หรือ “Drive-Thru”จะเป็นทางรอดสำคัญในยุควิกฤต?

1233
กระแสข่าวการแพร่ระบาดระลอกสองที่กลับมาอีกครั้ง ทำให้หนทางแห่งอิสรภาพนี้ดูจะยาวไกลขึ้นไปอีก
 
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ล้วนส่งผลกระทบไปทั่วทั้งโลก ทั้งต่อประชาชน และเศรษฐกิจ ที่ผ่านมาธุรกิจต่างๆ พยายามดิ้นรนเอาตัวรอดด้วยการหากลยุทธ์ใหม่ๆ มาพยุงให้กิจการของตนเองไปต่อได้ และหนึ่งในกลยุทธ์ที่ถูกยกมาใช้กันอย่างแพร่หลาย คือ “Drive-Thru”
 
Drive-Through หรือว่า Drive-Thru คือ การขับรถไปซื้อของโดยไม่ต้องลงจากรถ เราอาจจะได้เห็นบริการแบบ Drive-Thru ในหนังของต่างประเทศผ่านตากันมาบ้างแล้ว แต่สำหรับบ้านเรา บริการซื้อของบนรถแบบนี้ไม่ค่อยปรากฎให้เห็นมากนัก (หากไม่นับรวมกับการจอดซื้อหมูปิ้งหน้าปากซอย)
 
แต่ก่อน บริการแบบ Drive-Thru มักจำกัดไว้เฉพาะกลุ่มร้านอาหาร Fast-Food แต่ตอนนี้เราจะเริ่มเห็นธุรกิจอื่นๆ หันไปให้บริการในลักษณะนี้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นไปรษณีย์ ธนาคาร หรือแม้แต่ธุรกิจโรงภาพยนตร์
 
ที่น่าสนใจคือ ทำไม “Drive-Thru” ถึงกลายมาเป็น “ทางรอด” ของธุรกิจในยุควิกฤตแบบนี้
 
“พฤติกรรมของมนุษย์” ได้เปลี่ยนไปแล้วภายในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปนั้น มันดันสวนทางกับ “ความต้องการของคน” ที่โหยหาการกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม
 
หลายคนจึงหาวิธีต่างๆ ที่จะทำให้ตัวเองกลับไปใช้ชีวิตแบบช่วงก่อนเกิดโควิด ภายใต้เงื่อนไข “ความปลอดภัยต้องมาก่อน” ซึ่งหนึ่งในกลยุทธ์ทางการตลาดที่มาอุดช่องโหว่ตรงนี้ได้ดี คือ “Drive-Thru”
 
นอกจาก “Drive-Thru” จะช่วยตอบสนองความต้องการของคนได้ มันยังถือเป็นการเปิดมิติใหม่ให้วงการร้านค้าในไทย กลุ่มแบรนด์ตัวเล็กที่ไม่เคยอยู่ในความสนใจ ก็จะถูกมองเห็นมากขึ้นผ่านการเปิดหน้าร้านเล็กๆ ส่วนแบรนด์ใหญ่ก็สามารถต่อยอดธุรกิจดั้งเดิมให้มีช่องทางการขายที่หลากหลายขึ้น
 
ต้องบอกว่า เดิมทีการซื้อของแบบ Drive-Thru นั้น ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์ชีวิตคนยุคใหม่ที่ต้องใช้ชีวิตด้วยความเร่งรีบ แต่สุดท้าย มันกลับสร้างรายได้ต่อบิลมากกว่าสาขาปกติ 20-30% เพราะลูกค้า Drive Thru โดยเฉลี่ยส่วนใหญ่จะสั่งอาหารสำหรับทาน 2-3 คน จนทำให้เกิดปรากฏการณ์ “Drive-Thru Effect” มาแล้ว
 
“Drive-Thru Effect” คืออะไร?
 
Drive-Thru Effect เกิดจากการหยิบเอากลยุทธ์ “Personalized Marketing” หรือ การทำการตลาดที่รู้ใจลูกค้า ก่อนที่ลูกค้าจะรู้ตัวว่าต้องการอะไร มาใช้จนประสบความสำเร็จอย่างแพร่หลาย
 
จากการสำรวจพบว่า ร้านอาหารที่มีบริการ Drive-Thru สามารถเพิ่มยอดขายให้ร้านได้ถึง 25-30% เลยทีเดียว ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยหลายอย่าง
 
1. ลดเปอร์เซ็นต์การนั่งแช่ในร้านของลูกค้า: การขายของแบบ Drive-Thru กระตุ้นให้ลูกค้าซื้อกลับบ้านมากกว่านั่งแช่ในร้านเหมือนคาเฟ่ทั่วไป ทำให้ในหนึ่งวันร้านค้าสามารถรับลูกค้าได้มากกว่าร้านที่อนุญาตให้นั่งทาน
 
2. จำกัดเวลาในการตัดสินใจ ลดการลังเลในการเลือก: การซื้อสินค้าจากร้านปกติเราจะมีเวลาเลือกสินค้านาน และมีเวลาตัดสินใจว่าราคาของมันเหมาะสมกับเงินในกระเป๋าของเราหรือไม่
 
แต่เมื่อต้องซื้อของแบบ Drive-Thru เราจะเหลือเวลาในการตัดสินใจเลือกน้อยลง และตามธรรมชาติของมนุษย์มักจะมองสิ่งที่ชอบก่อนเสมอ ทำให้ไม่มีเวลาเปรียบเทียบราคากับสินค้าอื่นๆ นั่นเป็นเหตุผลที่เรามักเสียเงินให้กับการซื้อแบบ Drive-Thru มากกว่าแบบปกติ
 
3. ผู้บริโภคมักตัดสินใจซื้อสินค้าทันทีที่เห็น: ผลการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภค พบว่าลูกค้ามากกว่า 70% ตัดสินใจซื้อทันทีที่เห็นสินค้า ซึ่งการขายแบบ Drive-Thru ทำให้ผู้บริโภคมองเห็นมาตั้งแต่ระยะไกลว่ามีร้านค้าอยู่ตรงนี้ และมักตัดสินใจแวะตั้งแต่มองเห็น
 
แม้ว่ากระแสธุรกิจแบบ Drive-Thru จะไม่ถือว่าเป็นเทรนด์ใหม่แกะกล่อง แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันกลายมาเป็นอีกหนึ่ง “กลยุทธ์” ที่ดีที่สุดในสถานการณ์ในตอนนี้ รวมถึงในอนาคตที่ไม่แน่นอน เพราะนอกจากจะช่วยให้เราประหยัดเวลาในการซื้อขาย ยังเพิ่มความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวอีกด้วย
 
บางครั้งหากเราย่ำอยู่กับโมเดลเดิมๆ แล้วไม่มีอะไรดีขึ้น การลองปรับเปลี่ยนไปสู่สิ่งใหม่ๆ ก็คงไม่เสียหายอะไร
 
Author: Charuwan Sudaduong
Editor: Napatsorn Sarikawanich
Illustrator: Kannala Pooriruktananon
 
อ้างอิง:
Advertisements