ในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา มีเหตุการณ์หนึ่งที่สร้างความสะเทือนใจให้กับเหล่าแฟนๆ กีฬาทั่วโลก โดยเฉพาะกีฬาเทนนิส นั่นก็คือ หนึ่งใน “ตำนาน” นักเทนนิสที่ยอดเยี่ยมที่สุดในคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ อย่าง ‘โรเจอร์ เฟเดอเรอร์’ ได้ออกมาประกาศแขวนแร็คเก็ต โบกมือลาอาชีพนักเทนนิสอย่างเป็นทางการด้วยวัย 41 ปี
โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ถูกจดจำฐานะไอคอนแห่งกีฬาเทนนิส ทั้งในและนอกสนาม เขาเป็นที่รักของเหล่าแฟนๆ กีฬาทั่วโลกที่ทุกคนยกให้เป็นตัวอย่างของนักกีฬาที่ “ประสบความสำเร็จ” ด้วยสถิติเป็นผู้ชนะแกรนด์สแลม 20 สมัย แชมป์วิมเบิลดัน 8 สมัย รวมถึงแมตช์การแข่งขันมากมาย ที่จะตราตรึงอยู่ในความทรงจำของผู้คนไปอีกนานนับสิบปี
เป็นที่แน่นอนว่า เฟเดอเรอร์ จะทิ้งตำนานอันน่าเหลือเชื่อไว้เบื้องหลังเขา แต่มีสิ่งหนึ่งที่เฟเดอเรอร์เหนือกว่านักเทนนิสคนอื่นๆ อย่างไม่ต้องสงสัยก็คือ การสร้าง “แบรนด์” ที่ต่อยอดมาจากตัวตนและความสำเร็จของเขาในสนาม
ความสำเร็จ “นอกคอร์ท” ของ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์
จากการรายงานของ Forbes นักหวดลูกสักหลาดชาวสวิสคนนี้ ได้เงินรางวัลจากการแข่งขันนับตั้งแต่เทิร์นโปรในปี 1998 ไปทั้งหมดประมาณ 131 ล้านดอลลาร์ เป็นอันดับสามรองจาก ราฟาเอล นาดาล และ โนวัค ยอโควิช แต่ถ้านอกเหนือจากการแข่งขันนั้น เฟเดอเรอร์ทำเงินได้กว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ก่อนหักภาษี) ผ่านสปอนเซอร์และธุรกิจอื่นๆ อีกมากมายของเขา ทิ้งคู่แข่งคนอื่นอย่างไม่เห็นฝุ่น
เฟเดอเรอร์มีการทำสัญญาระยะยาว (Long-term Endorsement Deal) กับแบรนด์ต่างๆ มากมาย ซึ่งหลายแบรนด์ก็ยังคงอยู่กับเขามานานกว่าทศวรรษถึงแม้ว่าเขาจะไม่ประสบความสำเร็จเหมือนแต่ก่อน ตั้งแต่ธนาคาร เครดิต สวิส, ช็อกโกแลต ลินด์, รถเมอร์เซเดส, นาฬิกาโรเล็กซ์ ไปจนถึงแบรนด์เครื่องแต่งกายขวัญใจคนไทยอย่าง Uniqlo ซึ่งมอบสัญญาที่มีมูลค่าสูงถึง 300 ล้านดอลลาร์ตลอดระยะเวลาสิบปีให้กับเฟเดอเรอร์
ความสำเร็จดังกล่าวทำให้เฟเดอเรอร์อยู่ในอันดับที่ 7 ในรายชื่อนักกีฬาที่มีรายได้สูงสุดของโลก ของ Forbes เขาเป็นนักกีฬาที่ได้รับค่าตอบแทนสูงที่สุดในโลกในปี 2020 โดยมีรายได้รวม 106.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และติดอันดับเป็นนักเทนนิสที่ได้รับค่าตอบแทนสูงสุดเป็นปีที่ 16 ติดต่อกันอีกด้วย ในปี 2022 ถึงแม้ว่าเขาจะได้รับรางวัลเงินรางวัลจากการแข่งขันเพียง 700,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น
เรียกได้ว่า “สุภาพบุรุษเทนนิส” คนนี้นั้น ประสบความสำเร็จทั้งในและนอกคอร์ท อย่างแท้จริง
แต่เส้นทางอาชีพของเฟเดอเรอร์นั้นก็ไม่ได้มีแต่การคว้าถ้วยแชมป์และชัยชนะเพียงอย่างเดียว ตลอดช่วงชีวิตของเขานั้น ต้องพบกับความอุปสรรคมากมาย ทั้งอาการบาดเจ็บ ปัญหาด้านอารมณ์ และความพ่ายแพ้นับไม่ถ้วน ที่ล้วนแต่ขมวดรวมกันกลายมาเป็นบทเรียนสำคัญ ที่ไม่ได้มีค่าต่อนักกีฬาแต่เพียงเท่านั้น หากแต่ยังเป็นบทเรียนอันล้ำค่าในการใช้ชีวิตและเหล่านักธุรกิจ ที่สามารถไปปรับใช้กับธุรกิจของตัวเองให้ประสบความสำเร็จ เหมือนอย่างที่เฟเดอเรอร์ทำได้บนสนามเทนนิสนั่นเอง

1. อย่ากลัวที่จะเผชิญหน้ากับความล้มเหลว
ความกล้าหาญคือบ่อเกิดของตำนาน แถมยังเป็นแรงผลักดันให้ใครหลายคนประสบความสำเร็จมานักต่อนักแล้ว โดยในช่วง Australian Open ปี 2011 เฟเดอเรอร์แพ้ให้กับ โนวัค ยอโควิช ในรอบรองชนะเลิศ และเสียตำแหน่งมือหนึ่งของโลกไป แต่เขาก็ไม่เคยย่อท้อต่อความพ่ายแพ้ในครั้งนั้น และกลับมาคว้าตำแหน่งมือหนึ่งของโลกได้อีกครั้งพร้อมกับ ล้างแค้นเอาชนะคู่ปรับเก่าอย่าง ยอโควิช ในปี 2012
ในฐานะนักธุรกิจหรือผู้ประกอบการที่กำลังดิ้นรนหรือประสบกับความยากลำบากอยู่ ณ ตอนนี้ อย่าลืมว่าแม้แต่คนที่เก่งที่สุดในโลกก็เคยล้มเหลว เพราะฉะนั้น เราเองก็ไม่กลัวความล้มเหลวเช่นเดียวกัน แต่จงพิจารณาทุกความพ่ายแพ้เป็นโอกาสในการทำงานหนักขึ้นและทุ่มเทพลังงานทั้งหมดของเราไปกับการพัฒนาและคว้าชัยชนะอีกโอกาสครั้งต่อไป

2. จงเรียนรู้ที่จะปรับตัว
ตลอดอาชีพนักเทนนิสของเฟเดอเรอร์ เขาเรียนรู้ที่จะต้องปรับสไตล์และกลยุทธ์การเล่นของตัวเองอยู่ตลอดเวลา โดยในทุกๆ ทัวร์นาเมนต์ที่เขาลงแข่ง เขาจะพยายามปรับรูปแบบการเล่นที่เหมาะสมที่สุดสำหรับสภาพอากาศและสภาพคอร์ทของทัวร์นาเมนต์นั้นๆ นอกจากนี้ เฟเดอเรอร์ยังพยายามเปลี่ยนสไตล์การเล่นของตัวเองให้มีความแม่นยำและใช้แรงน้อยลงด้วยอายุตอนที่ตัวเองอายุมากขึ้น เพื่อต่อสู้กับนักเทนนิสรุ่นใหม่ๆ ที่มีพละกำลังและกล้ามเนื้อที่แข็งแรงกว่าเขานั่นเอง
เช่นเดียวกันกับโลกของธุรกิจ โดยที่นักธุรกิจเอง ก็ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับปัจจัยต่างๆ มากมายภายในตลาด ที่จะทำให้ความสามารถในการระบุและปรับตัวธุรกิจของเราให้เข้ากับแนวโน้มของตลาดได้อย่างเหมาะสม เพราะฉะนั้น การปรับตัว จึงเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจของเราประสบความสำเร็จได้

3. มองหาความช่วยเหลือในเวลาที่จำเป็น
โรเจอร์ เฟเดอเรอร์เล่นเทนนิสมาตั้งแต่อายุ 8 ขวบ เมื่ออายุได้ 11 ขวบ เขาอยู่ใน 3 อันดับแรกของผู้เล่นรุ่นเยาว์ของสวิตเซอร์แลนด์ และเมื่ออายุ 14 ปี เขาก็กลายเป็นแชมป์จูเนียร์ระดับประเทศ แต่เฟเดอเรอร์เคยกล่าวว่า ความสำเร็จทั้งหมดนี้ของเขาจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย ถ้าหากปราศจากโค้ชและเทรนเนอร์ทุกคนที่คอยช่วยขัดเกลาเขาอยู่ตลอดทุกการแข่งขัน
ในโลกของกีฬาและธุรกิจ เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนจะต้องการคำปรึกษาและความช่วยเหลือบ้างเป็นครั้งคราว เพราะการที่เราจะประสบความสำเร็จได้อย่างต่อเนื่องในโลกของการทำธุรกิจนั้น เราก็ต้องการมุมมองและความคิดเห็นใหม่ๆ ที่จะช่วยให้เราปรับตัวให้ทันโลกเช่นกัน

4. เรียนรู้และยอมรับจุดอ่อนของตัวเอง
หนึ่งในทักษะที่เรียกได้ว่าเป็นจุดอ่อนของเฟเดอเรอร์และถูกผู้คนวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดก็คือการตีแบ็คแฮนด์ของเขา ซึ่งคู่ต่อสู้ทั้งหมดของเขาเองก็รู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี และพยายามโจมตีฝั่งแบ็คแฮนด์ของเฟเดอเรอร์เป็นประจำ โดยเฟเดอเรอร์เองก็รับรู้ถึงจุดอ่อนของตัวเองดี เขายอมเปลี่ยนแร็คเก็ตและฝึกซ้อมแบ็คแฮนด์ของเขาอย่างหนักจนทำให้แบ็คแฮนด์ของตัวเองกลายมาเป็นอาวุธที่สำคัญไม่แพ้โฟร์แฮนด์ของตัวเองเลยแม้แต่น้อย
ในโลกของการทำธุรกิจ บางทีมันก็เป็นเรื่องยากที่ยอมรับว่าธุรกิจของเรานั้นมีจุดอ่อนหรือช่องโหว่รูใหญ่อยู่ โดยเฉพาะถ้าหากว่าเรามีความภูมิใจในธุรกิจของเรามาก แต่ไม่มีธุรกิจใดที่จะสมบูรณ์แบบไปเสียทุกด้าน ถ้าเรารู้จักที่จะยอมรับในข้อด้อยหรือจุดอ่อนในธุรกิจของเรา เราก็จะสามารถพัฒนาแผนการปรับปรุงจุดอ่อนนั้นไปทีละขั้นตอน จนท้ายที่สุด เราก็จะสามารถเปลี่ยนข้อด้อยนั้นเป็นข้อได้เปรียบนั่นเอง

5. ตระหนักถึงขีดจำกัดของตัวเอง
เมื่ออายุ 36 ปี เฟเดอเรอร์ตระหนักว่าร่างกายของเขาไม่สามารถรับมือกับตารางการแข่งขันที่มีความถี่สูงได้อีกต่อไปแล้ว เขาเลือกที่จะยอมรับความจริงว่าร่างกายของเขากำลังเสื่อมสภาพลงและบาดเจ็บได้ง่ายขึ้น เพราะฉะนั้น เขาจึงเลือกที่จะเตรียมพร้อมร่างกายของตัวเองและลงแข่งขันเฉพาะทัวร์นาเมนต์ที่ให้แต้มสูงๆ เพียงเท่านั้น ซึ่งการทำอย่างนี้เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เขาสามารถกลับมาเป็นอันดับหนึ่งของโลกของอีกครั้งในปี 2018 ท่ามกลางคำปรามาสว่ายุคสมัยของเขาได้จบลงแล้ว
นักธุรกิจเองก็เช่นกัน เราจำเป็นต้องรู้ขีดจำกัดของตัวเองและจัดลำดับความสำคัญให้เป็น สิ่งใดที่ที่ทำไปแล้วเปลืองแรงเปล่าๆ ก็ไม่ควรทำ พยายามมุ่งเน้นพละกำลังและทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัด แล้วไปลงแรงกับอะไรที่มีความหมายกับธุรกิจของเราจริงๆ ดีกว่า เพราะบางครั้งเราก็จำเป็นที่จะต้องลดปริมาณลงบ้างเพื่อคุณภาพที่มากขึ้น “Less is more”
ในท้ายที่สุดนี้ แน่นอนว่าเฟเดอเรอร์เป็นนักเทนนิสและนักกีฬาที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขาสามารถยืนระยะในเส้นทางอาชีพได้นาน จนกลายมาเป็นนักเทนนิสที่มีรายได้ระดับพันล้านคนแรกของโลกนั้น ต้องอาศัยสิ่งต่างๆ มากมายนอกเหนือจากพรสวรรค์เพียงอย่างเดียว เฟเดอเรอร์มีคุณสมบัติของคนที่อดทน มีวินัย รวมถึงยินดีจะเรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ต่างๆ ตลอดเวลา เพื่อให้ตัวเองแสดงความสามารถของเขาออกมาได้อย่างเต็มที่ ซึ่งคุณสมบัติที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ทุกๆ คนสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจหรือการใช้ชีวิตของตัวเองเพื่อก้าวหน้าไปสู่ความสำเร็จได้อย่างแน่นอน
อ้างอิง
– Roger Federer Is Retiring As Tennis’ Career Earnings Leader. Here’s How Much Money He’s Made : Brett Knight, Forbes – https://bit.ly/3CctLqS
– 4 Lessons Entrepreneurs Can Learn From Roger Federer : Tanner Simkins, Entrepreneur – https://bit.ly/3BJJUSX
– The Gift of Roger Federer to Corporate America : Buckley Barlow, Rocket Source – https://bit.ly/3SiBBou
– What business people can learn from Roger Federer : Øystein Sulutvedt, Linkedin – https://bit.ly/3BCZAHK
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#business
#inspiration
#rogerfederer