรด เสียชีวิตคาที่ แต่โชคดีที่เพราะความไม่ระวังของเขาในครั้งนี้ ได้มีเพื่อนบ้านของเฟรดเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และรีบแจ้งตำรวจทันที

ขณะที่ตำรวจกำลังเข้าจับกุมตัว มัลลินเองก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขืนใดๆ โดยเขาให้การว่า เขาได้ยินเสียงประหลาดที่สั่งให้เขาฆ่าคน เพื่อปกป้องโลก แถมยังอธิบายทฤษฎีเรื่องการเสียสละชีวิตของมนุษย์ให้กับธรรมชาติให้ศาลฟังอีก

สุดท้าย หลังจากผ่านการสู้คดีอยู่หลายปี จากการสืบสวน และตรวจสอบอย่างละเอียดของตำรวจ ก็สรุปได้ว่า เฉพาะเหยื่อของนาย มัลลินเพียงคนเดียวนั้นถูกระบุ และยืนยันได้ชัดเจนถึง 21 รายเลยทีเดียว

ด้วยเหตุนี้แล้วศาลก็มีคำตัดสินให้มัลลินมีความผิดจริง และรับโทษจำคุกตลอดชีวิต โดยมัลลิน พยายามจะขออุทธรณ์ เพื่อลดโทษอยู่หลายครั้ง ซึ่งในปี 2021 ที่ผ่านมา เขาได้พยายามขออุทธรณ์เป็นครั้งที่ 8 แต่ก็ยังถูกปฏิเสธเหมือนเดิม จนสุดท้ายตอนนี้ มัลลินก็มีอายุ 75 ปีแล้ว เขาไม่น่าจะหมดสิทธิ์กลับออกมาใช้ชีวิตอิสระร่วมกับผู้คนได้อีกครั้ง และเราก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่า สิ่งโหดร้ายที่มัลลินได้กระทำลงไปนั้น เป็นสิ่งที่ธรรมชาติต้องการจริงๆ หรือไม่

สามารถรับฟัง File Not Found EP. 122 | ชายตรรกะป่วย ไล่ฆ่ามนุษย์เพื่อ ‘ธรรมชาติ’แบบเต็มๆ ได้ที่: https://youtu.be/GmCxrnKOamk


#filenotfoundpodcast
#plutomysteryclub
#missiontoplutopodcast

Advertisements
Advertisements

LASTEST ARTICLES

LASTEST PODCAST

Mission To The Moon
Mission To The Moon
พื้นที่ที่สร้างขึ้นเพื่อแบ่งบันเรื่องราวเกี่ยวกับการทำธุรกิจ การตลาด แรงบันดาลใจ และข้อคิดในการใช้ชีวิต

POPULAR ARTICLES

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่มีความจำเป็น (Strictly Necessary Cookies)
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ที่มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งานและเข้าชมเว็บไซต์ได้อย่างเป็นปกติ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถบล็อคการใช้งานคุกกี้ได้จากเบราว์เซอร์ที่ใช้งาน ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบกับการใช้งานเว็บไซต์ได้

  • คุกกี้สำหรับการวิเคราะห์และวัดผลการทำงาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้

บันทึกการตั้งค่า