สำนักข่าว AP รายงานว่า สถานการณ์การเมืองในเยอรมนีกำลังอยู่ในช่วงร้อนระอุหลังจากที่นาง Angela Merkel นายกรัฐมนตรี ประกาศว่า เยอรมนีอาจจำเป็นต้องประกาศใช้มาตรการควบคุมโรคโควิด-19 สำหรับกลุ่มคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในอนาคต หลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เริ่มมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้นักการเมืองออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นนโยบายที่แบ่งแยกและเลือกปฏิบัติ
ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวได้รับการเปิดเผยจากนาย Helge Braun รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แก่หนังสือพิมพ์ ‘Bild am Sonntag’ ว่า ประชากรกลุ่มที่ยังไม่ได้รับวัคซีนอาจไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้บริการจากร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ และสนามกีฬาต่างๆ ขณะที่ประชากรกลุ่มที่ได้รับวัคซีนแล้ว จะมีอิสรเสรีมากกว่า เนื่องจากวัคซีนจะป้องกันไม่ให้มีอาการป่วยที่รุนแรง
นาย Helge Braun ยังกล่าวอีกว่า มาตรการควบคุมโรคสำหรับกลุ่มคนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนนี้ จะมีผลทางกฎหมายอย่างแน่นอน เนื่องจากรัฐมีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแลประชาชนทุกคนในด้านสาธารณสุข
อย่างไรก็ตาม นักการเมืองหลายคนได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ แนวทางควบคุมโรคดังกล่าวของรัฐบาล โดย นาย Armin Laschet คู่ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนาง Angela Merkel จากพรรคเดียวกัน ได้ออกความเห็นคัดค้านในการบังคับให้ประชาชนเข้ารับวัคซีน โดยกล่าวว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มแรงกดดันแก่ประชาชนให้เข้ารับการฉีดวัคซีนทั้งทางตรงและทางอ้อม เพราะประเทศเยอรมนีเป็นประเทศที่ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในการกำหนดชีวิตของตนเองอย่างเท่าเทียมกัน
ขณะที่นักการเมืองจากบางรายก็มีท่าทีเห็นด้วยกับนโยบายควบคุมโรคของรัฐบาล อย่าง Karl Lauterbach ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขจากพรรค Social Democrat ก็ออกมาให้ความเห็นสนับสนุนมาตรการของรัฐบาล โดยมองว่ามาตรการควบคุมโรคดังกล่าว ถือเป็นแนวทางที่ดีในการต่อสู้กับเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ เดลต้า ที่กำลังระบาดอย่างหนักทั่วโลก
ปัจจุบัน อัตราการฉีดวัคซีนในเยอรมนีเริ่มต่ำลง และรัฐบาลกำลังหาแนวทางโน้มน้าวให้ผู้คนออกมาฉีดวัคซีนมากขึ้น โดยขณะนี้ประชาชนชาวเยอรมนีกว่า 60% ได้รับวัคซีนแล้ว 1 เข็ม และกว่า 40% ได้รับวัคซีนครบแล้วทั้ง 2 เข็ม
แปลและเรียบเรียงจาก:
https://bit.ly/372XTEK
https://bit.ly/36X3axw
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#worldnews
ติดตามข่าวสารอื่นๆ ได้ที่ https://missiontothemoon.co/category/news/
