ขอขึ้นเงินเดือนอย่างไรดี? แนะนำวิธีพูดและเรื่องที่ต้องรู้ก่อนขอขึ้นเงินเดือน

6051
ขอขึ้นเงินเดือนอย่างไรดี? แนะนำวิธีพูดและเรื่องที่ต้องรู้ก่อนขอขึ้นเงินเดือน
ขอขึ้นเงินเดือนอย่างไรดี? แนะนำวิธีพูดและเรื่องที่ต้องรู้ก่อนขอขึ้นเงินเดือน

เคยขอขึ้นเงินเดือนกันบ้างไหม? เชื่อว่าหลายๆ คนตอบว่า “ไม่กล้าขอ” ด้วยเหตุผลมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเกรงใจ ไม่อยากดูเป็นคนโลภมาก หรือไม่รู้จะพูดอย่างไร ก็เลยได้แต่ตั้งใจทำงานเงียบๆ เผื่อว่าเจ้านายจะสังเกตเห็นแล้วขึ้นเงินเดือนให้ แม้จะแอบไม่พอใจเงินเดือนปัจจุบันอยู่ลึกๆ ก็ตาม

แน่นอนว่าเราไม่ใช่คนเดียว! บทความจาก Harvard Business Review รายงานว่า คนส่วนใหญ่นั้นกังวลกับการขอขึ้นเงินเดือน จากการสำรวจพนักงานกว่า 3,000 คนในอังกฤษพบว่า 55% ลังเลกับการขอขึ้นเงินเดือน โดยให้เหตุผลว่า ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร (16%) กลัวดูเป็นคนโลภมาก (15%) และเพราะกลัวเฉยๆ (12%)

อย่างไรก็ตาม การทำงานแบบไม่พอใจเงินเดือนนั้นน่ากลัวกว่า เพราะอาจทำให้เราไม่มีความสุขกับการทำงานและนำไปสู่อาการหมดไฟได้! การขอขึ้นเงินเดือน แม้จะฟังดูน่ากลัว ท้ายที่สุดแล้วอาจเป็นตัวเลือกที่ดีต่อเราและบริษัทมากกว่า

แต่จะขอขึ้นเงินเดือนอย่างมืออาชีพนั้นเขาทำกันอย่างไร? วันนี้เราได้รวบรวมเรื่องที่ควรรู้และเทคนิคการพูดที่จะเปลี่ยนเรื่องยากๆ ให้เป็นเรื่องง่ายมาแบ่งปัน

#การต่อรองเงินเดือนเป็นเรื่องปกติ

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่า การขอขึ้นเงินเดือนหรือต่อรองเงินเดือนนั้นไม่ใช่เรื่องแปลก และแม้เราจะรู้สึกว่ามันเป็น “เรื่องใหญ่มาก” สำหรับเรา แต่สำหรับหัวหน้าหรือ HR ที่จัดการเรื่องคนและเรื่องเงินตลอดเวลา ไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายแต่อย่างใด

ถ้าหากเราอยากเตรียมใจให้กล้า ลองคิดแบบนี้แทน “เงินเดือนคือผลตอบแทนการทำงานของเรา” หากความรับผิดชอบของเราเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม เป็นเรื่องปกติที่จะต้องปรับตาม ดังนั้นการขึ้นเงินเดือนไม่ใช่ความอนุเคราะห์หรือของขวัญอะไรทั้งนั้น ไม่ต้องรู้สึกสำนึกบุญคุณก็ได้ เพราะมันเป็นค่าตอบแทนที่นายจ้างต้องจ่ายต่างหาก

#เลือกช่วงเวลาให้ดี

แม้จะบอกไปว่าเป็นเรื่องปกติ แต่หากเราจะคุยกับหัวหน้า หรือ HR เรื่องขึ้นเงินเดือน ทางที่ดีต้องดูด้วยว่าอีกฝ่ายอยู่ในอารมณ์ขุ่นมัวหรือเปล่า (แน่นอนว่าการเข้าหาตอนพวกเขาอารมณ์ดี ย่อมส่งผลดีต่อเรามากกว่า) และดูด้วยว่าการขอครั้งนี้ห่างจากการปรับเงินเดือนครั้งสุดท้ายประมาณ 1 ปีไหม เพราะถ้าหากยังไม่ทันครบปี การขอขึ้นเงินเดือนในตอนนี้อาจเร็วไปสักหน่อย

แต่แน่นอนว่ามีข้อยกเว้น เช่น งานที่ทำไม่เหมือนที่คุยกันไว้ตอนแรก หรือ เราถูกขอให้ทำงานมากกว่าใน Job Description ก็ถือว่าสมเหตุสมผลในการพูดคุยเรื่องปรับเงินเดือนก่อนครบ 1 ปี

Advertisements

#งานแบบเราได้เงินเดือนเท่าไหร่

ก่อนพูดคุยเราอาจเตรียมความพร้อมผ่านการค้นคว้าหาข้อมูลว่า งานตำแหน่งเดียวกับเราในบริษัทอื่นๆ นั้นเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่เท่าไหร่ (อย่าลืมว่าต้องดูจากหน้าที่และความรับผิดชอบเป็นหลัก เพราะชื่อตำแหน่งในแต่ละบริษัทอาจแตกต่างกันออกไป) ถ้าหากพบว่าเงินเดือนของเราต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไป เราก็สามารถใช้เหตุผลนี้ในการพิจารณาขอขึ้นเงินเดือนได้

#ปกติขึ้นเงินเดือนให้กี่เปอร์เซ็นต์

อีกข้อสำคัญที่อาจช่วยได้ คือ เราต้องรู้ด้วยว่าปกติบริษัทขึ้นเงินเดือนให้พนักงานกี่เปอร์เซ็นต์ หากบริษัทของเรานั้นขึ้นเงินเดือนให้สูงสุดครั้งละ 5% เท่านั้น การขอขึ้นเงินเดือน 5% อาจเป็นไปได้ที่หัวหน้าจะตอบตกลง และเป็นไปได้ว่าเราจะถูกปฏิเสธหากเราขอมากกว่านั้น

Advertisements

#จดลิสต์ผลงานที่โดดเด่น

ผลงานที่ทำได้ดีและโดดเด่นของเรามีอะไรบ้าง? จดลิสต์ผลงานเหล่านี้ไว้ก่อนเข้าไปคุยกับหัวหน้า หากเป็นผลงานที่สอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัท หรือเป็นผลงานที่ช่วยให้บริษัททำตามเป้าได้สำเร็จจะยิ่งดี อย่าลืมว่าการขอขึ้นเงินเดือนก็คือการต่อรอง ดังนั้นเราควรมีเหตุผลหนักแน่น (อย่างผลงาน) ในการเจรจา

#พูดอย่างไรดี

บทความ How To Ask for a Raise ​โดยอลิสัน กรีน จากเว็บไซต์ The Cut แนะนำไว้ว่า ประเด็นที่ควรจะพูดถึงคือ “ทำไมเราคิดว่าเราควรได้ขึ้นเงินเดือน” ผ่านการพูดถึงความรับผิดชอบ การมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้นของเรา และผลงานของเราที่ช่วยให้บริษัททำตามเป้าหมายได้ เช่น

“ขอบคุณสำหรับโอกาสและความไว้วางใจ ที่ให้ผมได้ทำงานที่มีความรับผิดชอบและความท้าทายมากขึ้น เช่น (ยกตัวอย่างงานที่ทำ) ซึ่งเป็นงานที่ผมได้รับคำชม / ฟีดแบ็กอย่างดีและได้ช่วยให้บริษัททำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้สำเร็จ จะเป็นไปได้ไหมหากเราจะคุยกันเรื่องการปรับเงินเดือนของผมให้สอดคล้องกับงานที่มากขึ้น?”

หรือ

“ผมอยากจะปรึกษาเรื่องการปรับเงินเดือน เพราะเวลาก็ผ่านมาเกือบปีแล้วตั้งแต่การขึ้นเงินเดือนครั้งก่อน ตั้งแต่นั้นมาผมได้ทำตามหน้าที่และความรับผิดชอบใหม่ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น (ยกตัวอย่างงานที่ทำ) อย่างการบริหารงานภายในทีมและการประสานงานกับทีมอื่นๆ ให้เป็นไปอย่างราบรื่น หรือการวางโฟลว์การทำงานใหม่ที่ช่วยให้ทุกๆ ฝ่ายประหยัดเวลาในการทำงาน แม้จะเป็นหน้าที่ใหม่ที่ท้าทาย แต่ผมก็ทำได้อย่างดี เลยอยากจะพูดคุยว่าเป็นไปได้ไหม หากจะปรับขึ้นเงินเดือนให้สอดคล้องกับความรับผิดชอบที่มากขึ้น”

ผู้เขียนยังแนะนำอีกว่า..
[ ] หากเป็นไปได้ให้ระบุไปเลยว่าเงินเดือนที่เราคาดหวังคือจำนวนเท่าไหร่
[ ] หากหัวหน้าเราต้องไปคุยกับคนอื่นๆ ต่อ (เช่น HR หรือ คนที่ตำแหน่งสูงกว่า) เราอาจต้องจดลิสต์ผลงานของเราเป็นข้อๆ ไว้ให้ หัวหน้าจะได้ไม่ลืมและพูดคุยได้อย่างราบรื่น

#เตรียมใจรับมือการโดนปฏิเสธ

หากหัวหน้าตอบตกลง ก็ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ถ้าหัวหน้าปฏิเสธ ก็อย่าเพิ่งคิดมากว่าการขอครั้งนี้จะทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเรากับหัวหน้า หรือทำให้เราดูเป็นคนโลภมาก เพราะเราเพียงแค่ขอให้เขาพิจารณาค่าตอบแทน ตามความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นของเราเท่านั้น

ถ้าเป็นไปได้ให้หันกลับมาโฟกัสผลงานดีๆ ของตัวเองที่สร้างมา และมองหาหนทางที่จะทำให้ดียิ่งขึ้น เพื่อเป็นเหตุผลที่ดีในการเจรจาครั้งต่อไป

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วรู้สึกว่า “พร้อม” สำหรับการขอขึ้นเงินเดือนมากขึ้นไหม? หวังว่าบทความนี้จะช่วยคุณผู้อ่านหลายๆ คนได้ไม่มากก็น้อย ส่วนใครที่มีประสบการณ์ขอขึ้นเงินเดือนก็บอกเล่าให้กันฟังผ่านคอมเมนต์ได้ หลายๆ คนจะได้รู้ว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิด!

อ้างอิง
How to Ask for a Raise by Alison Green : https://bit.ly/3jD6WG0
Don’t Ask for a Raise — Negotiate It by Carol Hagh : https://bit.ly/3FQHWlW

#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
#worklife
#softskill

Advertisements