นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อ 2 ปี ที่แล้ว คนวัยทำงานจำนวนไม่น้อยได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจและรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป พนักงานหลายคนต้องประสบพบเจอกับภาวะหมดไฟในการทำงาน ส่งผลให้เกิดปัญหาทางด้านจิตใจต่างๆ นานาตามมา ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ของคนทำงานในยุคนี้เลยก็ว่าได้
ด้วยเหตุนี้ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญหลากหลายคนต่างพยายามที่จะหาสาเหตุของปัญหาเหล่านี้ ซึ่งบ้างก็บอกว่าการทำงานจากนอกสถานที่เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม มีอีกปัจจัยหนึ่งที่น่าสนใจเช่นกัน เพราะจากรายงานของสำนักข่าว Vox พบว่า สาเหตุของปัญหาอาจจะมาจาก “ภาระหน้าที่และปริมาณงานที่เพิ่มสูงขึ้น” (workload) ในช่วงของการระบาดด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มที่จะเบาบางลงในปี 2022 นี้ เหล่าผู้บริหารต่างคาดหวังให้พนักงานกลับเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศกันมากขึ้นจากปัจจัยด้านประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานเมื่อต้องทำงานนอกสถานที่
โดยจากผลสำรวจของ มหาวิทยาลัย Northeastern ระบุว่า ผู้บริหารมากกว่า 50% ต้องการให้พนักงานกลับมาทำงานที่ออฟฟิศเนื่องจากมีความกังวลถึงประสิทธิภาพและความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานของพนักงานเมื่อต้องทำงานจากที่บ้าน สวนทางกับผลสำรวจของ Slack’s Future Forum Pulse ที่ระบุว่าพนักงานในระดับปฏิบัติการกว่า 80% ยังคงต้องการความยืดหยุ่นในการทำงาน เนื่องจากพวกเขาสามารถจัดการเรื่องสมดุลชีวิตทำงานได้ดีกว่า และช่วยบรรเทาความเครียดจากการทำงานได้ดี
จากผลสำรวจข้างต้นอาจสังเกตุได้ว่ารูปแบบการทำงานนั้นไม่ได้ส่งผลต่อประสิทธิภาพและสภาพจิตใจในการทำงานของพนักงาน เนื่องจากยังมีพนักงานอีกจำนวนมากที่ต้องการทำงานนอกสถานที่ต่อไปแม้ความรุนแรงของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เบาบางลง ดังนั้นสิ่งที่ดูแล้วเหมือนจะเป็นปัญหาสำหรับคนทำงานในปัจจุบันคือ ปริมาณงานที่เพิ่มมากขึ้นจากรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปนั่นเอง
โดยผลสำรวจของ Microsoft และ Time is Ltd. พบว่า พนักงานมีเวลาในการพูดคุยและสื่อสารกับพนักงานแผนกอื่นๆ น้อยลง (การพูดคุยกับพนักงานแผนกอื่นจะช่วยส่งเสริมให้เกิดความคิดสร้างสรรค์และแนวทางใหม่ๆ ในการทำงาน) ซึ่งเป็นผลมาจาก เวลาว่างที่น้อยลงจากปริมาณงานที่เพิ่มสูงขึ้น
ปริมาณงานที่เพิ่มมากขึ้นของพนักงานล้วนเป็นผลพวงจาก การลาออกระลอกใหญ่หรือ The Great Resignation โดยจากผลสำรวจของ Society of Human Resource Management (SHRM) พบว่าพนักงานกว่า 50% ระบุว่า พวกเขาต้องรับภาระหน้าที่เพิ่มจากพนักงานที่ลาออกไป ขณะที่พนักงานกลุ่มตัวอย่างกว่า 2 ใน 3 ระบุว่าพวกเขามีภาระหน้าที่เพิ่มมากขึ้นนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หรือตั้งแต่เริ่มทำงานนอกสถานที่
ทั้งนี้นอกเหนือจากปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นจากรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แล้ว สำหรับพนักงานเองก็ยังมีการเพิ่มขึ้นของภาระหน้าที่นอกที่ทำงานที่มาพร้อมกับโรคระบาด อาทิเช่น การเลี้ยงดูบุตรที่ไม่สามารถไปโรงเรียนได้เนื่องจากโควิด-19 หรือ การทำงานบ้านที่เพิ่มมากขึ้นเนื่องจากใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น
ด้วยสาเหตุทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามานี้ กลับกลายเป็นว่าการทำงานนอกสถานที่กลับเป็นรูปแบบการทำงานที่ช่วยเสริมสร้างสมดุลชีวิตทำงานให้แก่พนักงานได้อย่างดี หากแต่ยังคงต้องมีการพัฒนาและปรับปรุงรูปแบบให้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น ขณะที่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นคือการลดภาระหน้าที่ของพนักงานลง หรือแม้แต่การจ้างพนักงานเพิ่ม เพื่อให้พนักงานที่มีอยู่มีเวลาและพื้นที่มากพอในการพัฒนา ความร่วมมือ, ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรมในสภาพแวดล้อมของการทำงานนอกสถานที่ต่อไปในอนาคต
อ้างอิง:
https://bit.ly/3uEVc9l
https://bit.ly/35ZgDrf
https://bit.ly/34zabqH
https://bit.ly/3oHUhRD
https://bit.ly/3oH2Yvp
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#worldnews