คริสตี้ ชีทส์ และ เจสัน ชีทส์ คือคู่รักธรรมดาคู่หนึ่งในรัฐแอละแบมา ประเทศสหรัฐอเมริกา
ตัดสินใจจะสร้างครอบครัวขึ้นมาด้วยกัน โดยทั้งคู่ก็ได้มีลูกสาวที่น่ารักสองคน ชื่อว่า เทย์เลอร์ และ แมดิสัน ชีทส์
หลังจากมีลูกได้ไม่นาน ครอบครัวชีทส์ ก็ได้ย้ายถิ่นฐานไปสร้างตัวใหม่ Fort Bend County รัฐเท็กซัสแทน โดยพวกเขาเป็นครอบครัว พ่อ แม่ ลูก 4 คน ที่สนิทสนมกันเป็นอย่างมาก คริสตี้ผู้เป็นแม่ ก็เป็นผู้ใช้ Facebook ตัวยง ที่จะคอยโพสต์อัปเดตว่าครอบครัวของพวกเขาทำอะไรที่ไหนอย่างไรเมื่อไหร่ตลอดเวลา ทำให้คนภายนอกนั้น รับรู้ได้ถึงความรักภายในครอบครัวนี้เป็นอย่างดี
“Happy Daughters’ Day to ลูกรักทั้ง 2 คนที่ทั้งฉลาด แสนสวยและน่ารักของฉัน ฉันรักและหวงแหนลูกทั้ง 2 คนมากกว่าที่ลูกจะจินตนาการได้เลยล่ะ” คริสตี้ ชีทส์ ได้โพสต์คำอวยพรนี้ต่อลูกรักทั้ง 2 ของเธอ ก็เรียกว่าทุกคนจะได้เห็นโพสต์น่ารักๆ ประเภทนี้แทบจะทุกวันเลยทีเดียว แต่สิ่งทั้งหมดที่คริสตี้โพสต์ลง Facebook นั้นมันไม่ได้เป็นเรื่องที่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย ครอบครัวชีทส์จึงนับว่าเป็นครอบครัวที่ดีและสมบูรณ์เอามากๆ ทั้งบนโลกโซเชียลและชีวิตจริง
จุดเปลี่ยนชีวิต ที่ดิ่งเข้าสู่ภาวะ “ซึมเศร้า”
แต่แล้ว ก็เกิดเหตุการณ์ที่นับว่าเป็นจุดเปลี่ยนในครอบครัวนี้เลยก็ว่าได้ เนื่องจากช่วงต้นปี 2012 คุณปู่ของคริสตี้ก็ถึงแก่กรรม โดยคุณปู่คนนี้เป็นคนที่คริสตี้รักและเคารพมากๆ ดังนั้นการจากไปของเขา มันบาดลึกลงไปในจิตใจและความรู้สึกของคริสตี้ มันบาดมากเสียจนทำให้เธอเข้าสู่ภาวะ “ซึมเศร้า”
เท่านั้นไม่พอ ไม่กี่เดือนต่อมา คุณแม่ของคริสตี้ ก็ได้เสียชีวิตตามคุณปู่ของเธอไปอีกคน ทำให้หัวใจของเธอแทบแหลกสลาย แม่คนนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่แม่ แต่เป็นเหมือนเพื่อนสนิทที่ดีที่สุดอีกด้วย และการสูญเสียคนที่รักและสำคัญในชีวิตไปติดๆ กัน ทำให้ภาวะซึมเศร้าของเธอแย่ลงเป็นอย่างมาก และมันส่งผลต่อความสัมพันธ์ของเธอต่อครอบครัวและเพื่อนๆ อย่างเห็นได้ชัด บรรยากาศภายในครอบครัวชีทส์ ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
คริสตี้ดูไม่สดใสเหมือนเดิม เธอดูตึงเครียดและเศร้าหมอง โดยมีอารมณ์ที่แปรปรวนและไม่ค่อยยอมรับประทานอาหารตามเวลา แต่ที่ร้ายแรงที่สุดก็คือ คริสตี้พยายามที่จะคร่าชีวิตตัวเองถึงสามครั้ง เพียงแต่ทุกครั้งมีคนเข้ามาช่วยเหลือเธอไว้ได้ทันเวลา
พอเห็นอย่างนี้ ทางครอบครัวชีทส์เห็นแบบนี้ก็อยู่นิ่งไม่ได้ พวกเขาตัดสินใจส่งคริสตี้ไปรับการรักษากับจิตแพทย์ แต่คริสตี้ก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่ แถมยังกลายเป็นคนติดเหล้าอย่างหนัก เธอเลือกที่จะดื่มเพื่อบรรเทาความเศร้า
โดยครอบครัวก็พยายามประคับประคองอาการของคริสตี้อย่างเต็มความสามารถมาโดยตลอดประมาณ 4 ปี แต่สุดท้ายครอบครัวนี้ก็ไม่สามารถกลับไปสนิทสนมกันเหมือนเดิมได้ จนทำให้เจสันและคริสตี้ เริ่มคิดว่าพวกเขาจะหย่าจากกันดีหรือไม่
ตัวคริสตี้รู้สึกว่าเจสันไม่ค่อยสนใจในความรู้สึกและความเศร้าของเธอ ในขณะที่เจสันรู้สึกว่าคริสตี้ทำให้เขาอึดอัดและสร้างกำแพงกับเขาอยู่เสมอ โดยต่อให้เจสันพยายามปลอบประโลมและดูแลภรรยาอย่างไร คริสตี้ยังรู้สึกโดดเดี่ยวและรู้สึกว่า ไม่มีใครที่เข้าใจความเจ็บปวดของเธอได้เลย
ไม่ใช่แค่ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาเท่านั้น แม้แต่กับลูกๆ ของคริสตี้เอง ที่เดิมไม่เคยมีปัญหากันเลย ก็กลายเป็นว่าพวกเขามักเริ่มที่จะมีปากเสียงกันบ่อย โดยเฉพาะกับเทย์เลอร์ลูกสาวคนโต ที่กำลังวางแผนจะแต่งงานกับคู่หมั้นของเธอในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่คริสตี้รู้สึกว่า เทย์เลอร์ มักจะกีดกันไม่ให้เธอได้เจอหน้าหรือพูดคุยกับคู่หมั้นของตัวเองเลย ซึ่งมันทำให้คริสตี้ถึงกับโกรธจัด จนบอกว่าเธออยากจะจัด Family Meeting เพื่อเรียกทุกคนในครอบครัว มานั่งคุยกันแบบจริงๆ จังๆ
การรวมตัวครั้งสุดท้าย ของครอบครัวชีทส์
เจสันคิดว่า คริสตี้คงอยากจะเคลียร์ใจกับเทย์เลอร์ ที่ทั้งคู่ทะเลาะกันอย่างรุนแรงก่อนหน้านี้ หรือไม่ก็อาจจะบอกลูกๆ ว่าพ่อแม่มีแผนที่จะหย่าร้างกัน โดยตอนนั้นทั้งคู่ยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับทั้งเทย์เลอร์และแมดิสัน อย่างไรก็ตาม ทุกคนก็ให้ความร่วมมือกันดีและมาเจอกันตามนัดหมาย ขณะที่พวกเขานั่งลงประชุมกัน สมาชิกในครอบครัวสังเกตเห็นว่า มันมีอะไรบางอย่างผิดปกติในตัวคริสตี้ และเธอก็ชักปืนออกมา!
ในขณะที่ลูกสาวทั้ง 2 คนต่างอยู่ในอาการหวาดกลัวสุดขีด พวกเธอร้องไห้และพูดว่า “ได้โปรดอย่ายิงพวกเราเลย” เจสันพยายามจะต่อรองโดยการบอกว่า “อย่าเล็งปืนมาที่พวกเราเลยนะ ฉันสัญญาว่าหากคุณต้องการอะไร…” แต่ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ คริสตี้ก็ตะโกนขึ้นมาว่า “หยุดพูด!” ก่อนที่สิ่งที่ทุกคนกลัวจะเกิดขึ้น คริสตี้เหนี่ยวไกปืนดังปัง!! กระสุนพุ่งตรงไปที่เทยเลอร์ทันที
เจสันรีบพุ่งตัวไปที่เทย์เลอร์ที่ถูกยิง แต่ยังมีชีวิตอยู่ เขารีบตะโกนบอกแมดิสันลูกสาวอีกคนว่าให้รีบหนีออกจากบ้านไป แมดิสันรีบวิ่งไปทางประตูหน้าบ้าน ท่ามกลางความโกลาหล พร้อมกับพยายามโทรศัพท์แจ้งตำรวจไปด้วย ซึ่งไม่กี่ก้าว ก่อนที่แมดิสันจะวิ่งถึงหน้าประตู คริสตี้หันไปยิงแมดิสัน ที่ล้มและเสียชีวิตทันทีก่อนถึงประตูทางออกเพียงไม่กี่เมตร แต่ตอนนั้น ปลายสายที่เธอกดโทรหาตำรวจค้างไว้ ก็มีเจ้าหน้าที่รับสายพอดี
ตำรวจที่ได้รับสายได้ยินเสียงกรีดร้องดังไปทั่วและเสียงของเจสันที่พยายามจะขอร้องให้คริสตี้ผู้เป็นภรรยาหยุดยิง ซึ่งได้ผลอยู่ครู่หนึ่ง ทำให้เขาสามารถพาเทย์เลอร์ที่บาดเจ็บหนัก หนีออกจากบ้านได้
เทย์เลอร์ได้โทรติดต่อ 911 อีกครั้ง แต่คริสตี้ยิงกระสุนนัดที่สองเข้าใส่เทย์เลอร์อีกครั้ง ซึ่งตอนนั้นเหล่าเพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์ต่างช่วยกันโทรแจ้งตำรวจ ในขณะที่เจสันและเทย์เลอร์ที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ พยายามหนีให้ไกลจากคริสตี้ให้มากที่สุด แต่ดูเหมือนจะไม่ทันการณ์ คริสตี้ได้วิ่งออกจากบ้าน จะพุ่งตรงมายังทั้งคู่และลั่นไกซ้ำใส่เทย์เลอร์เข้าไปอีกนัด
ณ ตอนนั้น ทางตำรวจก็ได้เหตุการณ์พอดี เสียงไซเรนดังไปทั่วตำรวจสั่งให้เธอวางอาวุธลง แต่คริสตี้กลับยิ้มและเพิกเฉยต่อคำสั่งเหล่านั้น และหันปืนไปทางเจสันแทน ทำให้ทันใดนั้นเองตำรวจ ตัดสินใจ ยิงปืนใส่คริสตี้เพื่อระงับเหตุ จนคริสตี้ล้มลงไปนอนแน่นิ่ง และเสียชีวิตคาที่
เจ้าหน้าที่รีบเข้าไปทำการช่วยเหลือเจสันและเทย์เลอร์ โดยเทย์เลอร์ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลด้วยเฮลิคอปเตอร์ แต่เทย์เลอร์ได้รับบาดแผลจากกระสุนปืนสามนัดด้วยกัน เธอบาดเจ็บสาหัสเกินกว่าที่แพทย์จะช่วยชีวิตได้ เทย์เลอร์จากโลกนี้ก่อนที่เธอจะได้เข้าพิธีแต่งงานในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเท่านั้น
โดยหลายคนอาจจะมองว่า เจสันโชคดีที่รอดมาได้ แต่ตัวเขานั้น กลับไม่ได้คิดว่าเขาโชคดีเลย เพราะเขาเชื่อว่า คริสตี้เจตนาจะไม่ยิงเขา เธอตั้งใจที่จะปล่อยให้เจสันยังมีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทรมานกับความสูญเสีย แบบที่เธอต้องเจอในตอนที่เธอเสียคุณปู่และแม่ไป
โดยคริสตี้มักพูดเสมอว่า เจสันจะไม่มีวันเข้าใจความสูญเสียแบบที่เธอเจอจากการตายของคุณปู่และแม่ของเธอในเวลาติดๆ กันได้ และสิ่งนี้ ทำให้เจสันมั่นใจว่า ที่คริสตี้เลือกทำแบบนี้ เพื่อให้เขาเข้าใจความเศร้าโศกของเธอ ด้วยการพรากคนที่เขารักมากที่สุดไปนั่นเอง
สามารถรับฟัง File Not Found EP. 133 | ด้วยรักและผุพัง จากแม่ที่แสนดี สู่คดีที่แสนเศร้า
แบบเต็มๆ ได้ที่: https://youtu.be/gi5PT8Q6Sno
#missiontopluto
#missiontoplutopodcast
#filenotfoundpodcast