โตต่อไม่รอแล้วนะ! Apple กลายเป็นบริษัทแรกของโลกที่มูลค่าแตะ 3 ล้านล้านดอลลาร์

379
Apple Becomes First Company to Hit $3 Trillion Market Value

เป็นที่น่าสนใจ เมื่อมูลค่าของบริษัทเทคโนโลยีชื่อดังจากสหรัฐฯ อย่าง Apple นั้นเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าตัวนับตั้งแต่ตั้งแต่ปี 2018 จากยอดขายที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการระดมเงินของบริษัทมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเข้าซื้อหุ้นของตัวเองคืนจากเหล่านักลงทุน

Apple บริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่ระดับโลก มีจุดเริ่มต้นในปี 1976 จากการเป็นบริษัทคอมพิวเตอร์เล็กๆ ในโรงรถ ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่ในปัจจุบัน Apple กลับมีมูลค่าในตลาดถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ถือเป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งแรกของโลกที่มีมูลค่าสูงมากขนาดนี้ ขณะที่เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2018 Apple กลายเป็นบริษัทอเมริกันแห่งแรกที่มีมูลค่าถึง 1 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือว่าใช้เวลาถึง 42 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้งกว่าที่จะมาถึงจุดนี้ได้

สิ่งที่น่าสนใจคือเบื้องหลังการเติบโตอย่างรวดเร็วและยั่งยืนเช่นนี้ คือ การที่ Apple ได้สร้างทั้งภาพลักษณ์แบรนด์ที่เป็นเอกลักษณ์ และการส่งเสริมให้ผู้บริโภคเป็น Royalty Fan รวมถึงการใช้กระแสเงินสดมหาศาลอย่างชาญฉลาด

อย่างไรก็ตาม การใช้กระแสเงินสดอย่างมหาศาลของพวกเขาไม่ใช่การเข้าซื้อกิจการอื่นๆ เพิ่มเติมแต่อย่างใด รวมถึงไม่ใช่การทดลองทำอะไรหรือเสี่ยงลงทุนกับอะไรที่มีราคาสูงเกินกว่าตัว หากแต่เป็นการที่ได้ตัดสินใจที่จะคืนกระแสเงินสดให้กับนักลงทุนเป็นส่วนใหญ่โดยการซื้อหุ้นของตัวเอง

โดยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา Apple ได้ซื้อหุ้นของตัวเองมูลค่ากว่า 488 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งถือว่ามากที่สุดในบรรดาบริษัทอื่นๆ และการใช้จ่ายส่วนใหญ่นั้นเกิดขึ้นหลังจากที่ Apple ใช้กฎหมายภาษีปี 2017 เพื่อย้ายเงินส่วนใหญ่จำนวน 2,522,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่เก็บไว้ในต่างประเทศกลับไปยังสหรัฐอเมริกา

ปัจจุบัน Apple รับผิดชอบการซื้อคืนหุ้นที่ใหญ่ที่สุด 14 จาก 15 รายการในทุกๆ ไตรมาส รวมถึงโฆษกของ Apple ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “บริษัทใช้เงินมากกว่า 82,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการวิจัยและพัฒนาในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มการลงทุนอย่างต่อเนื่องสำหรับการขยายบริษัทในแต่ละปี โดยในปัจจุบัน Apple มีพนักงานประมาณ 154,000 คนหรือ 38,000 คนมากกว่า 5 ปีที่แล้ว”

อย่างไรก็ตามนักเศรษฐศาสตร์หลายคนได้วิเคราะห์การที่ Apple เลือกใช้วิธีนี้ โดยผู้เชี่ยวชาญอย่าง William Lazonick ศาสตราจารย์กิตติคุณด้านเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซตส์ กล่าวว่า “พวกเขากำลังใช้มันเพื่อเพิ่มราคาหุ้น เพราะการซื้อคืนหุ้นจะลดจำนวนหุ้นทั้งหมดที่มีให้ซื้อ จะทำให้แต่ละหุ้นที่เหลือมีค่ามากขึ้น อีกทั้งยังเป็นไปเพื่อปรับปรุงพื้นฐานหุ้นของบริษัทเพื่อดึงดูดนักลงทุนรายใหญ่ให้เลือกลงทุน ซึ่งจะส่งผลทำให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น” และ “เพราะว่าได้ใช้เงินหลายพันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อซื้อหุ้นของตัวเอง ในขณะที่ใช้คนงานที่มีค่าแรงต่ำประกอบผลิตภัณฑ์ ทำงานหนักเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี และขึ้นราคาอุปกรณ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้รายได้ของพวกเขายิ่งสูงขึ้นไปอีก”

โดยในปัจจุบัน Apple เป็นผู้เสียภาษีรายใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ในเดือนเมษายน บริษัทกล่าวว่าได้จ่ายภาษีไปแล้ว 45 พันล้านดอลลาร์ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา


อ้างอิง:
https://nyti.ms/3zup0FZ


#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#worldnews

Advertisements
Advertisements

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่