สำนักข่าว Bloomberg ระบุว่า การแลกเปลี่ยนรูเบิล-หยวนพุ่งสูงขึ้นมากถึง 1,067% หรือราวเกือบ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยหลังจากเกิดความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้ทั้งจีนรวมถึงรัสเซียต่างพากันลดการพึ่งพาเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อป้องกันผลกระทบจากการแทรกแซง
โดยการเพิ่มขึ้นในครั้งนี้ เป็นการแสดงสัญญาณที่บ่งบอกถึงการที่รัสเซียหันมาใช้สินค้าจากจีนมากยิ่งขึ้น ทดแทนการที่บริษัทต่างชาติต่างพากันแห่ถอนตัวออกจากรัสเซีย ในขณะที่ระหว่างนี้ จีนก็ได้ทำการผลักดันเงินหยวนสู่สากลมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มบทบาทสกุลเงินของตนในการแลกเปลี่ยนทางการค้าระหว่างประเทศ หลังจากเผชิญความตึงเครียดกับทางสหรัฐฯ
ซึ่งจากการรายงานเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่ามีการแลกเปลี่ยนเงินสกุลหยวน-รูเบิล ราว 25.91 พันล้านหยวน (หรือ 3.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในตลาดการเทรดของรัสเซีย ซึ่งนับว่าสูงขึ้น 12 เท่าตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์
ขณะที่ Stephen Chiu นักกลยุทธ์จาก Bloomberg Intelligence ยังกล่าวอีกว่า “การแลกเปลี่ยนระหว่างหยวนและรูเบิลจะเพิ่มขึ้นอีกจากการผลักดันหยวนสู่การเป็นสกุลเงินโลก ซึ่งการเกิดสงครามก็นับว่าเป็นอีกปัจจัยที่เร่งสิ่งนี้ให้เพิ่มขึ้นไปอีก” Chiu ยังกล่าวอีกว่า ยังมีแนวโน้มที่รัสเซียจะถือครองสกุลเงินหยวนเป็นสกุลเงินสำรองอีกด้วย
เรียกได้ว่าทั้งรัสเซียและจีนตั้งใจที่จะทำให้เกิดการทำธุรกรรมที่ปราศจากการพึ่งพาเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งในปัจจุบันก็เริ่มที่จะเห็นประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Marketing) ได้นำกลยุทธ์เหล่านี้ไปใช้บ้างแล้ว เช่น การซื้อขายน้ำมันในซาอุดีอาระเบีย ก็ประกาศรองรับสกุลเงินหยวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่อินเดียเองก็เริ่มมีการวางแผนการใช้เงินสกุลรูเบิลแล้วเช่นกัน จึงน่าจับตามองต่อไปว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับการใช้และการแลกเปลี่ยนเงินของทั้งรัสเซีย จีน และสหรัฐฯ
แปลและเรียบเรียงจาก
https://bloom.bg/3wXoAID
