9 วิธีพัฒนาสุขภาพจิตให้ดียิ่งขึ้น จาก 9 โพสต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดของ The New York Times

625
9 วิธีพัฒนาสุขภาพจิตให้ดียิ่งขึ้น

เมื่อวานนี้ (4 ม.ค. 21) คอลัมน์ THE YEAR IN WELL ของสื่อชื่อดังอย่าง The New York Times ได้แนะนำถึงวิธีพัฒนาสุขภาพจิตใจให้คงที่และมีความสุขเพิ่มมากขึ้น ผ่านการรวบรวมโพสต์คำแนะนำเกี่ยวกับสุขภาพจิตที่ได้รับความนิยมสูงสุด 9 โพสต์ เพื่อช่วยให้เราสามารถมีสุขภาพจิตที่ดียิ่งขึ้นไปอีกในปี 2022 นี้

9 วิธีพัฒนาสุขภาพจิตให้ดียิ่งขึ้น

1. ตั้งชื่อให้ความรู้สึกของคุณ

ในตลอดปีที่ผ่านมา เชื่อว่าหลายคนมีความรู้สึกบางอย่างก่อตัวขึ้น แต่ก็เหมือนกับความรู้สึกเหล่านี้ไม่ใช่ความเหนื่อยหน่าย ไม่ใช่ความหดหู่ใจ และไม่ใช่ความเบื่อหน่ายซะทีเดียว แต่กลับเป็นภาวะที่มีชื่อว่า “Languishing” หรือ “ภาวะเฉื่อยชาและว่างเปล่า” โดย Adam Grant นักเขียนชื่อดังได้กล่าวว่า ภาวะเช่นนี้เป็นภาวะที่นำโด่งมาในปี 2021 ที่ผ่านมา แต่ภาวะเช่นนี้กลับถูกมองข้ามไปในหลายๆ ครั้ง เพราะก็เหมือนกับว่าไม่ได้เครียดขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้สุขขนาดนั้น ภาวะเช่นนี้เป็นภาวะที่อยู่ตรงกลาง ที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีชื่อเรียก ทำให้ Adam Grant ตัดสินใจ “ตั้งชื่อให้กับความรู้สึก” นี้ ทำให้เราเข้าใจได้อย่างชัดเจนขึ้นว่าตอนนี้เรากำลังรู้สึกอะไรอยู่ และเมื่อเรารู้จักกับมันแล้วเราก็จะยอมรับตัวเองได้ง่ายขึ้น

2. ตั้งชื่อให้กับความเจ็บป่วยทางจิตใจของคุณ

Lily Burana นักเขียนชาวอเมริกัน ก่อนหน้านี้เธอเผชิญกับภาวะซึมเศร้า และภาวะวิตกกังวล และล่าสุดเธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรค A.D.H.D. (โรคสมาธิสั้น) เท่ากับมี 3 ภาวะที่เธอกำลังเผชิญอยู่ ทำให้มันเป็นเรื่องยากลำบากมากขึ้นที่จะอธิบายหรือพูดคุยเกี่ยวกับสุขภาพจิตของเธออย่างชัดเจน ทำให้เธอตัดสินใจ “ตั้งชื่อ” ให้กับภาวะทั้งหมดว่า “บรูซ” และเธอมักจะกล่าวว่า “’บรูซทำให้ฉันผิดหวังในสัปดาห์นี้’” ซึ่งชื่อเล่นนั้นช่วยให้เธอมีความชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับความรู้สึกที่มืดมิดของตัวเอง

Advertisements

3. ค้นหาความหมายในกิจกรรมประจำวัน

มีผลการวิจัยจำนวนมากที่แสดงให้เห็นว่ามีขั้นตอนง่ายๆ ที่เราสามารถทำได้เพื่อเติมพลังทางอารมณ์และช่วยทำให้ชีวิตของเรารู้สึกถึงความเติมเต็ม รู้สึกถึงการบรรลุเป้าหมาย รู้สึกถึงความสุขที่มากยิ่งขึ้น โดยเหล่านักจิตวิทยาเรียกความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลนี้ว่า “ความรู้สึกเฟื่องฟู” โดยวิธีง่ายๆ วิธีหนึ่งในการมีความรู้สึกนี้ คือการทำกิจกรรมประจำวันของคุณอย่างมีเป้าหมายมากขึ้น ผ่านการทำบางสิ่งง่ายๆ เช่น การทำความสะอาดห้องครัว การทำงานบ้าน หรือแม้แต่การซักปลอกหมอน ที่จะช่วยให้เรารู้สึกว่าเราทำอะไรสำเร็จและบรรลุเป้าหมายอะไรบางอย่าง

4. ลองฝึกสมาธิในทุกๆ ที่

Dr.Judson Brewer ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและนวัตกรรมของศูนย์ฝึกสติของมหาวิทยาลัยบราวน์ กล่าวว่า “สมองของเราเหมือนกับคอมพิวเตอร์ ที่มีหน่วยความจำในการทำงานเพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น” ทำให้เมื่อเราอยู่กับอารมณ์เชิงลบ เช่น ความวิตกกังวลหรือความเครียด จะส่งผลให้เราคิดหรือแก้ปัญหาได้ยากขึ้น และเขายังแนะนำเพิ่มเติมอีกว่า ไม่ว่าจะไปที่ไหนหรือทำอะไร ก็ลองเอาเทคนิคการทำสมาธิไปใช้ รวมถึงกล่าวเพิ่มเติมว่า “สิ่งแรกที่เราต้องทำคือพยายามให้ตัวเองอยู่กับปัจจุบัน เพื่อที่เราจะได้ใจเย็นลง”

5. ปล่อยให้ตัวเองเสียใจกับการสูญเสียที่เล็กน้อย

Tara Parker-Pope เขียนในบทความเกี่ยวกับความเสียใจว่า “เมื่อคุณยอมรับว่าความเศร้าโศกของคุณมีจริง มันมีขั้นตอนบางอย่างที่จะช่วยให้คุณรับมือกับความรู้สึกเหล่านี้ได้” เธอกล่าว “ลองปลูกต้นไม้ หรือ หาสิ่งของที่แสดงถึงการสูญเสียของคุณ เช่น ตั๋วเครื่องบินหรือบัตรเชิญเข้าร่วมงานแต่งงานที่ถูกยกเลิก แล้วฝังไว้” รวมถึงผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ ก็ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “การสูญเสียทั้งหมดจำเป็นต้องรับรู้และเสียใจ เราต้องอนุญาตให้ตัวเองเสียใจกับมันได้ หรือกระทั่งไว้ทุกข์ให้มันเลยด้วยซ้ำ”

6. ปล่อยให้ตัวเองมี Sad Day และใช้มัน

เมื่อสมองและร่างกายของคุณต้องการพัก การหยุดงานหรือไปโรงเรียนจากปัญหาด้านสุขภาพจิตจะช่วยให้คุณได้พักผ่อนและเติมพลัง ความเศร้านั้นก็ถือว่าเป็นความเจ็บปวดในรูปแบบหนึ่งเช่นกัน โดย Christina Caron เสนอว่า ให้ลองสละเวลาสักวันหนึ่งลางานเพื่อปล่อยความรู้สึกตรงนั้น อาจจะใช้เป็นวันลาป่วยก็ได้ รวมถึงเธอยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “คุณจะไม่รู้สึกแย่กับการลาป่วย และคุณก็ไม่ควรรู้สึกแย่กับการพักผ่อนเมื่อคุณเศร้าเช่นกัน”

Advertisements

7. เขียนสิ่งที่กวนใจคุณก่อนนอน

การนอนหลับที่ไม่ดีเรื้อรังเป็นเวลานาน จะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง ลดประสิทธิภาพในการจดจำและสมาธิ อีกทั้งเพิ่มโอกาสในการเป็นโรคซึมเศร้าอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม นายแพทย์ Anahad O’Connor ผู้ซึ่งรายงานการเพิ่มขึ้นของปัญหาการนอนไม่หลับในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้เสนอให้เขียนความคิดทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่รบกวนจิตใจเราออกมาในสองชั่วโมงก่อนเข้านอน จากนั้นขยำกระดาษแล้วโยนทิ้ง การแสดงท่าทางเชิงสัญลักษณ์นี้จะช่วยให้คุณมีกำลังใจและทำให้จิตใจสงบ

8. ให้คืนถ้ามีโอกาส

มีงานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า “การให้คืน” สามารถปรับปรุงสุขภาพของเรา บรรเทาความรู้สึกเหงา และขยายเครือข่ายสังคมของเราได้ โดยเราอาจเริ่มต้นด้วยการตั้งเป้าหมายเล็กๆ เช่น อาสาสมัครสัปดาห์ละครั้ง หรือแม้แต่เดือนละครั้ง เพื่อลดการแพร่ระบาดของความเหงาและโดดเดี่ยว (An Epidemic of Loneliness)

9. สุดท้ายนี้ ให้ตัวเองได้พักบ้าง

วิธีที่ง่ายที่สุดวิธีหนึ่งในการทำเช่นนั้นอาจจะเริ่มจากการถามตัวเองด้วยคำถามหนึ่งข้อ เช่น “ตอนนี้ฉันต้องการอะไร” เพื่อนำไปสู่การฝึกการเห็นอกเห็นใจในตนเองมากขึ้น แทนที่จะสนใจกับความคาดหวังของสังคมที่มีต่อเรามากเกินไป

อ้างอิง:
https://nyti.ms/3pTrj21

#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#worldnews

ติดตามข่าวสารอื่นๆ ได้ที่ https://missiontothemoon.co/category/news/

Advertisements

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่