ก้าวสู่โลกอนาคตด้วยนวัตกรรมจากนิสสัน กับ ‘ราเมช นาราสิมัน’

360

Mission to the Moon X Nissan

ถ้าพูดถึงผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย เชื่อว่าหลายคนคงจะมีชื่อของ “นิสสัน” อยู่ในใจ ด้วยความกล้าที่จะก้าวสู่อนาคต พร้อมการพัฒนานวัตกรรมด้านยานยนต์ ทำให้เรื่องราวของนิสสันน่าสนใจอย่างยิ่ง มารู้จัก “นิสสัน” และนวัตกรรมเพื่อโลกให้มากขึ้นไปกับ ‘ราเมช นาราสิมัน’ ประธาน บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) กันได้ในบทความนี้

ก้าวแรกสู่โลกของยานยนต์ที่น่าหลงใหล

โลกของยานยนต์คือเสน่ห์ที่น่าหลงใหลของเด็กผู้ชายแทบทุกคน ไม่เว้นแม้แต่ ‘ราเมช นาราสิมัน’ เด็กชายที่เติบโตมากับเรื่องราวของรถยนต์ เพราะคุณพ่อของเขาทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ทำให้เขาตกหลุมรักเรื่องราวเหล่านี้ และตัดสินใจเข้าสู่โลกอันน่าตื่นตาตื่นใจ ด้วยการ ส่งใบสมัครไปยังบริษัทรถยนต์ ชื่อดัง ในประเทศออสเตรเลีย

Advertisements

แม้จะไม่ได้รับข่าวดีในการสมัครงานครั้งนั้น ทว่าในอีก 2 ปีต่อมา บริษัทดังกล่าวก็ติดต่อกลับมาพร้อมกับเสนอโอกาสการทำงาน ที่ทำให้เขาได้ทำในสิ่งที่เขารักมาโดยตลอด ในวันนั้นเขาจึงตอบ “ตกลง” ทันที

ก้าวสำคัญสู่ Nissan ประเทศไทย

นับจากก้าวแรกที่ได้ชิมลางงานอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับโลกราเมชใช้เวลาทำงานเพื่อเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์ยาวนานถึง 13 ปี ก่อนจะย้ายไปทำงานในบริษัทยานยนต์ที่อังกฤษ ด้วยการร่วมพัฒนาบริษัทนั้นอยู่ 2-3 ปี ก่อนจะได้รับโอกาสครั้งสำคัญให้กลับมาที่ออสเตรเลียอีกครั้งเมื่อปี 2014 ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท ‘นิสสัน’

ราเมชได้สร้างผลงานด้านการบริหารการเงิน จนทางนิสสันเล็งเห็นศักยภาพในระดับกรรมการผู้จัดการ (Managing Director) จึงเสนอตำแหน่งดังกล่าวให้ราเมช เป็นการเปิดโอกาสสำคัญให้เขาได้ฝากผลงานด้านการบริหารจัดการและการวางกลยุทธ์ เพื่อสร้างความแตกต่าง และการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมยานยนต์

จากก้าวแรกสู่ก้าวสำคัญในนิสสัน วันนี้ราเมชร่วมขับเคลื่อนนิสสัน ประเทศไทย มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมสู่สายตาคนไทยมาได้ 2 ปีแล้ว

กลยุทธ์ของนิสสันกับการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมในประเทศไทย

เมื่อได้เริ่มทำงานที่ประเทศไทย ราเมชเข้าสู่โลกการแข่งขันด้านยานยนต์อย่างเต็มรูปแบบ โดยมุ่งเน้นไปที่การ “สร้างมาตรฐานที่แตกต่างจากคู่แข่ง” ด้วยการสร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับลูกค้า เช่น การนำระบบการบริการแบบดิจิทัลเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการตอบคำถามและแนะนำผลิตภัณฑ์ได้ตรงความต้องการที่สุด เพื่อเข้าถึงและตอบโจทย์ลูกค้าในยุค Digital ได้มากยิ่งขึ้น เพราะนิสสันไม่เพียงแค่ขายรถยนต์ แต่ยังต้องการเป็นพาร์ทเนอร์ที่ดีของลูกค้าในทุก ๆ การเดินทางด้วย

ผลกระทบของ COVID – 19 และการรับมืออย่างรวดเร็วของ Nissan

ถึงแม้ว่าการเริ่มต้นในประเทศไทยจะมีแนวโน้มที่ดี แต่ในปี 2020 ที่ผ่านมา กลับเป็นช่วงที่เศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยต้องหยุดชะงักเพราะการแพร่ระบาดของ COVID – 19 โดยอุตสาหกรรมยานยนต์มีรายได้ลดลงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ในปีที่แล้ว

Advertisements

ในช่วงวิกฤต นิสสันได้แก้ปัญหาอย่างรอบด้านและรวดเร็ว ทั้งการบริหารจัดการภายในองค์กร และการแก้ปัญหาด้านการบริการต่าง ๆ เพื่อดูแลและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า อย่างโครงการ “Care for You” ซึ่งเป็นมาตรการเพื่อช่วยเหลือและยกระดับความปลอดภัยให้แก่ลูกค้า ในช่วงแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ด้วยบริการเช็กระยะนอกสถานที่และการบริการรับรถที่บ้าน เพื่อให้ลูกค้าได้รับการซ่อมบำรุงตามกำหนด โดยไม่ต้องเดินทางออกจากบ้าน ซึ่งเป็นแคมเปญที่เข้าใจสถานการณ์ และตอบโจทย์กับความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจและฉับไวของนิสสัน ที่กล้าก้าวเข้าสู่วิธีคิดใหม่ ๆ โดยไม่ลังเล

ก้าวสู่อนาคตด้วยความกล้าในแบบ Nissan

จากวิกฤตในครั้งนี้เป็นเหมือนภาพสะท้อนของนิสสันถึงการเตรียมพร้อมต่อความเปลี่ยนแปลง และความกล้าในการทำอะไรนอกกรอบ  แต่ผ่านการวางกลยุทธ์มาอย่างรอบคอบ  ซึ่งแม้ในช่วงวิกฤต ทางนิสสันก็ได้จัดแคมเปญต่างๆ  รวมถึงการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ อย่าง NISSAN KICKS e-POWER รถยนต์คอมแพค เอสยูวี ให้คนไทยได้ตื่นเต้นไปกับ e-POWER ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% โดยไม่ต้องชาร์จไฟ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยกลยุทธ์ด้านนวัตกรรม เพื่อตอบรับกับมุมมองและวิสัยทัศน์ในระยะยาวของบริษัท ซึ่งคาดว่าจะเป็นนวัตกรรมที่ไปได้ไกลอีก 10-20 ปีข้างหน้า

โดยสิ่งที่นิสสันกำลังให้ความสำคัญ คือการช่วยพัฒนาสิ่งแวดล้อมของโลกเราให้ดีขึ้นอย่างยั่งยืน ด้วยการเพิ่มรูปแบบรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และเทคโนโลยี e-POWER ซึ่งการเข้ามาของรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% จะช่วยลดมลพิษทางอากาศและมลพิษทางเสียง ซึ่งส่งผลดีกับทั้งผู้ใช้งานและสิ่งแวดล้อม

โอกาสในการก้าวเข้าสู่เมืองแห่งรถยนต์ไฟฟ้า

ปัจจุบันนี้เรากำลังอยู่ในยุคกึ่งกลางระหว่างรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน กับรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้า แต่มีแนวโน้มว่า รถยนต์ไฟฟ้าจะมาแรงในอนาคต เพราะผู้คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับปัญหาด้านมลพิษทางอากาศ เนื่องมาจากปัญหาฝุ่น PM2.5 รวมถึงมลพิษทางเสียงในกรุงเทพฯ ซึ่งปัญหาดังกล่าวจะได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นได้ในอนาคต ส่วนหนึ่งก็ด้วยรถยนต์ไฟฟ้านั่นเอง

อย่างไรก็ตาม รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศแถบเอเชียอาจต้องใช้เวลาดำเนินการนานกว่าประเทศในแถบอื่น ๆ อยู่บ้าง เนื่องจากความต้องการโครงสร้างพื้นฐานในด้านแหล่งจ่ายกระแสไฟฟ้า ถ้าหากมีแหล่งจ่ายไฟครอบคลุมทั่วประเทศแล้ว โอกาสในการก้าวสู่การใช้รถยนต์ไฟฟ้าก็เป็นไปได้อย่างแน่นอน

อีกหนึ่งนวัตกรรมกับระบบขับเคลื่อนกึ่งอัตโนมัติ

นอกเหนือจากรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้พัฒนาออกมาแล้ว นิสสันยังมีอีกหนึ่งนวัตกรรมคือ ระบบขับเคลื่อนกึ่งอัตโนมัติ หรือ ProPilot ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างยิ่งในปัจจุบัน ระบบดังกล่าวเป็นนวัตกรรมที่เกิดจากความต้องการของลูกค้าในเรื่องความสะดวกสบาย และนิสสันต้องการสร้างความปลอดภัยให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนมากยิ่งขึ้น และด้วยการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งนี้ เราน่าจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมของนิสสันออกมาอีกแน่นอน

จากนวัตกรรมสู่การบริหารคนให้มองเห็นเป้าหมายเป็นภาพเดียวกัน

สิ่งที่ราเมชให้ความสำคัญไม่แพ้กลยุทธ์การตลาด ก็คือการบริหารทรัพยากรบุคคลให้เกิดประสิทธิภาพที่สุด โดยให้ความสำคัญที่ “การสื่อสาร” และเริ่มต้นจากตนเองในฐานะผู้นำ ที่ต้องแสดงวิสัยทัศน์เรื่องความโปร่งใส เพื่อให้เกิดความไว้วางใจจากพนักงาน และในขณะเดียวกันก็ต้องไว้วางใจพนักงาน ให้พวกเขาได้ทำงานและตัดสินใจตามตำแหน่งหน้าที่และความสามารถของเขาเอง นั่นจึงจะสามารถสร้างจุดมุ่งหมายเดียวกันได้

จากบทบาทผู้นำในการขับเคลื่อนนิสสันประเทศไทยไปสู่โลกอนาคตด้วยนวัตกรรม ภายใต้การนำของคุณ ราเมช นาราสิมัน ที่แม้ในปีที่ผ่านมา นิสสันจะเผชิญกับวิกฤตการณ์เช่นเดียวกับธุรกิจทั่วโลก แต่ก็ทำให้เราได้เห็นมุมมองและความสามารถในการขับเลื่อนนิสสันด้วยการสร้างมาตรฐานและความแตกต่างใหม่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า รวมถึงการทำให้คนไทยได้เข้าใจและเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น เพื่อร่วมกันสร้างเมืองแห่งรถไฟฟ้าที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมและผู้ใช้งานในอนาคต และแน่นอนว่า เราคงได้เห็นนวัตกรรมใหม่ ๆ จากนิสสันในอนาคตอันใกล้นี้อีกอย่างแน่นอน

Advertisements